ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 10 สู้กับอะบิซอล
'ระดับ 0? จริงจังปะเนี้ย?' วาเรี้ยนคิดขณะวิ่ง พวกเขาอยู่ไกลจากทางออกและมันจะเป็นเรื่องยากที่จะออกไป
“ฉัน-ฉันบอกคุณแล้วว่าเราเข้าไปลึกเกินไป” ไคล์หอบหายใจและวิ่งไปข้างเขา ถ้าเทียบกันแล้วมายาเหนื่อยหน่อยกว่าเพราะรองเท้าสมบัติดวงดาวของเธอ
"อะบิซอล.." มายาถึงกับสะอื้นไห้
วาเรี้ยนเหลือบมองไปข้างหลังและเห็นทีมของอาเธอร์กำลังต่อสู้กับพวกอะบิซอลทำให้ไม่มีอะบิซอลตัวไหนตามพวกเรามาได้ แต่วาเรี้ยนรู้สึกไม่สบายใจ
'ฉันหวังว่าเราจะสามารถไปถึงทางออกก่อนที่จะมีอะไรจะเกิดขึ้น' เขาสูดลมหายใจและเห็นว่าไคล์กำลังจะพูดเรื่องบางอย่างอีกครั้ง
“ไคล์หุบปากแล้ววิ่ง!” วาเรี้ยนเร่งฝีเท้าเพื่อจะทำให้ความไม่สบายใจหายไปเมื่อออกไป
พวกเขาทิ้งระยะห่างออกมาจากทีมของอาเธอร์จนตอนนี้แทบจะมองไม่เห็นทีมของอาร์เธอร์แล้ว
มายาและไคล์หยุดวิ่งสักพักเพื่อที่จะหายใจเพราะพวกเขาสองคนวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว วาเรี้ยนจึงต้องหยุดตาม
“ทำไมต้องอะบิซอลด้วย” มายาร้องลั่น
“ถะ-ถ้ามีตวนึงหลุดมาละ” ไคล์พึมพำ
“พวกเขาจะไม่เป็นไรใช่ไหม?” เธอมองกลับไปทางทิศที่วิ่งมา
“ช่วยไม่ได้แล้วมันไม่ปลอดภัย แค่วิ่งต่อไปจนกว่าจะถึงทางออก”วาเรี้ยนดุและกำลังจะวิ่งต่อ
“นายว่าพวกมันจะตามเรามาไม่ได้ใช่ไหม” ไคล์จับหน้าอกของเขาและหายใจเข้าสั้น ๆ
"ด้านหลัง!" วาเรี้ยนตะโกนใส่ไคล์
'บูม!'
ไคล์เทเลพอร์ตในนาทีสุดท้าย มายาตกใจกลัวเมื่อเห็นอะบิซอลโผล่ออกมา
อย่างไรก็ตามวาเรี้ยนสังเกตเห็นอะบิซอล
ลักษณะทางกายภาพที่เหมือนมนุษย์มันเป็นเพศชาย
มันอยู่ในชุดต่อสู้สีแดงเลือดหมูและแขนซ้ายของมันมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด ที่สำคัญที่สุดมันมีรอยสักอันเดียวที่คางหมายความว่ามันเป็น –อะบิซอลระดับ 1
'มันมาจากกลุ่มใหม่' ไคล์พูด
“เราไม่สามารถเอาชนะมันได้ถ้าเราสู้เราจะถูกฆ่า” วาเรี้ยนกัดฟันและทุบถุงมือของเขา
เขาไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ การต่อสู้กับอะบิซอลนั้นแตกต่างจากการต่อสู้กับศัตรูตัวอื่นๆ
แม้ว่าอะบิซอลจะมีแค่แขนเดียวและบาดเจ็บอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเราได้เปรียบ
เราต้องฆ่ามันให้เร็วที่สุดไม่งั้นพวกเราอาจจะต้องเจอกับพวกอะบิซอลตัวอื่นอีก
“พวกเจ้าจะตายกันหมด”อะบิซอลพูดด้วยภาษามนุษย์และเพิ่มความหวาดระแวงของทั้งสามคน
อะบิซอลไม่ใช่สัตว์เวทมนตร์ พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่เทียบเท่ามนุษย์ในด้านสติปัญญาและแข็งแกร่งกว่าผู้ถูกปลุกพลัง
พวกเขาปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และเริ่มโจมตีมนุษย์ในปี 400 และเกือบจะเอาชนะมนุษย์ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะหินเวทมนตร์พังและเจตจำนงของสวรรค์ มนุษยชาติคงจะต้องพินาศ
อะบิซอลเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อมวลมนุษยชาติ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคืออะบิซอลทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ล้วนเป็นนักรบ
"ปล่อยให้ฉันจัดการเอง" มายาคลิกที่แหวนอวกาศของเธอ และต่อมาปืนสีส้มก็ปรากฎขึ้นในมือของเธอและยิงไปที่อะบิซอล
ลูกไฟถูกยิงที่อะบิซอลซึ่งมันหลบได้อย่างง่ายดาย
ปืนเป็นอาวุธล้ำค่าที่มีพลังเต็มรูปแบบของสัตว์เวทมนตร์อัคคีระดับ 1 อย่างไรก็ตาม มายาเองก็ไม่สามารถใช้มันได้อย่างชำนาญเพราะขาดประสบการณ์
“ฮ่าฮ่า น่าสมเพศ” อะบิซอลหัวเราะและต่อมาวาเรี้ยนก็พยายามจะหาช่องว่างเตะไปที่มัน ซึ่งมันหลบได้และจะโต้กลับทันที
วาเรี้ยนกลิ้งไปบนพื้นหลังจากพลาดการเตะและหลบการเตะโต้กลับของมันได้
'บูม!'
ดินสีแดงระเบิดขึ้นไปในอากาศจากแรงเตะ
"ตาย!"ไคล์รีบวิ่งไปข้างหลังอะบิซอลและพยายามแทงดาบน้ำแข็งของเขาเข้าไปด้านหลังของอะบิซอล
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ดาบจะแทงลงไปลึกอะบิซอลต่อยไคล์แต่ไคล์สามารถหลบได้โดยการเทเลพอร์ตอีกครั้ง อย่างไรก็ตามน้ำแข็งได้แช่แข็งตัวอะบิซอลไปชั่วขณะหนึ่ง
'อุ๊ย!' ลูกไฟของมายาเกือบจะโดนอะบิซอลที่ใบหน้าก่อนที่มันหันหลังของมันมารับลูกไฟแทน
ลูกไฟชนไหล่ของมันและชุดของอะบิซอลถูกไฟไหม้ ไฟแผดเผาผิวสีเทาของมัน และมันตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ไอ้หนูโสโครกนี่” เขาดึงดาบน้ำแข็งออกมาและพยายามเหวี่ยงมันใส่มายา
มันไม่ได้ผลสมบัติค่าสถานะต้องผูกมัดกับบุคคลที่ใช้มันเท่านั้น สำหรับคนอื่น มันเป็นแค่ดาบธรรมดา
"ข้อผิดพลาดของพวกไม่มีประสบการณ์" วาเรี้ยนปรากฏตัวด้านหลังของอะบิซอลและคราวนี้เตะไปเจ้าโลกของอะบิซอลได้สำเร็จ
“ฮึก..” อะบิซอลทรุดตัวลง และวาเรี้ยนก็ใช้ความคมของดาบของไคล์ฟันหัวของอบิสซอล
“เราโชคดีที่มันได้รับบาดเจ็บอยู่” วาเรี้ยนถอนหายใจอย่างโล่งอกและมองดูเพื่อนๆ ของเขามายาไม่เป็นไรเพราะเธอต่อสู้ระยะไกลแต่ไคล์อยู่ที่ไหน ไคล์?
"ฉันอยู่นี่!"
วาเรี้ยนหันกลับมาและเห็นไคล์เทเลพอร์ตเข้าไปในโพรงกระต่ายปีศาจ
"ดึงฉันออกไปที"วาเรี้ยนและมายารีบวิ่งไปหาเขาและดึงเขาออกมา
“ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้านายจะทำให้ตัวเองถูกฆ่าโดยการเทเลพอร์ตได้” วาเรี้ยนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและยื่นดาบให้
“ทะทะ-ทำไมฉันทำเหมือนคนอื่นไม่ได้” ไคล์ถอนหายใจและหยิบดาบ มันฉายแสงเป็นสีน้ำเงินเมื่อเจ้าของของมันเป็นคนถือ
ไม่ว่าทุกคนจะชอบหรือไม่ก็ตาม สหภาพแรงงานได้บังคับให้ทำการผูกมัดสมบัติ เนื่องจากพวกเขาผูกขาดสมบัติดวงดาว พวกเขาจึงกำหนดเงื่อนไขแบบนี้
นี่หมายความว่าบุคคลอื่นไม่สามารถยืมสมบัติและไม่สามารถขโมยได้เว้นแต่เจ้าของดั้งเดิมจะเสียชีวิตหรือเลิกผูกมัด
คำพูดของพวกเขาคือ "ก้าวไปสู่สังคมที่ไม่มีการโจรกรรมและเคารพในทรัพย์สินส่วนบุคคล เราจะลบแรงจูงใจในการขโมย"
สหภาพแรงงานถือว่าทำสำเร็จ พวกเขาหยุดการโจรกรรมทั้งหมด แต่ยังมีการฆาตกรรมอยู่ ถึงอย่างนั้นก็เถอะความจริงที่ว่าการฆาตกรรมเพิ่มขึ้น 50% ทันทีนั้นสหภาพก็เถียงไม่ออก ขอบคุณสหภาพแรงงาน
“ไปเถอะ อะบิซอลตัวนี้มันมาจากกลุ่มใหม่ มันไม่ใช่ตัวสุดท้ายแน่” วาเรี้ยนกระตุ้นพวกเขาและทุกคนก็เร่งฝีเท้าและวิ่งไปที่ทางออก
ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากทางออกเพียงไม่กี่กิโลเมตร อันที่จริงเราสามารถออกจากดันเจี้ยนได้เมื่อคุณไปถึงสุดขอบของดันเจี้ยน
“ฉันจะขอโทษพวกนายทีหลัง จากเราออกไปได้แล้วแต่ตอนนี้เดินหน้าต่อไป” วาเรี้ยนเร่งเร้าและเร่งฝีเท้า
เขาโทษตัวเองที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยง
มายาอยู่ข้างหลังเขา และไคล์วิ่งตามพวกเขาไปด้วยความยากลำบาก
พวกเขาไม่ได้โทษวาเรี้ยนแต่พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดให้วาเรี้ยนเลิกการตำหนิตัวเองได้
“มนุษย์!” เสียงแหบๆพูดออกมา แต่วาเรี้ยนก็ไม่มองย้อนกลับไปเพราะตอนนี้เขาสนใจแค่ต้องออกไปให้ได้เท่านั้น
"เกือบถึงแล้ว"วาเรี้ยนเริ่มสามารถมองเห็นสุดขอบของดันเจี้ยนได้ ดูคร่าวๆแล้วคงต้องวิ่งอีกสัก 10 นาที ถึงจะออกไปได้
ระบบนิเวศทั้งหมดสิ้นสุดลงที่สุดขอบดันเจี้ยนและมีกำแพงสีขาวทำหน้าที่เป็นม่านขนาดยักษ์ปกคลุมดันเจี้ยน
เมื่อสัมผัสสิ่งกับหมอกนั้นเราจะสามารถออกไปได้ อะบิซอลจะไม่ตามมาแต่ถึงมันตามมา
ยามที่เฝ้าหน้าประตูก็จะจัดการมัน พวกเขายังต้องออกไปขอกำลังเสริมเพื่อช่วยอาเธอร์ด้วย
วาเรี้ยนรู้สึกถึงลมกระโชกแรงและมองไปข้างหลัง วาเรี้ยนตกใจมากเมื่อเห็นอะบิซอลไล่ตามพวกเขามาเร็วกว่าที่คิด
พวกเขาไม่สามารถไปถึงทางออกได้ทันเวลาแน่นอนและจะต้องต่อสู้ แต่อะบิซอลตัวนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเหมือนครั้งก่อน
ไคล์และมายาเป็นนักสู้มือสมัครเล่นแถมวาเรี้ยนพลังก็ยังไม่ตื่น ไม่มีทางที่พวกเขาจะเอาชนะมันได้
'มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้' วาเรี้ยนหยุดและกำลังจะตะโกนแต่ไคล์ก็ชิงตะโกนออกมาก่อน
"พวกนายไปซะ!" ไคล์หยุดวิ่งแล้วหันหลังให้กับพวกเขา “เรียกกำลังเสริมมา ฉันทนได้สักสองสามนาที”
วาเรี้ยนเห็นว่ามือของ ไคล์ยังคงสั่นด้วยความกลัว แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนและตะโกนว่า “ไปเดี๋ยวนี้!”
ไคล์เป็นเด็กฝึกหัดอวกาศระดับ 1 ในขณะที่มายาเป็นผู้ปลุกพลังจิตระดับ 1 ถ้าดูจากทุกคนที่อยู่ที่นี่ เขามีโอกาสรอดมากที่สุด
แต่กว่ากำลังเสริมจะมา โอกาสที่เขาจะรอดนั้นคงจะน้อยนิดจนแทบจะไม่มี แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเพราะเขาคิดว่านี้คือสิ่งที่เขาควรทำ
'ไม่เป็นไรเจอกันครั้งหน้าฉันจะพยายามทำตัวน่ารำคาญใส่นายน้อยลงนะ'
วาเรี้ยนรีบวิ่งไปหาไคล์และโยนเขาให้มายา
"ฉันมีโล่สมบัติและมันจะสามารถปกป้องฉันได้เป็นเวลา 10 นาที ไปกันเถอะ" เขาตะโกนขณะที่เปิดแหวนอวกาศ
โล่เล็กๆ ปรากฏขึ้นในมือของเขาและมีบาเรียล้อมรอบตัวเขา
มายากัดริมฝีปากและพยักหน้าให้เขา น้ำตาคลอเบ้า “อย่าตายนะ”
ไคล์และมายารีบวิ่งไปที่ทางออกด้วยความเร็วสูงสุด
อะบิซอลอยู่ตรงหน้าวาเรี้ยนในวินาทีถัดมา เขาเหลือบมองที่บาเรียของวาเรี้ยนและหัวเราะเบาๆ
“แกหลอกพวกเขา ฉันรู้จักผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของสหภาพแรงงาน” หลังจากพูดจบก็ต่อยใส่วาเรี้ยนทันที
บาเรียสามารถทำอะไรเพื่อหยุดหมัดได้เลย วาเรี้ยนหลบหมัดของอะบิซอลไปเรื่อยๆ และอะบิซอลก็พูดขึ้นมาว่า
บาเรียนั้นเป็นของปลอม มันทำได้แค่ฉายแสง เขาทำได้แค่หลอกเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู ฮ่า ฮ่า
วาเรี้ยนเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่จะตัดสินชีวิตและความตายของเขา
*** *** ***
ไม่มีท่าทีว่าความช่วยเหลือจะมาเลย
ไม่มีมนุษย์คนอื่นในบริเวณใกล้เคียง ควันนั้นบ่งบอกว่าทีมของอาเธอร์ยังสู้อยู่
ทีมของอาเธอร์ก็ไม่สามารถมาช่วยพวกเขาได้เพราะฝั่งนุ้นก็แทบจะเต็มกลืนแล้วเหมือนกัน
“ไม่มีใครมาช่วยแกหรอก หัวหน้าหน่วยของเรากำลังจับหัวหน้าทีมของแกอยู่ เร็วๆนี้เราจะฆ่าพวกแกทุกคน
แกอาจเคยฆ่าฉันเพื่อนที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้ได้ สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันว่าแกฆ่าตัวตายซะดีกว่าจะได้ไม่ต้องถูกฉันฆ่าแบบไร้ความปราณี"
อะบิซอลพูดพร้อมกับมองเข้าไปในดวงตาของวาเรี้ยน
วาเรี้ยนรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ อะบิซอลและมนุษย์ต่างก็มีความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ไม่มีทางที่จะได้ตายอย่างสงบสุขหรอก ถ้าหากมนุษย์กับอะบิซอลสู้กันจะมีแต่การตายที่ทรมาน หรือถ้าไม่ตายก็ต้องสูญเสียอวัยวะ
วาเรี้ยนวิ่งหนีอย่างสุดแรง
“เวรเอ้ย!” อะบิซอลตามติดวาเรี้ยนทันที
ระยะทางถูกปิดในพริบตา และวาเรี้ยนกลิ้งไปทางขวาเพื่อหลบหนีจากหมัดของอะบิซอล
'บูม!'
พื้นดินแตก และวาเรี้ยนได้วิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม
ตอนนี้เขาเลือกไม่ได้ว่าจะไปที่ไหน เขาอ่านการโจมตีของอีกฝ่ายไม่ออก
'บูม!'
'บูม!'
'บูม!'