ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 38 นักเรียนกิตติมศักดิ์
วาเรี้ยน ถามว่า 'เขา' ที่พันเอกต้องการพบคือใครหรอครับ
พันเอกเรน่าไม่ตอบและหันกลับมา "ตามฉันมา"
ไคล์กระซิบ "พวกเขาถามฉันเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างภายในเนินเขา พวกเขามีตัวระบุตำแหน่งของพวกเรา"
วาเรี้ยนมองไปที่ระบบนักเรียนนายร้อยที่ข้อมือของเขาด้วยความไม่ไว้วางใจ
'สิ่งนี้จะบันทึกความลับของฉันหรือเปล่าละเนี้ย'
"มันทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอกเพื่อนมันมีแค่ระบบติดตามกับระบบสั่งกระสวยอวกาศ สิ่งที่พวกเขาต้องการตอนแรกคือแค่สังเกตการณ์พวกเรา แต่ศิษย์เก่าและครอบครัวนายกรัฐมนตรีคัดค้าน พวกเทคโนแครตยังบอกด้วยว่าถ้าหากข้อมูลแบบนั่นรั่วไหลออกไปจะทำให้พวกที่ไม่หวังดีกับเราเอามาโจมตีเรา"
ไคล์หัวเราะและเปิดเผยเรื่องระบบให้วาเรี้ยนฟัง
วาเรี้ยนเลิกคิ้วมองไคล์และถามว่า
'นายรู้มากขนาดนี้ได้ยังไง'
“พ่อของมายาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมโครงการนี้ไงละ”
เขายิ้มและพูดว่าตามผู้พันไปเร็ว
'เขาคงภูมิใจในตัวพ่อตาของเขามากแน่ๆ'
วาเรี้ยนส่ายหัวและเดินตามพันเอกเรน
พวกเขาเดินผ่านเส้นทางที่มีป้อมปราการแน่นหนา ผนังทำด้วยโลหะผสมพิเศษ และเป็นวัสดุที่ดีกว่าอดาแมนเทีย
วาเรี้ยนใจสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นกำแพงเหล่านี้ เขามองไปยังเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างหน้าและต้องการที่จะตรวจสอบระบบนักเรียนนายร้อยของเขา วาเรี้ยนพยายามจะขัดขืนแต่เมื่อเห็นสายตาอันดุดันเขาเลยยอมให้ตรวจแต่โดยดี
'ฉันหลับไป 2 ชั่วโมงหรอ?' วาเรี้ยนรู้สึกงุนงง
'บาดแผลที่ฉันสู้กับการใช้ออร่าไปขนาดนั่นมันต้องใช้เวลารักษานานกว่านี้ไม่ใช่หรอ?'
อาการบาดเจ็บที่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ ล้วนไม่ใช่ปัญหาสำหรับเทคโนโลยีในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ปลุกพลังสองคนต่อสู้กัน พวกมันจะสร้างออร่าของตัวเองให้กับคู่ต่อสู้และส่วนหนึ่งของมันก็จะซึมเข้าไป ออร่าส่วนนี้จะต้องถูกลบออก ไม่อย่างนั้นมันจะขัดขวางกระบวนการรักษา
เขาพยายามหาบาดแผลของเขาที่ก่อนหน้านี้เต็มไปหมดแต่ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่แผลเดียว
'น้ำยาบำบัดวิกฤต นั้นสินะ...' เขานึกถึงความรู้สึกผ่อนคลายตอนอยู่ในของเหลวตอนที่เขาแช่มันอยู่
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงประตูบานใหญ่
AI สแกน ID ของเธอและแจ้งคนข้างใน
พันเอกเรน่าหันกลับมามองเขาด้วยใบหน้าที่เย็นชา “นายมันคนโง่ที่บ้าบิ่น”
เธอเริ่มเดินจากไปและพูดทิ้งท้ายแนะนำไว้อย่างหนึ่งว่า "ระวังสิ่งที่นายพูดให้ดี"
'ผู้หญิงคนนี้แปลกช่ะมัด' วาเรี้ยนส่ายหัวและหันกลับมาที่ประตูบานใหญ่
ประตูเปิดออก และวาเรี้ยนเกือบจะต่อยคนที่กำลังเดินออกมา
นาร์ซิสใช้เวลาครู่หนึ่งและจำเขาได้และหัวเราะออกมา
“โอ้? แก? แกเป็นพวกแมลงสาบที่ไม่มีวันตายหรอ?”
วาเรี้ยนอยากจะฆ่านาร์ซิสจริงๆ แม้ว่าจะเป็นมนุษย์ก็ตาม สิ่งเดียวที่หยุดเขาคือพวกครอบครัวที่หนุนหลังของเขา
ถ้าเขามีเรื่องกับนาร์ซิสซึ่งเป็นระดับ 3 พี่ชายของเขาจะต้องแก้แค้น แล้วพ่อของเขา แล้วปู่ของเขา ถ้ายังมีชีวิตอยู่ แม้แต่ปู่ทวดของเขาก็ต้องมาฆ่าเขา
พ่อของนาร์ซิสก็เพียงพอที่จะฆ่าใครก็ได้แล้ว เขาคือจูเลียสแซนเดอร์ - จักรพรรดิจุดสูงสุดของพลังต่อสู้และผู้พิทักษ์โลก หากข่าวลือที่เคยได้ยินมาเขาสนใจลูกชายคนที่สองของเขาที่ชื่อนาร์ซิสเป็นพิเศษ
'แต่ฉันสามารถลอบสังหารแกได้เสมอ... มาดูกันว่าแกจะดูถูกพวกฉันไปได้อีกนานแค่ไหน'
วาเรี้ยนตัดสินใจอยู่ก่อนแล้วจึงไม่ต้องการใช้ความรุนแรงตอนนี้
แต่เขาไม่มีปัญหาในการโต้กลับด้วยคำพูดและเขาก็พูดว่า
"แล้วแกเป็นขยะที่ไม่สามารถแม้แต่จะฆ่าแมลงสาบได้งั้นหรอ"
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชายหนุ่มอายุราวๆ 18 ปีปรากฏตัวขึ้นด้านหลังนาร์ซิสและมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
“นาร์ซิส ลูกชายคนที่สองของจูเลียส แซนเดอร์ เป็นขยะที่ไม่สามารถฆ่าระดับ 2 ได้” ชายหนุ่มสุมไฟเพิ่ม
“อาดีร์ นายควรจำไว้นะว่านี่ไม่ใช่พื้นที่ของครอบครัวคาร์รอน ถ้านายยังไม่เลิกดูถูกฉัน ฉันสามารถเนรเทศนายกลับดาวบ้านเกิดได้ทุกเมื่อนะ” นาร์ซิสเหล่มองชายหนุ่มและเตือน
“ลองดูสิ ฉันเป็นนักเรียนกิตติมศักดิ์และจะเป็นคนที่ได้คะแนนสูงสุดในการทดสอบภาคปฏิบัติ ลองเนรเทศฉันดูสิ” อาดีร์ยิ้มเยาะ
“ไร้สาระ ฉันจะเป็นคนที่ได้คะแนนสูงสุด” นาร์ซิสโต้กลับ
พวกเขาเพิกเฉยต่อวาเรี้ยน สำหรับพวกเขาแล้ว ใครก็ตามที่ไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งก็ไม่มีค่าพอให้สนใจด้วยซ้ำ นาร์ซิสคงจะลืมไปแล้วว่าวาเรี้ยนอยู่ตรงนี้
'ชั่งมันละกัน' วาเรี้ยนไม่สนใจพวกเขาและเดินเข้าไปในห้อง
การแก้แค้นนาร์ซิสเป็นอันดับ 2 ในสิ่งสำคัญที่เขาต้องการจะทำ แน่นอนว่าอย่างแรกที่เขาอยากทำคือตามหาเซีย
เมื่อเขาก้าวเข้ามา เขาเห็นทั้งห้องถูกฉายโดยโฮโลแกรมที่แสดงฉากสุดท้ายของวาเรี้ยนกระโดดขึ้นกระสวยอวกาศและอะบิซอลขุนนางต่อยกระสวยอวกาศ
ถ้าวาเรี้ยนไม่เคยเชื่อว่าเขาโชคดี ตอนนี้เขาเชื่อแล้วเพราะถ้าเขาขึ้นกระสวยไปช้ากว่านี้สัก 1 วินาทีเขาคงตายเพราะโดนอะบิซอลขุนนางต่อยตายไปแล้ว
นั่นหมายความว่าถ้าเขาทำทุกอย่างช้าไปแค่ 1 วินาทีเขาคงตายไปแล้วไม่ว่าจะเป็นอยู่บนเนินเขาอีกวินาทีหนึ่ง คิดอีกวินาทีหนึ่ง ลังเลหนึ่งวินาที
โฮโลแกรมปิดลงและวาเรี้ยนก็เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ เขาสวมเครื่องแบบทหารมาตรฐานและจ้องมองที่วาเรี้ยน
เมื่อมองดูเขาวาเรี้ยนก็รู้สึกกดดันอย่างมาก ชายคนนั้นสูงมากแม้จะนั่งอยู่ก็ตายและมีออร่าของความผันผวนเต็มไปหมด
'เอริค — ท่านนายพล' วาเรี้ยนชำเลืองมองดูชื่อและยศเจ้าหน้าที่แล้วยืนหลังตรงทันที
นายพลมีอย่างน้อยระดับ 7 บางทีถ้าเขาแค่ทำอะไรเพียงนิดเดียววาเรี้ยนก็อาจตายได้แล้ว
เพราะเขาและท่านนายพลห่างกันถึง 5 ระดับโดยปกติแล้วแค่ห่างกันระดับเดียวก็แทบจะเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว
ไม่ว่าใครก็ตามที่ตื่นขึ้นเหนือระดับ 6 จะเป็นชนชั้นสูงและมีพลังการต่อสู้ชั้นยอดและสูงสุดของกองกำลังมนุษย์
วาเรี้ยนไม่พูดอะไร ท่านนายพลยังคงมองมาที่เขาและในที่สุด
เอริคก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “วาเรี้ยน คอนสแตนต์ ยินดีด้วยที่ได้เป็นนักเรียนกิตติมศักดิ์ของสถาบันฝึกทหารจักรพรรดิ”
"ขอบคุณครับท่าน" วาเรี้ยนตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหุบรอยยิ้มของเขาได้
เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาเจอภายในปราสาทถือเป็น 'ผลงานที่โดดเด่น' แต่เขาก็โล่งใจเมื่อรู้ว่าเขาได้รับเลือก
ตัวเลือกแรกและสุดท้ายของเขาในการรับเข้าเรียนคือสถาบันฝึกทหารจักรพรรดิ!
"ผมเอริค หัวหน้าชั้นปี 2 และผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายของการสอบเข้าครั้งนี้" เขาแนะนำตัวเองและพูดต่อทันที
“สิ่งก่อสร้างในเนินเขาถูกพบโดยกองทัพเมื่อนานมาแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นแหล่งสำรองของคริสตัลออร่า เพื่ออะไรเราไม่รู้”
เอริคพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ขณะสังเกตวาเรี้ยนอยู่ตลอด
'เขาไม่รู้เกี่ยวกับแท่นบูชาแปลกๆ หรือเขาแค่ทดสอบฉัน' วาเรี้ยนสงสัย
'พวกเขารู้แค่ว่าฉันเข้าไปข้างใน พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเห็นอะไร เรื่องที่ฉันดีใจคือระบบทหารนั่นไม่สามารถบันทึกทุกอย่างได้ แต่...'
“ครับท่าน ถายในนั้นมีออร่าคริสตัลมากมาย” วาเรี้ยนตอบแล้วชี้ไปที่แหวนอวกาศของเขาแล้วพูดต่อว่า
"มีแท่นบูชาแปลกๆ อยู่ในห้องพร้อมกับคริสตัลออร่า ผมรู้แค่นี้ครับ"
“ฮ่าฮ่า คุณพูดจริงนะ มีคริสตัลออร่าอยู่รอบๆ แท่นบูชาเท่านั้นถ้าคุณโกหกผมจะตัดสิทธิ์การเข้าเรียนของคุณ” เอริคพูดโดยไม่เปลี่ยนท่าทางหรือแสดงสีหน้าใดๆ
วาเรี้ยนรู้สึกว่าเขากำลังเหงื่อตก แม้ว่าห้องจะเย็นมากก็ตาม
"ตอนนี้ส่วนสำคัญ" เอริคยิ้มออกมาและโฮโลแกรมสองสามอันก็โผล่มาด้านหน้า
'เวอร์จิ้นดันเจี้ยน ข้ามอุโมงค์มิติเพื่อเป้าหมาย:
….'
'นูปดันเจี้ยน ข้ามอุโมงค์มิติเพื่อเป้าหมาย:
….'
“ผมต้องการสิ่งที่เขียนเรื่องพวกนี้เอาไว้”
วาเรี้ยนหยิบเอกสารจากแหวนอวกาศของเขาและกำลังจะเดินให้กับท่านนายพล
แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าออกไป มีกิ่งก้านไม้สองสามต้นก็เอาเอกสารนั้นไปจากเขา เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นเอริคกำลังตรวจสอบเอกสาร
ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกถึงกิ่งก้านไม้พวกนั่นเลย
'ผู้ใช้พืชมอร์เฟอร์ ระดับ 7' วาเรี้ยนรู้ได้ในทันทีว่านี้คือเส้นทางแห่งสวรรค์ของเอริค
ผู้ใช้พืชมอร์เฟอร์เป็น 1 ในเส้นทางสวรรค์ของเส้นทางมอร์เฟอร์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นพืชได้
เช่นเดียวกับผู้ใช้พืชสัตว์ร้ายมอร์เฟอร์ ใดๆก็ตามมีพันธุ์พืชที่พวกมันจะแปลงเป็นได้มากมาย
อย่างไรก็ตามผู้ใช้พืชมอร์เฟอร์ไม่มีความแตกต่างของ "สายพันธุ์" มากนักเหมือนในผู้ใช้พืชสัตว์ร้ายมอร์เฟอร์ซึ่งผู้ใช้พืชสัตว์ร้ายมอร์เฟอร์สามารถเปลี่ยนเป็นหมาป่าหิมะหรือเป็นจิ้งจอกไฟหรืออื่นๆได้อีก
ผู้ใช้พืชมอร์เฟอร์ทั้งหมดแปลงเป็นพืชชนิดเดียวกันไม่มากก็น้อย ดังนั้นความแตกต่างของพลังระหว่างมอร์ฟเฟอร์ของพืชทั้งสองจะถูกตัดสินโดยทักษะและประสบการณ์เท่านั้น
เอริคตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและมองเขาด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง “คุณโชคดี นักเรียนกิตติมศักดิ์ทุกคนมีเลเวล 3 ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ต้องทำงานยากๆ ให้สำเร็จไม่ว่าจะเป็นสังหารอะบิซอลคอมมานเด้อ, ขโมยสมบัติ, ทำลายคลังอาวุธ, สังหารอะบิซอลไนท์อย่างน้อย 100 ตัว และอื่นๆ”
วาเรี้ยนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาโชคดีจริง ๆ ที่ได้รับเอกสารเหล่านั้นโดยไม่ต้องต่อสู้เพื่อมันจริงๆ แต่การเอาชีวิตรอดจนถึงจุดนี้ถ้าไม่มีโชคเขาคงตายไปแล้ว
“เห็นไหมว่าใครเป็นคนฆ่าพวกอะบิซอลไปเกือบหมด” เอริคถามด้วยน้ำเสียงที่ต้องการคำตอบ
“ไม่ครับ ตอนที่ผมปีนขึ้นไปบนเนินเขา ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตสักตัวเดียว” วาเรี้ยนพูดโดยไม่เปลี่ยนท่าทีของเขา
ถ้าเขาบอกว่าเป็นอีนิกมา หัวหน้ากลุ่มเงส ซึ่งมีรายงานว่าฆ่ามนุษย์ทุกคนที่เธอเห็น เขาจะเป็นผู้ต้องสงสัย เขาอาจถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้ายด้วยซ้ำ
“เข้าใจแล้วเป็นไปตามคาด ไม่ว่าใครจะฆ่าอะบิซอลลอร์ด ก็ตามคุณคือคนที่นำข้อมูลสำคัญมา เรามองแต่ผลลัพธ์สุดท้าย ดังนั้นคุณจึงได้ความดีความชอบไป” เอริคพูด
วาเรี้ยนเหลือบมองที่ระบบการสื่อสารของนักเรียนนายร้อยของเขา
{คุณได้รับรางวัล 500 MP สำหรับ "ข้อมูลนี้"}
เอริคสัมผัสได้ถึงออร่าของวาเรี้ยนและรู้สึกว่าเขาเพิ่งขึ้นมาเป็นระดับ 2 เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณเข้าร่วมการทดสอบในฐานะระดับ 1 และคุณเลื่อนมาเป็นระดับ 2 ระหว่างการทดสอบสินะ คุณไปถึงระดับ 2 ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน บางทีคุณอาจพบผลไม้พิเศษ หรือคุณอาจได้รับยาล้ำค่า ผมไม่รู้ด้วยและผมไม่สนใจ แต่สิ่งที่คุณนำกลับมานั้นถือว่าเยี่ยมมาก”
'ผมไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้นครับ แต่ถ้าผมถูกเลื่อนระดับด้วยสิ่งเหล่านั้นผมคงจะดีใจมากกว่านี่ครับ'
“แต่ผมต้องบอกคุณเลยว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวผู้ที่จะเป็นตำนานแน่นอน” เอริคปรบมือ วาเรี้ยนพยายามยิ้มแต่หยุดตัวเองเมื่อรอยยิ้มของเอริคหุบลง “เรื่องราวเหล่านี้ส่วนใหญ่จบลงก่อนเวลาอันควร”
การเสียชีวิตของนักเรียนสถาบันฝึกทหารจักรพรรดิอย่างน้อย 20% เอริคเคยเห็นอัจฉริยะหลายคนตายไปก่อนที่จะฟื้นขึ้นมาจริงๆ พวกเขาเป็นเหมือนดาวหางที่ส่องแสงได้แค่คืนเดียวแทนที่จะเป็นดาวที่ส่องแสงทุกคืน
"ผมมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอยู่รอดครับ" วาเรี้ยนกล่าว
“คุณก็ควรจะทำแบบนั้นแหละ ผมยังคงแปลกใจที่คุณรอดชีวิตจากสถานการณ์แบบนี้โดยใช้แค่พลังร่างกายระดับ 2 เหมือนกัน”
'ดูเหมือนว่าพลังอวกาศของฉันจะไม่ถูกรายงานไป ผู้สมัครทุกคนต่างยุ่งกับเรื่องของตัวเอง'
วาเรี้ยนยิ้มและต้องการร้องขออะไรบางอย่างซึ่งนี่เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาอยากเป็นนักเรียนกิตติมศักดิ์
“มาถึงช่วงสุดท้ายกันแล้ว คุณเป็นคนที่ได้คะแนนสูงสุดในการทดสอบภาคปฏิบัติ คุณสามารถร้องขออะไรก็ได้ 1 ข้อแต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่เราทำได้”
วาเรี้ยน ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะถามเรื่องของเซียในทันที . . .