ตอนที่แล้ว61 - พวกเราก่อคดีฆาตกรรมขึ้นแล้ว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป63 - เจ้าลูกเศรษฐี

62 - เราจะวิ่งไปสู่อิสรภาพด้วยกัน


กำลังโหลดไฟล์

62 - เราจะวิ่งไปสู่อิสรภาพด้วยกัน

“แล้วคนล่ะ...”

หลี่ไหลฟู่ตกตะลึง ผู้ป่วยจิตเวชทั้งสองหายไปไหน หรือว่าสิ่งชั่วร้ายกินพวกเขาเข้าไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นฮ่าวเหรินจะต้องบุกมาเผาโรงพยาบาลกลางแน่ๆ

“รองผอ. ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว”

สำหรับจางหงหมินช่วงเวลาก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่เขาทรมานมากที่สุด เขาเฝ้าดูผู้ป่วยทางจิตทั้งสองผลักมิสเตอร์อสูรกายตัวนี้ลงบนเตียงเพื่อทำการวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมต่างๆ

“พวกเขาถูกมันกินเหรอ?” หลี่ไหลฟู่ถาม

จางหงหมินรีบกล่าวว่า "รองผอ. มันเป็นแบบนี้ ตอนที่คุณสัตว์ประหลาดคนนี้มาที่วอร์ดของเรามันดูราวกับว่าเขากำลังค้นหาใครบางคนอยู่

หลังจากที่เขาหาคนคนนั้นไม่พบเขาก็ขอโทษแล้วเดินจากไป แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ออกจากห้อง ผู้มีพระคุณทั้งสองก็ลากเขากลับมาบนเตียงนี้

จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็รุมทำร้ายคุณสัตว์ประหลาดคนนี้อย่างรุนแรง รองผอ. คุณไม่รู้หรอกว่าเสียงกรีดร้องของคุณสัตว์ประหลาดนั้นน่าสังเวชมากแค่ไหน!”

ยอดฝีมือทั้ง 4 คนจากแผนกพิเศษฟังคำพูดของจางหงหมินด้วยสีหน้าไม่เชื่อ

“ไม่ผิด นี่คือปีศาจระดับสามที่เรากำลังมองหา ใครกันที่ฆ่ามันอย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้”

"ฉันไม่รู้"

“ติดต่อหาเบื้องบน ให้พวกเขามาเก็บมันกลับไปตรวจสอบอีกครั้ง”

ณ ขณะนี้.

ยอดฝีมือจากวิทยาลัยพุทธะก็ยื่นมือซ้ายของเขาออกมาบีบคอหลี่ไหลฟู่เบาๆและกล่าวว่า

“คุณใช้ไม้กอล์ฟตีหัวผม แม้ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่เป็นอะไร แต่สมองของผมก็อาจได้รับการกระทบกระเทือนภายหลัง จ่ายค่าทำขวัญมาเดี๋ยวนี้”

หลี่ไหลฟู่ไม่มีเวลาสนใจฝ่ายตรงข้าม เขายังคงถามคำถามกับจางหงหมินต่อไป

“พวกนั้นไปไหนแล้ว”

จางหงหมินพูดอย่างประหม่าว่า

"พวกเขาบอกว่าพวกเขากลายเป็นฆาตกรไปแล้ว พวกเขาก็เลยหนีออกจากห้องก่อนที่พวกคุณจะมาถึง"

หลี่ไหลฟู่ตบหน้าผากของตัวเอง เรื่องนี้กลายเป็นความซับซ้อนไปแล้ว

ผู้ป่วยทางจิตทั้งสองเข้าใจว่าตัวเองเป็นฆาตกรพวกเขาจึงหนีออกไปข้างนอกด้วยความกลัว

คนทั้งสองนี้ไม่ใช่ผู้ป่วยจิตเวชระดับธรรมดา หากพวกเขาก่อเรื่องอะไรข้างนอกรับรองว่าทางรัฐบาลจะต้องโยนความผิดมาที่โรงพยาบาลกลางของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

เขายังไม่กล้าบอกฮ่าวเหรินในเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เขากลัวว่าไอ้แก่เจ้าเล่ห์นั่นจะใช้โอกาสนี้แบล็คเมล์เขา ดังนั้นเขาจึงต้องการหาพวกหลินฟ่านจนสุดความสามารถก่อน

หลี่ไหลฟู่พูดกับยอดฝีมือแผนกพิเศษว่า

"ผมไม่มีเวลาจัดการที่นี่ผมยังมีเรื่องต้องทำ ขอยกที่นี่ให้เป็นหน้าที่ของพวกคุณ ส่วนผมจะไปจัดการธุระของตัวเองก่อน"

หลังจากพูดแบบนี้ เขาก็ดึงแขนหวงกวนให้ออกไปจากห้องก่อนจะรวบรวมหน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งหมดเพื่อตามหาผู้ป่วยจิตเวชทั้งสอง

…………..

ถนนในเมือง

ผู้เฒ่าจางเดินไปตามถนนและมองดูผู้คนที่ผ่านไปมา เขากลัวเล็กน้อย เรื่องนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกกังวลใจ

"อย่ากลัว."

หลินฟ่านจับไหล่ของเหล่าจาง

“อยู่กับผมไม่มีใครรังแกคุณได้”

ผู้เฒ่าจางค้อมคอลง เขาถือกล่องเข็มไว้ในมือพลางมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยความระมัดระวัง

เขาอาศัยอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชชิงซานมาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาเป็นบ้าเขาก็แทบไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไป ดังนั้นเขาจึงอดที่จะกลัวไม่ได้

เมื่อเห็นเหล่าจางประหม่ามาก หลินฟ่านก็เกาหัวแล้วพูดว่า

"เดี๋ยวผมจะพาคุณไปที่หนึ่ง"

ผู้เฒ่าจางพยักหน้า คว้ามุมเสื้อผ้าของหลินฟ่าน ก้มหน้าลง ไม่กล้ามองไปรอบๆ ขณะที่หลินฟ่านเดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มสดใสโดยไม่ได้สังเกตว่าเสื้อผ้าที่แปลกประหลาดของพวกเขาทำให้ผู้คนมากมายเกิดความสนใจ

หลินฟ่านมีใบหน้าที่หล่อเหลา เมื่อผสมผสานกับรอยยิ้มของเขา มันคล้ายกับว่าโลกทั้งใบเกิดความสดใสขึ้นทันที

แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่เขาคิด

ในความเป็นจริงผู้คนมากมายที่มองเห็นใบหน้าของเขาต่างก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างสะดุ้งเมื่อเห็นป้ายห้อยอยู่ที่หน้าอกของทั้งสองซึ่งเป็นป้ายประจำตัวของผู้ป่วยโรงพยาบาลจิตเวชชิงซาน

หลินฟ่านต้องการพาผู้เฒ่าจางไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่

หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง

ใต้สะพานข้ามแม่น้ำ.

หลินฟ่านและผู้เฒ่าจางนั่งบนพื้นหญ้า มองดูแม่น้ำที่ไหลอยู่ข้างหน้าพวกเขา พวกเขาเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงรอบตัวอย่างเงียบๆโดยไม่มีใครพูดอะไร

เมื่อนั่งอยู่ที่นี่ผู้เฒ่าจางก็เกิดความผ่อนคลายอีกครั้ง

"ที่นี่เงียบจังเลยนะ"

"ใช่."

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวชชิงซานโดยไม่มีผู้ดูแล พวกเขาใช้ชีวิตเกือบทั้งชีวิตในโรงพยาบาลและพวกเขาไม่ชอบออกมาข้างนอก

แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ดีเช่นกัน

พวกเขานอนอยู่บนพื้นหญ้า มองดูดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า แสงแดดอ่อนๆส่องมากระทบพวกเขาทำให้เกิดความอบอุ่นและสะดวกสบาย

“การฝังเข็มของผมไร้ประโยชน์จริงหรือ?” ผู้เฒ่าจางถาม

“มันมีประโยชน์”หลินฟ่านตอบ

“แต่ทำไมผมถึงทำไม่สำเร็จสักที วันนี้พวกเราฆ่าคนตายอีกด้วย มันเป็นความผิดของผม ผมอยากจะช่วยเขาจริงๆ”

ผู้เฒ่าจางเริ่มร้องไห้และโทษตัวเอง ชายขี้เหร่ตายด้วยมือของเขาอย่างแน่นอน และมันทำให้เขารู้สึกผิดมาก

หลินฟ่านจับไหล่ของชายชราและกล่าวว่า

"คุณประสบความสำเร็จ ผมคือตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของคุณ แล้ววิชาฝังเข็มของคุณจะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร"

ผู้เฒ่าจางรู้สึกดีขึ้นเมื่อเขาได้รับการปลอบโยน "ผมก็เชื่อว่าคุณสามารถบ่มเพาะได้ แม้ว่าคนอื่นจะไม่เชื่อก็ตาม"

“เราก็ทำได้ดี ดังนั้นอย่าไปสนใจสายตาคนอื่น พวกเขาอาจจะแตกต่างจากเรา” หลินฟ่านกล่าวพลางชี้ไปที่ศีรษะอย่างอ่อนโยน

ผู้เฒ่าจางพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“น่าจะเป็นแบบนั้น”

"ผมง่วงแล้ว"

"ผมก็ง่วงเหมือนกัน"

ทั้งสองค่อยๆหลับตาและนอนเงียบๆบนพื้นหญ้า พวกเขาชอบสภาพแวดล้อมนี้มาก ทุกอย่างที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ

ไม่รู้ว่าผ่านนานเท่าไหร่แล้ว

มีเสียงรบกวนเกิดขึ้นเบาๆ

"วู้ฮู..."

มันเป็นเสียงของใครบางคนที่ถูกอุดปากและกำลังดิ้นรนอย่างหนัก

“พี่ครับ เด็กคนนี้คุ้มค่าจริงๆเหรอ?”

“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว รู้ไหมใครเป็นพ่อของเขา คนที่รวยที่สุดในเอี๋ยนไห่และเด็กน้อยนี่คือลูกชายคนเดียวของเขา หลังจากที่เราได้เงินค่าไถ่แล้วฉันจะพาแกไปนอนอยู่ในซ่องสักเดือน แกจะได้รู้ว่าฉันพูดจริง”

“แล้วเราจะเรียกค่าไถ่เขาเท่าไหร่”

“อย่างน้อยๆก็ร้อยล้านละวะ”

“เอ่อ...เยอะจัง”

ชายสองคนที่พูดคุยกันเป็นโจรลักพาตัว คนหนึ่งผอมแห้งและน่าสงสาร อีกคนร่างกายใหญ่โตดุร้ายมาก ใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นราวกับตะขาบตัวใหญ่

หลินฟ่านตื่นขึ้น ลืมตาช้าๆ ขยี้ตาและหันศีรษะ คนพวกนั้นตามมาเร็วเกินไปพวกเขาหนีมาได้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น?

เขาลุกขึ้นและมองไปข้างหน้า มีรถตู้จอดอยู่ใต้สะพาน ผู้ใหญ่สองคนกำลังลากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกมัดมือมัดเท้าและอุดปากเข้าไปในรถ

หลินฟ่านเฝ้าดูอย่างเงียบๆ โดยไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาทำ

โจรลักพาตัวพวกนั้นกำลังยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง แต่แล้วคนที่เป็นลูกน้องก็มองเห็นหลินฟ่าน เขาอุทานขึ้นด้วยความตกใจ

“มีคนเห็นเรา”

ชายที่มีรอยแผลเป็นหันไปมองหลินฟ่าน ในตอนนั้นเองที่เขาหยิบปืนพกออกมาโดยไม่ลังเล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด