King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 276 ตกลง
ตอนที่ 276 ตกลง
เมื่อเดินออกมาจากห้องของลาฟเชียร์ผมก็มาถึงสนามฝึกต่อสู้ของคฤหาสน์ ซึ่งการที่ผมมาที่นี่เพราะมาหาทาร์เลียอย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ สภาพของสนามประลองตอนนี้ก็เต็มไปด้วยพวกทหารนับสิบคนกำลังถืออาวุธครบมือทั้งดาบ โล่ หอก ล้อมทาร์เลียเอาไว้ เห็นครั้งแรกผมก็เข้าใจผิดว่าเธอกำลังจะโดนโจมตีอีกแล้วหรือเปล่า
แต่ว่า
ความคิดแบบนั้นมันผิด ทาร์เลียไม่ได้กำลังโดนโจมตีแต่เธอกำลังฝึกซ้อมอยู่ต่างหาก พวกทหารต่างก็เข้าไปโจมตีเธอตั้งแต่ที่ผมมาถึงได้ประมาณ 10 นาที เข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเธอได้เลยสักคน ถึงแบบนั้นจะไปบอกว่าพวกทหารไร้ฝีมือก็ไม่ได้หรอกเพราะทหารส่วนมากที่ป้องกันคฤหาสน์ก็เป็นแค่พวกพลังขั้นกลาง - ขั้นสูงช่วงต้น เท่านั้นเอง ไม่มีทางสู้ทาร์เลียที่อยู่ขั้นตำนานได้อยู่แล้วต่อให้มีเป็นร้อยคนก็ไม่น่าจะไหว
หลังจากการต่อสู้ผ่านไปสักพัก พวกทหารที่ตั้งท่าต่อสู้อยู่ก็ล้มลงไปนอนกับพื้นกันหมดตามที่ได้คาดเอาไว้ เห็นแบบนั้นผมเลยเดินเข้าไปหาทาร์เลียที่กำลังทำสีหน้าอารมณ์เสียกับฝีมือทหารที่มีไม่เท่าไหร่
"เป็นไงบ้างละรังแกคนอ่อนแอสนุกไหม?"
"เอ่ะ! ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่" ทาร์เลียทำสีหน้าตกใจแล้วมองไปที่พวกทหารต่อทันที "ไม่ไหวเลยคะ พวกนี้เป็นทหารได้ยังไงเด็กของเผ่าข้ายังแข็งแกร่งกว่าพวกนี้สะอีก"
นั่นมันเผ่าของเธอ อยากพูดไปแบบนี้จริงๆ แต่เรื่องที่ทาร์เลียพูดออกมามันก็เป็นความจริงที่ยากจะปฏิเสธ ก็จริงอยู่ที่ทวีปเดเชียค่าพลังมาตฐานต่างจากพวกทวีปลึกลับพอสมควร แต่ว่า พวกทหารประเทศเมซัสก็อ่อนแอกันจริงๆ เพราะอย่างประเทศภูติค่าพลังมาตรฐานยังอยู่ตั้งขั้นสูงแต่ทหารประเทศเมซัสกลับอยู่เพียงขั้นกลางกันเท่านั้นเอง แต่ถึงพูดอะไรตอนนี้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะอีก 3 ปี เรื่องพลังก็ได้รับการแก้ไขเอง
"เรื่องพลังของพวกทหารเอาไว้ก่อนทาร์เลีย วันนี้ข้ามีเรื่องต้องคุยด้วยตามมา"
"ค่ะ? ...แล้วทำไมไม่คุยตรงนี้เลยละ???"
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับคำถามของเธอได้แต่มองไปยังพวกทหารที่นอนราบอยู่กับพื้นสนามฝึกซ้อม ทางทาร์เลียเองก็เหมือนจะรู้ตัวจึงมองตามไปแล้วก็พูดออกมาอีกว่า "เข้าใจแล้วคะ!" ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ดีงั้นก็ตามมา เพราะเรื่องนี้มันจำเป็นจริงๆ"
หลังจากที่คุยรู้เรื่องผมกับทาร์เลียก็เดินมาอีกห้องที่เป็นห้องไปไกลจากสนามฝึกซ้อมมากนัก ห้องที่พวกเราเข้ามาเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ภายในเต็มไปด้วยอาวุธมากมาย เหมือนกับเป็นห้องเก็บอาวุธของสนามฝึกซ้อม... ไม่สิ! ใช่คำว่าเหมือนไม่ได้หรอกเพราะมันเป็นห้องเก็บอาวุธจริงๆ
"ว้าว~ ท่านดรารอน์ที่นี่สุดยอดไปเลยนะคะ"
เสียงทาร์เลียร้องออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองของเธอก็จ้องมองไปยังกล่องสี่เหลี่ยมที่เก็บพวกคริสตันเวทย์เอาไว้
ใช่แล้ว! ในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงอาวุธเท่านั้นแต่มันมีพวกคริสตัสเวทย์เก็บเอาไว้อยู่ด้วย ในตอนแรกที่เข้ามาแล้วสัมผัสได้ผมก็แปลกใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อมาใกล้ๆ ก็พอเข้าใจว่าคริสตันพวกนี้มันเป็นเพียงของระดับต่ำ สำหรับตระกูลดยุคแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะเห็นพวกมันเป็นของไร้ค่าแล้วเอามาเก็บไว้ในคลังอาวุธแบบนี้ เมื่อชาติก่อนผมก็เคยโดนเพรชที่มีค่ามากแบบไม่สนใจใยดีมันเหมือนก็กันเลยเข้าใจความรู้สึกดีว่ามันเป็นยังไง เหอะๆ
"ตอนนี้เรื่องคริสตันเอาไว้ก่อนเรามาคุยกันก่อนดีกว่า"
ผมเสียงแข็งใส่ทาร์เลีย
"ค่า~"
"งั้นก็เข้าเรื่องเลยแล้วกันตอนนี้ทวีปกำลังเกิดปัญหาแล้วคนที่ต้องแก้ปัญหานั่นก็คือเธอ เข้าใจแล้วใช่ไหม?"
"ค่ะ! แล้วมันปัญหาอะไร"
อย่างน้อยก็ช่วยถามคำถามก่อนจะตอบ [ค่ะ] ก่อนสิแม่คุณ
จากนั้นที่ทาร์เลียถามมาผมก็เริ่มเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้เธอฟัง ในตอนแรกคิดว่าตอนเธอฟังแล้วจะทำท่าทางไม่พอใจแล้วต่อต้านสะอีก แต่กลับกันเลย ท่าทางของเธอไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นแต่กลับกำลังดีใจแบบสุดๆ ตั้งแต่ที่ผมเคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ มันน่าดีใจขนาดนั้นเลยหรือไงในการจัดการองค์กรฮาเดสเนี่ย?
"เธอตกลงทำใช่ไหม?"
"แน่นอนสิคะ เรื่องสนุกที่ได้ต่อสู้จำนวนแบบนี้ท่านคิดว่าข้าจะปฏิเสธเหรอ หุหุ!"
ระหว่างตอบทาร์เลียก็แสยะยิ้มออกมา
สนุกงั้นเหรอ? ...แต่ก็เอาเถอะให้เธอคิดแบบนั้นก็พอแล้ว
"ตกลง งั้นเดี๋ยวถ้าทหารที่ราชาส่งมาเดินทางมาถึงเธอก็นำไปได้เลย"
"ค่ะ!"
หลังจากที่คุยกับทาร์เลียเรียบร้อยผมก็แยกทางกลับเธอ เพราะเธอบอกว่าต้องการไปฝึกกับพวกทหารต่ออีกสักสองสามชั่วโมงก็จะกลับไปพัก ได้ฟังแบบนั้นผมก็นึกสงสารพวกทหารขึ้นมาชั่วครู่ แต่พอมาลองคิดดูแล้วเรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์กับพวกนั้นเหมือนกันก็เลยปล่อยไป ส่วนผมตอนนี้ก็กำลังเดินกลับไปที่ห้องของเอ็ดเน่เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยว่าเป็นยังไงบ้าง ระยะเวลาสามชั่วโมงที่บอกเธอไปผมก็แค่คำนวณออกมาแบบคราวๆ เลยต้องไปเฝ้าตลอดเพราะไม่รู้ว่านกเพลิงจะฟักตัวออกมาตอนไหน
เมื่อเดินมาถึงห้องของเอ็ดเน่ก็เห็นทหารสองคนที่ให้เฝ้าไว้ยืนกันอยู่แบบปกติ พวกนั้นเมื่อเห็นผมก็พากันนั่งคุกเข่าลง เห็นแบบนั้นผมก็ถามไป
"เป็นยังไงบ้าง?"
"-เรียบร้อยดีครับองค์ชาย ท่านเอ็ดเน่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาเลย"
"ดีมาก! งั้นพวกเจ้าสองคนไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อได้เลย"
"-ครับ!"
"-ครับ!"
เมื่อทหารสองคนเดินไปผมก็เปิดประตูห้องของเอ็ดเน่ออกแล้วเห็นเธอกำลังนอนกอดไข่อยู่แบบเดิมก่อนที่ผมจะไป แต่เหมือนว่าตอนนี้เธอจะหลับไปแล้ว พอมองไปที่ไข่นกเพลิงก็เริ่มมีรอยร้าวปรากฏออกมานิดหน่อย เฮ้อ~ ช่วยไม่ได้ วันนี้นอนที่ห้องของเอ็ดเน่ก็แล้วกัน เพื่อความปลอดภัยของเธอ แต่การมีคนอยู่ด้วยเวลามันฝักออกมาก็ไม่ใช่เรื่องดีเพราะมันอาจติดผมแทนเอ็ดเน่ก็ได้
อืม…
ช่างเถอะ! ตัวเราเป็นถึงร่างจำแลงอสูรของโอรอนกเพลิงมันคงไม่คิดว่าเป็นแม่หรอก