ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 6 ความจริง (1)
วาเรี้ยนตื่นจากความฝัน แต่คำพูดของเธอที่เธอพูดในฝันไม่สามารถออกจากหัวของเขาได้
“ช่วยเซีย”
“นั่นอะไรน่ะ...มีจริงเหรอ?”วาเรี้ยนพึมพำ พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
'นี่เรื่องจริงเหรอ? เกิดอะไรขึ้นหรือฉันแค่เห็นภาพหลอน?
เขาเดินเข้ามาในห้องของเขา มันเป็นห้องนอนเล็กๆ ที่มีเตียงนุ่มสบาย ตู้เสื้อผ้า โต๊ะที่มีกล่องดำขนาดเท่าฝ่ามือวางไว้ และถุงมือที่ดูแวววาว
อารมณ์ของวาเรี้ยนตอนนี้ยุ่งเหยิงอย่างมาก ส่วนหนึ่งของเขาแค่หวังว่าเรื่องที่พึ่งฝันเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหก
อีกส่วนหนึ่งของเขาถามว่าแล้วถ้ามันเป็นความจริงล่ะ?
เขาจะต้องตามหาผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อเซีย แหล่งข้อมูลเดียวของเขาเกี่ยวกับเธอ – ความฝันของเขา – เปิดเผยว่าเธอเป็นนักเรียนนายร้อยของสถาบันป้องกันราชอาณาจักร
นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถติดต่อเธอหรือหาข้อมูลในเน็ตได้
นับตั้งแต่สงครามดาวพลูโต กองทัพเริ่มเข้มงวดมากขึ้นและไม่มีไฟล์ของนักเรียนนายร้อยอยู่ในเมตาเน็ต การที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ต้องทำโดยผ่านเจ้าหน้าที่ทหารของสถาบันการศึกษาเดียวกันเท่านั้น
ดังนั้น หากเขาต้องการติดต่อเธอ เขาจะต้องเข้าร่วมสถาบันป้องกันราชอาณาจักร
แต่เงื่อนไขขั้นต่ำในการเข้าร่วมสถาบันคือ ต้องเป็นผู้ถูกปลุกพลังระดับ 2 และต้องไม่ใช่คนที่อายุ 19 มากกว่า แถมไม่มีผลงานอะไรเลยแบบฉัน
การสอบเข้าคือวันที่ 45 ของเดือนนี้ วันนี้เป็นวันที่ 36 เขามีเวลาเพียง 10 วัน
'ไม่มีทางที่่เรื่องนี้จะเป็นไปได้จากระดับ 0 ไปถึงระดับ 2 ใน 10 วัน?
ฉันไม่ใช่คนที่เกิดในครอบครัวที่มีเพรียบพร้อมให้ฉันทุกอย่างสักหน่อย แต่ถ้านั่นคือความปรารถนาสุดท้ายของแม่ละก็ลองดูหน่อยดีไหมนะ’
อารมณ์และเหตุผลของวาเรี้ยนตอนนี้ขัดแย้งกัน
เขาพยายามต่อสู้กับความคิดภายในตัวเขาเองและหยิบกล่องดำขึ้นมามันเป็นตู้เซฟแบบโบราณสำหรับเก็บสิ่งสำคัญ
สามารถเปิดได้โดยบุคคลที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น มิฉะนั้นเนื้อหาจะถูกทำลาย
เขาพบมันในซากบ้านเก่าของเขาหลังเหตุการณ์นั้น เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นมัน
แต่เขาเป็นคนที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าให้เปิดมันได้ แต่ว่าจนถึงตอนนี้เขาไม่สามารถเปิดมันออกมาได้
แต่เขาก็ติดนิสัยพยายามเปิดมันทุกครั้งที่เขาหงุดหงิดหรือครุ่นคิดอะไรหลายๆอย่าง
"แม่งเอ้ย!"วาเรี้ยนพยายามเปิดมันออกอย่างสุดกำลังแต่ล้มเหลว นี่เป็นครั้งที่ร้อยตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เขาก็ไม่สน ความหงุดหงิดของเขายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
'ปีหน้าฉันจะอายุ 19 และไม่สามารถเข้าร่วมในการสอบเข้าได้ ตอนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะเข้าร่วม
ถ้าฉันพลาดโอกาสนี้ฉันจะทำตามที่แม่หวังไว้ไม่ได้ ฉันไม่สามารถทำให้เธอภูมิใจเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยฉันก็ควรจะเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของเธอ แต่พลังของฉันยังไม่ตื่น แล้วยังไงต่อ?'
วาเรี้ยนเอามือปิดหน้าและถอนหายใจก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในที่สุด กำไลมังกรของเขา ซึ่งปกติแล้วจะมีความแวววาว แต่ว่าตอนนี้มันสว่างไสวมาก
วาเรี้ยนไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมันมากนักแม้จะเป็นมรดกตกทอดก็ตาม ทวดของเขาพบมันไม่นานหลังจากหายนะบลิ้ง
มันเปลี่ยนเจ้าของไปหลายมือก่อนที่จะลงเอยกับแม่ของฉันก่อนที่ฉันจะรับมันมา
ในยุคนี้ที่เครื่องประดับทั้งหมดเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนหรือเป็นสมบัติดวงดาวเพื่อเพิ่มพลังของผู้ใส่
มันค่อนข้างที่จะหาได้ยากในยุคนี้ที่เครื่องประดับจะไม่มีอะไรพิเศษเลย
แต่เขาก็ใส่มันอยู่ตลอด
วาเรี้ยนลองขยับตาของมังกรเล็กน้อยและหวังว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น
'บางทีเครื่องประดับชิ้นนี้อาจจะเป็นสมบัติระดับ 9 ของสมบัติดวงดาวก็ได้? ว่าไปนั้น ฮ่า ฮ่า แต่อย่างน้อยมันต้องมีอะไรพิเศษใช่ไหม'
เขาตกใจมากเมื่อสร้อยข้อมือส่องประกายจริงๆ และเสียงจักรกลก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา
[ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์เริ่มต้นขึ้น โปรดปฏิบัติตามข้อกำหนดเพื่อเปิดใช้งาน]
"ใคร?" ร่างกายของวาเรี้ยนตั้งท่าทางการต่อสู้ตามสัญชาตญาณก่อนจะจ้องมองไปที่สร้อยข้อมือ
“ระบบเส้นทางสวรรค์ แกคือสร้อยข้อมือหรอที่พูดหรือมีใครอยู่ในนั้น” เขาพร้อมที่จะถอดสร้อยข้อมือทุกเมื่อหากมีอะไรเกิดขึ้น
[สร้อยข้อมือเป็นเพียงพาหะของระบบ อย่างไรก็ตาม แม้แต่วัสดุที่ทำสร้อยข้อมือก็ยังมีค่ามากกว่าทุกสิ่งที่อารยธรรมของคุณสามารถให้ได้]
หน้าของวาเรี้ยนกระตุกเมื่อได้ยินคำตอบที่โคตรเหยียดของระบบ นี่คงเป็นการล้อกันเล่นใช่ไหม
“นี่คือการเล่นตลกของเทเลพาธหรือเปล่า” วาเรี้ยนมองไปรอบๆบ้านแต่ไม่กล้าขยับเขยื้อน
กระแสจิตมีความสามารถในการสะกดจิตสูง การสะกดจิตบุคคล สัตว์ประหลาด แม้แต่อะบิซอลเป็นเรื่องปกติสำหรับเทเลพาธ
ถ้าหากไม่ใช่เวลาที่ต้องต่อสู้ พวกเขาทำหน้าที่เป็นแพทย์จิตและนักจิตวิทยาที่ยอดเยี่ยม แต่กลับกันพวกเขาก็เป็นหนึ่งในศัตรูที่น่ากลัวมากเช่นกัน
วาเรี้ยนไม่ต้องการถูกเทเลพาธฆ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้รู้คำพูดสุดท้ายของแม่เขาแล้ว และเขาต้องการที่จะทำมันให้สำเร็จ
'ช่วยเซีย'
ดังนั้นเขาจึงต้องออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้โดยที่ไม่ทำให้เทเลพาธคนนี้โมโหใส่ฉันไม่งั้นฉันตายแน่
พลังจิต (ระดับ 1-3) -> เทเลพาธ (ระดับ 4-6) เหนือ เทเลคิเนซิส (ระดับ 4-6)
[ระบบนี้อยู่นอกเหนือความเข้าใจในปัจจุบันของคุณ รู้เพียงว่าระบบได้ชดเชยให้กับคุณที่ถูกป้องกันการถูกปลุกพลังในตัวคุณมา 18 ปี]
วาเรี้ยนยังคงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของระบบ ทั้งหมดที่เขารู้สึกคือเขาโมโหมาก
“ป้องกันไม่ให้พลังของฉันตื่น ทำไม? แกเป็นใคร” วาเรี้ยนกำลังพยายามที่จะไม่กระชากสร้อยข้อมือนี้ให้ขาดอยู่ เขารวบผมอย่างแรงเพราะหลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้เขาโมโหสุดขีด
'เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 17 ปีของลูก แม่เก็บเงินเพื่อจ้างนักผจญภัย พลังลูกจะตื่นขึ้น แม่เชื่อในตัวลูก' คำพูดนี้ลอยเข้ามาในหัวของวาเรี้ยน
'ถ้าฉันพลังตื่นขึ้นเหมือนคนอื่นๆ บางทีแม่อาจจะยังมีชีวิตอยู่'
[มันคือการทดสอบ คุณเป็นผู้ถูกเลือกและตอนนี้มีสิทธิ์เปิดใช้งานระบบ] เสียงอันเยือกเย็นของระบบไม่มีความเสียใจหรือสงสารใดๆ แม้ว่าวาเรี้ยนจะโกรธและเศร้าใจก็ตาม
“ตายซะ ฉันเสียแม่ไป”วาเรี้ยนดึงสร้อยข้อมือออกและหยิบถุงมือของเขาขึ้นมา ถุงมือมีสีดำสนิทและมีหนามแหลมที่ข้อนิ้ว
เขาทุบสร้อยข้อมือลงกับพื้นโดยไม่ลังเลและเริ่มอาละวาด
“บูม!”
“บูม!”
“บูม!”