MDB ตอนที่ 35 จัดฉากสร้างแพะ
หวังจีเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติว่าเกาเจียงหมายถึงอะไร เพราะมันน่าละอายจริง ๆ ถ้าคำพูดนั้นออกมา
ทันใดนั้น เกาเจียงก็นึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้เกี่ยวกับการเปลี่ยนอาจาร์ของหลู่เสี่ยวหยุน จู่ ๆ เขาก็คิดขึ้นมาได้และเขาก็พูดว่า
“หัวหน้า พวกเราไม่ใช่ผู้ประเมินทางการเพียงสองคนในสมาคมนี้...”
ทันใดนั้น ดวงตาของหวังจีก็พลันสว่างขึ้นเมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นได้
"เจ้าพูดถูก เราไม่ใช่ผู้ประเมินทางการเพียงสองคนในสคมคมนี้ เอาล่ะ! ย้ายสิ่งเหล่านี้ไปที่ห้องประเมินหลักและเรียกหลินจินมา!”
...
หลินจินงีบหลับอย่างมีความสุขตลอดทั้งบ่ายเพราะไม่มีใครรบกวนเขา เขาจึงเพิ่งตื่นในตอนเย็น
หลังจากทานอาหารและดื่มชาแล้ว เขาก็ไปตรวจดูเต่าบกและอสูรน้ำหมึก เขาตระหนักได้ว่าชีวิตของเขาช่างผ่อนคลายเพียงใด
ส่วนจ้าวหยิงกับหลู่เสี่ยวหยุนได้เดินทางกลับไปก่อนที่ฟ้าจะมืด
หลินจินตั้งใจจะกลับบ้านด้วย เขาหยิบภาพวาดที่กู่เมียงจงมอบให้เขาจากตู้หนังสือ แน่นอนว่า เขาไม่สามารถทิ้งของมีค่าดังกล่าวไว้ในสมาคมได้และต้องนำมันกลับบ้าน
ด้วยม้วนภาพวาดในมือ จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านพร้อมกับเสี่ยวฮั่ว
ขณะที่เขากำลังก้าวออกนอกธรณีประตู เขาถูกหยุดโดยผู้ประเมินฝึกหัดที่หวังจีส่งมาหาให้เขา...
ณ ห้องประเมินผลสมาคมฯ เมื่อหลินจินเข้ามาหวังจีและเกาเจียงก็อยู่ที่นั่นแล้ว พวกเขาต่างไม่พอใจเมื่อเห็นหลินจิน โดยเฉพาะหวังจี เขาตั้งตัวเป็นศัตรูอย่างเต็มที่ เขาต้องการเพิกถอนตำแหน่งของหลินจินและไล่เขาออกไปเพื่อที่เขาจะได้แนะนำเจียเฉียนให้มาแทนที่หลินจิน
เมื่อนึกถึงนางฟ้าผู้มีเสน่ห์นี้ หวังจีรู้สึกรุ่มร้อนและกระชุ่มขึ้นมา เขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนวัยไปหลายปี แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เชยชมแม่ยอดหญิง แต่เมื่อเรื่องนี้คลี่คลายแล้ว เธอจะตกเป็นของเขาทันที
สำหรับเกาเจียง ในตอนแรกเขารู้สึกดูถูกหลินจินเท่านั้นแต่ชายผู้นั้นกลับเหิมเหริมนำพาลูกศิษย์ของเขาไปอย่างโจ่งแจ้งและตั้งคำถามถึงการประเมินของเขา สิ่งนี้ทำให้เกาเจียงมีอคติอย่างมากต่อหลินจิน
ดังนั้น ชายทั้งสองจะไม่เป็นมิตรกับผู้มาใหม่อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลินจินค่อนข้างสงบและทักทายพวกเขาที่ทางเข้า
“หัวหน้าวัง! ผู้ประเมินเกา! มีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยงั้นหรือ?”
ชายทั้งสองไม่ใส่ใจที่จะตอบกลับ พวกเขาเรียกเขาให้เป็นแพะรับบาปเท่านั้น
“หลินจิน เจ้ามาช้าเกินไปแล้ว! เมื่อไหร่เจ้าจะเปลี่ยนนิสัยขี้เกียจสันหลังยาวของเจ้า!” หวังจีโวยวายทันทีเพราะรำคาญหลินจิน
‘ฉันมาช้า?’
แต่หลินจินไม่ได้มาช้าอะไรเลย เขามาทันทีหลังจากที่ได้รับเรียก เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะนำภาพวาดของกู่เมียงจงกลับไปเก็บที่บ้านด้วยซ้ำ
“ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อมอบหมายงานให้เจ้า เจ้าจงไปประเมินไข่สัตว์ทั้ง 9 ใบนั่น เจ้ามีเวลาแค่หนึ่งคืนเท่านั้น แม้เจ้าจะไม่ได้นอนทั้งคืน เจ้าก็ต้องส่งรายงานผลการประเมินภายในเช้าวันพรุ่งนี้” พูดเสร็จ หวังจีก็หาว วันนี้เหนื่อยมากโดยเฉพาะในช่วงบ่าย
“ข้ากำลังกลับบ้าน แล้วเจ้าล่ะ ผู้ประเมินเกา?” หลังจากสั่งการเสร็จแล้ว หวังจีก็เพิกเฉยต่อหลินจินและหันไปหาเกาเจียงแทน
แม้เกาเจียงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาแต่เขาคือนายน้อยของตระกูลเกา เขาสมควรได้รับความเคารพจากเขา
“ข้าก็จะกลับเหมือนกัน วันนี้ข้ามีอาหารเย็นมื้อสำคัญที่ข้าพลาดไม่ได้” เกาเจียงตอบ
จาก ชายทั้งสองก็จากไป โดยไม่สนใจแม้แต่จะมองหลินจิน
หลินจินเหลือบมองไปที่ไข่สัตว์วิเศษและเดินเข้าไปหาพวกมัน
เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าหวังจีกับเกาเจียงสมรู้ร่วมคิดกัน ไม่จำเป็นต้องใช้สมองคิดให้มากมาย เขาก็รู้ว่าทั้งสองผลักภาระอันยิ่งใหญ่ให้เขาแบกรับ
ไข่ทั้ง 9 ใบที่ยังไม่ได้ประเมินถูกวางไว้ด้วยกัน ขณะที่ไข่ที่ประเมินอีก 2 ใบถูกวางไว้ข้าง ๆ รายงานการประเมินที่เตรียมไว้ทั้งสองฉบับ
หลินจินสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่า จากไข่ทั้งหมด 11 ใบ มีเพียง 2 ใบ ที่ได้รับการประเมิน ส่วนอีก 9 ใบ พวกเขาอาจจะไม่มีเวลาพอที่จะประเมินมันหรือไม่ก็พวกเขาไม่สามารถประเมินได้เลย หากลูกค้าดูชื่อที่ลงนามในรายงานการประเมิน บทลงโทษก็จะถูกส่งมาถึงเขา
“เจ้าคนโง่เขลาเหล่านั้น พวกเขาคิดว่าฉันยังเป็นหลินจินคนเดิมอยู่อีกงั้นเหรอ?” หลินจินยิ้ม
หลินจินคนก่อนไม่สามารถประเมินไข่เหล่านี้ได้และไม่อาจหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาและกลายเป็นแพะรับบาปในที่สุด อย่างไรก็ตามหลินจินคนใหม่มีพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ในโลกนี้ที่ปกครองโดยสัตว์วิเศษ พลังของเขาสามารถทำให้แม้แต่สรวงสวรรค์พังทลายเลยก็ยังได้
หลินจินอยู่คนเดียวในห้องโถงใหญ่อันเงียบสงัด เขาเดินไปดูไข่สัตว์วิเศษ บอกตามตรง นอกเสียจากว่ามันคือไข่ ไม่มีอะไรอื่นที่เขาบอกได้
แต่ด้วยการสัมผัสเพียงเล็กน้อย พิพิธภัณฑ์ก็ถูกกระตุ้นทันที
“ไข่กลายพันธุ์ บันทึกการรวบรวม 1 /10”
...
นอกห้องโถงของหวังจี เขากำลังมอบหมายงานให้กับผู้ประเมินฝึกหัด
“เจ้าไปเตรียมของขวัญ พวกมันจะต้องเป็นการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาด นำไปวางไว้ในห้องโถง สิ่งเหล่านี้จะเป็นของขวัญสำหรับพ่อบ้านจั่ว ดังนั้นพวกมันจะต้องสมบูรณ์แบบ”
ผู้ประเมินฝึกหัดรับงานที่ได้รับมอบหมายและเดินออกไป
หวังจีรู้ว่างานนี้ เขาทำได้ไม่ดี เขาประเมินไข่กลายพันธุ์ได้เพียง 2 ใบ เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงต้องมอบของขวัญบางอย่างให้กับพวกเขา อย่างน้อย ๆ จั่วเหวินถังจะช่วยพูดบรรเทาความโกรธเคืองของเจ้าเมืองให้ไม่มากก็น้อย
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างโชกโชน หวังจีรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อแก้ไข้สถานการณ์นี้
หลังจากนั้นเขาก็หันไปที่ห้องประเมินและยิ้มเยาะก่อนจะเดินออกไป
เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าหลินจินรู้สึกเบิกบานราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่
...
ไข่กลายพันธุ์ บันทึกหมายหนึ่ง
ไม่ต้องสงสัยเลยเลยว่า สำหรับพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ นี่ถือเป็นหมวดหมู่ใหม่ ความตื่นเต้นของหลินจินเกิดจากการรู้ว่าพิพิธภัณฑ์มักให้รางวัลสำหรับบันทึกใหม่
เช่นเดียวกับครั้งแรกที่เขาบันทึกสัตว์วิเศษหลายร้อยตัว ทางพิพิธภัณฑ์ได้มอบทักษะ 'การกำราบสัตว์วิเศษ' ให้เขา สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถเชื่องสัตว์ร้ายทุกตัวที่อยู่ในระดับหนึ่งถึงระดับสาม เว้นแต่สิ่งมีชีวิตนั้นจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว
หลินลินได้ลองและทดสอบทักษะนี้มาหลายครั้งแล้ว โดยแต่ละครั้งก็ประสบความสำเร็จ มันช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของเขาได้อย่างดีด้วย
ส่วนบันทึกของสัตว์หายาก เช่น กิ้งก่าหินสายเลือดมังกรทอง โกลดี้ ไก่แดงสายเลือดอีกาทองคำและอสูรน้ำหมึก เมื่อบันทึกเกินสิบครั้ง เขาได้รับรางวัล 'รูปแบบพลังงานอสูร ส่วนแรก'
มันเป็นทักษะเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงเพื่อฝึกฝนขั้นแรกของการสร้างพลังงาน
ผลลัพธ์ของการฝึกฝนเห็นได้ชัดจากการที่เสี่ยวฮั่วตะปบสิงโตวายุของหลู่หยุนเหอถึงสามครั้ง ก่อนที่เจ้าสิงโตจะร้องไห้
ถ้าเขาบันทึกสัตว์หายากมากกว่านี้ พิพิธภัณฑ์น่าจะมอบรางวัลส่วนต่อ ๆ ไปให้เขา เมื่อเสี่ยวฮั่วฝึกฝนเสร็จสิ้น มันก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ หลินจินรู้ดีว่าหนึ่งในวิธีวิวัฒนาการต่อไปของเสี่ยวฮั่วคือการฝึกฝนรูปแบบพลังงานอสูรถึงส่วนที่หก จากนั้นมันก็สามารถพัฒนาเป็นระดับสี่ได้
แม้ว่าศักยภาพของเขาจะไม่เพียงพอ นี่เป็นส่วนที่ดีที่สุดของรูปแบบพลังงานอสูร ปัจจุบันทักษะนี้เป็นทักษะที่ดีที่สุดที่มนุษย์รู้จัก ถ้าหลินจินจะเผยแพร่ความรู้อันนี้ไปทั่วโลก เขาอาจจะเริ่มการปฏิวัติการฝึกฝนของสัตว์วิเศษก็เป็นได้
ด้วยสิ่งเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ารางวัลของพิพิธภัณฑ์นั้นน่าทึ่งเพียงใด ตอนนี้หมวดหมู่ 'ไข่กลายพันธุ์' ใหม่ปรากฏขึ้นแล้ว หากหลินจินบันทึกไข่ครบทั้ง 10 ใบ เขาก็สามารถสร้างรางวัลรูปแบบใหม่ได้
หลินจินจะไม่คาดหวังและตื่นเต้นได้อย่างไร? เขาคงกำลังจะตายจากความอยากรู้
เขาสัมผัสไข่ที่กลายพันธุ์ตัวแรกและพิพิธภัณฑ์ก็ปรากฏตัวอย่างและแผ่นหิน หลังจากดูอย่างระมัดระวัง หลินจินก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง
ไข่กลายพันธุ์: ระดับหนึ่ง สามารถฟักเป็นตั๊กแตนตำข้าวคมวายุได้
คุณสมบัติ: ธาตุทอง
วิธีการฟักไข่: 3 วิธีคือ…
วิธีการเลี้ยงดู: ด้วยการเลี้ยงดู มันมีโอกาสที่จะเพิ่มระดับเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต มี 2 วิธีคือ…
วิธีสร้างพันธสัญญาโลหิต: 5 วิธีคือ…
หลินจินอ่านข้อมูลของไข่ใบนี้ที่มีเนื้อหามีมากมายมหาศาล เขาไม่จำเป็นต้องเขียนทั้งหมด แค่เลือกส่วนหนึ่งจากแผ่นหินมาก็เพียงพอแล้ว มันก็จะถือว่าเป็นการประเมินที่สมบูรณ์แบบ
หลินจินหยิบพู่กันเพื่อเริ่มเขียนเนื้อหาโดยไม่ให้เสียเวลา
หลังจากที่เขาทำเสร็จแล้ว หลินจินก็ประทับตราของเขาและย้ายไปสัมผัสไข่ที่กลายพันธุ์ใบต่อไป