ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 8 เวอร์จิ้นดันเจี้ยน
วาเรี้ยนมาถึงบริเวณรอบนอกของเมืองเพิร์ล ที่ตั้งของทางเข้าดันเจี้ยนระดับต่ำ "เวอร์จิ้น"
ดันเจี้ยนถูกจัดประเภทเป็นต่ำ กลาง และสูง ตามความแข็งแกร่งของสัตว์เวทมนตร์
ชื่อเต็มของดันเจี้ยนคือ ดันเจี้ยนไดเมนชัน มันเป็นโลกที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง
ดันเจี้ยนแรกปรากฏในปี 300 มันเป็นดันเจี้ยนระดับต่ำ
มนุษยชาติใช้สิ่งของที่ได้จากดันเจี้ยนเหล่านี้เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ยุคสมัยที่เราเรียกกันว่า "ยุคทอง" ซึ่งกินเวลาจนถึงปี 400
ดันเจี้ยนทุกแห่งมีประตูซึ่งทำหน้าที่เป็นทางเข้า
ประตูของเวอร์จิ้น ทำจากโลหะคริสตัลและมีจารึกสัตว์เวทมนตร์ของดันเจี้ยนที่เชื่อมต่ออยู่ ทางเข้าประตูถูกปกคลุมด้วยแสงอ่อนๆ
การปกป้องประตูเป็นกองพันของผู้พิทักษ์ดาวเคราะห์ที่ใช้เทคโนโลยีการตรวจจับขั้นสูง
ดันเจี้ยนมีทางออกหลายทาง แต่มีทางเข้าเพียงทางเดียว
สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าการเข้าและออกจากดันเจี้ยนทั้งหมดจะได้รับการตรวจสอบ
ทีมผจญภัยเพียงสี่ในห้าและมากถึงสิบยี่สิบคนจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้าและผ่านประตูและเข้าไปในดันเจี้ยน
วาเรี้ยน สังเกตว่าคนส่วนใหญ่เป็นผู้ถูกปลุกพลัง ผู้ที่ไม่ได้ตื่นขึ้นสองสามคนพยายามจะเข้าดันเจี้ยนเพื่อที่พลังจะได้ตื่นเมื่อได้เจอกับการต่อสู้ของจริง แต่ในหมู่คนพวกนั้นคนที่อายุมากที่สุดยังอายุไม่ถึง 16 ปีด้วยซ้ำ
97% ของมนุษย์พลังตื่นขึ้นตามธรรมชาติ 2.9% ตื่นขึ้นหลังจากการต่อสู้ในดันเจี้ยนไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่ความเห็นเป็นเอกฉันท์คือ 2.9% เหล่านี้เป็นพรสวรรค์
โชคร้าย 0.1% ไม่เคยตื่น โชคดีที่มีทักษะเพียงพอ พวกเขายังสามารถปกป้องตัวเองได้ แต่สถานะทางสังคมของพวกเขาอยู่ที่จุดต่ำสุด
เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่พลังตื่นขึ้นตามธรรมชาติ และด้วยอคติต่อ 2.9% รัฐบาลและกิลด์ของนักผจญภัยต่างก็เมินเฉยต่อนักผจญภัยเหล่านี้ที่พลังไม่ตื่นขึ้นและจ้างนักผจญภัยคนอื่นเพื่อปกป้องเขาในการต่อสู้
'ฉันอยากจะเข้าไปในดันเจี้ยนเพื่อปลุกพลังมาตลอด ฉันคิดว่าฉันจะตื่นเต้นและมีความสุขมาก ฉันพูดถูกแค่ส่วนแรกเท่านั้น'
วาเรี้ยน ลงจากรถโฮเวอร์ หายใจเข้าลึก ๆ เขาสวมถุงมือสีดำและสังเกตฝูงชน
“แม่ครับ วันนี้พลังผมจะตื่นแล้วและเข้าร่วมสถาบันทหาร! เห็นไหมผมจะแข็งแกร่งกว่าพ่อ” เด็กชายอายุประมาณ 14 ปียิ้มให้แม่และคุยโวเสียงดัง
ต่างจากวาเรี้ยนที่มีถุงมือเพียงคู่เดียว เด็กชายติดอาวุธเต็มตัวทั้งส่วนหัว เกราะ ดาบและโล่ โอ้และรองเท้าบู๊ตที่ส่องแสงด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นสมบัติระดับต่ำ
สมบัติดวงดาวเป็นอุปกรณ์ที่ทำจากโลหะพิเศษผ่านการทอออร่าอย่างพิถีพิถันและใช้แกนสัตว์เวทมนตร์
แกนสัตว์เวทไฟ จะส่งผลให้สมบัติที่เป็นธาตุไฟและแกนสัตว์อวกาศเป็นสมบัติของอวกาศ
ค่าการนำไฟฟ้าของออร่าของโลหะจะเป็นตัวกำหนดการป้องกันและความยืดหยุ่นของสมบัติดวงดาว
คู่ถุงมือของวาเรี้ยนเป็นสมบัติต่ำและมีแกนอสูรของสัตว์ร้ายประเภทร่างกาย มันทำให้ถุงมือมีการป้องกันมากขึ้น
วาเรี้ยน มองดูเด็กชายเข้าไปในประตูด้วยการปกป้องอย่างหนักและถอนหายใจ
เขารู้สึกอิจฉา ไม่ใช่เรื่องสมบัติดวงดาวหรืออุปกรณ์ แต่เพราะเขาไม่มีใครส่งเขาไปแบบนั้น
หรือเขาคิดไปเองว่า . . .
“วาเรี้ยน!” เสียงน่ารำคาญที่คุ้นเคยทำให้วาเรี้ยนกระตุก และเขาหันไปเห็นคู่รักโบกมือให้เขา ชายหนุ่มและหญิงสาวดูเหมือนจะอายุประมาณ 18 ปี
ข้างหลังพวกเขาคือกลุ่มนักผจญภัย 5 คน ทีมของเขาเดินทางมาถึงแล้วและชายหนุ่มไคล์อ้าแขนเพื่อกอดด้วยรอยยิ้ม
วาเรี้ยนยกมือขึ้นและทำสีหน้าเคร่งขรึม
“แกเร็ธบอกนายเหรอ”
“แน่นอน”มายาหญิงสาวพยักหน้า
อันที่จริง แกเร็ธเป็นเพื่อนในครอบครัวของมายาแฟนสาวของไคล์จึงไม่แปลกหากพวกเรารู้ แต่ที่น่ารำคาญคือ . . .
“ดีใจจนพูดไม่ออกหรือไง เมื่อเห็นนักผจญถัยที่ดีที่สุดมา” ไคล์ยิ้มให้วาเรี้ยน
“นายคงอยากให้ใครซักคนส่งนายเข้าไปในดันเจี้ยนเพราะนี่เป็นครั้งแรกของนาย
มายาต้องการทำอย่างนั้น แต่เราเป็นใคร เพื่อนที่สนิทที่สุด! เราจะพยายามช่วยนายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะช่วยได้
ฉันจะเข้าร่วมกับนายในการผจญภัยในดันเจี้ยนครั้งแรกของนาย !"
ไคล์ชูกำปั้นขึ้นไปในอากาศและบอกแผนการของเขา ร่างผอมบางของเขาเหมือนจะถูกลมพัดปลิวได้ทุกเมื่อ แต่เขายืนหยัดอย่างเข็มแข็ง
มายามองใบหน้าที่มั่นใจของไคล์ด้วยความรัก คนอื่นในทีมยิ้มไปตามๆกัน วาเรี้ยนส่ายหน้า เขายอมเข้าไปคนเดียวดีกว่า นี่มันน่าอึดอัดมาก
ไคล์เป็นเด็กฝึกหัดอวกาศระดับ 1 มายาเป็นผู้ปลุกพลังจิตระดับ 1
คงจะดีสำหรับเลเวล 1 ที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนตราบใดที่พวกเขาไม่เข้าไปในเขตชั้นใน ปัญหาคือไคล์และมายาต่างก็ไม่ใช่สายต่อสู้
'พวกเขาจะติดตามเราแม้ว่าฉันจะโน้มน้าวให้ทีมผจญภัยปฏิเสธพวกเขาก็ตาม ฮึ พวกนายนี่มัน’ ' เขารู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย แต่ส่วนหนึ่งของเขามีความสุขที่เขามีเพื่อนอยู่ตรงนี้
วาเรี้ยนเดินไปหาอาเธอร์กัปตันทีมผจญภัย ฉันได้ตรวจสอบโปรไฟล์ของพวกเขาเมื่อวานนี้แล้ว
“ฉันหวังว่าจะไม่เป็นไรใช่ไหมที่สองคนนี้จะไปด้วย” วาเรี้ยนและอาเธอร์จับมือกัน
“ไม่เป็นไร คุณแกเร็ธบอกฉันแล้ว” อาเธอร์ส่งยิ้มอย่างสบายๆ เขาเป็นชายร่างกำยำและสูงเกือบสองเมตร แต่เขาดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด
พวกเขาเข้าแถวและหลังจากการตรวจสอบความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ววาเรี้ยนก็เดินเข้าประตูดันเจี้ยนไป
ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาวาเรี้ยนก็เดินโซเซเล็กน้อย ร่างกายของเขาต้องปรับตัวนิดหน่อยแต่เดี่ยวจะเป็นปกติ
วาเรี้ยนรู้ดีว่าทำไม ออร่าในดันเจี้ยนสูงกว่าบนโลก ดังนั้นร่างกายของเขาจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้
“คุณดีกว่าที่ฉันคิด คุณแกเร็ธไม่ได้โกหกตอนที่บอกว่าคุณเป็นคนพิเศษ” อาเธอร์มองไปข้างหลังเขาและยกนิ้วให้
มนุษย์ปกติต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามนาทีเพื่อปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของออร่า
แต่วาเรี้ยนก็ปกติดีในไม่กี่วินาที อาเธอร์รู้สึกได้ว่าร่างกายของวาเรี้ยนปรับตัวเข้ากับออร่าได้ดีกว่าทุกคนด้วยการรับรู้ออร่าของเขา
ออร่าเป็นรากฐานของทุกสิ่ง ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คือผู้ปลุกพลังเป็นยานพาหนะ ออร่าก็จะเป็นเชื้อเพลิงของพวกเขา ดังนั้นผู้ปลุกพลังทุกคนจึงอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของออร่า
วาเรี้ยนยักไหล่กับคำชมของอาเธอร์และมองไปยังโลกที่แปลกประหลาดที่เขาก้าวเข้ามา
ดันเจี้ยนฉันมาแล้ว!
โอกาสสุดท้ายที่จะปลุกพลังมาถึงแล้ว!
*** *** ***