ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 12 ถูกปลุกพลัง
[คุณได้ขั้นสูง]
แวเรี้ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาต่อสู้กับความตายและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด นั่นคือกรเป็นผู้ถูกปลุกพลังระดับ 1
เขาหวังว่าการเป็นผู้ถูกปลุกพลังจะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงหวังว่ามันจะชะลอการตายของเขาจนกว่าความช่วยเหลือจะมา
[ไม่พบแหล่งกำเนิดออร่าในร่างโฮสต์]
'อะไร?! ระบบ? มีออร่าอยู่ในอากาศ มีออร่าไหลอยู่ในดิน มีออร่าในร่างกายของฉัน
ทำไมมีออร่าอยู่ทุกที่'
[ดึงออร่าออกจากร่างโฮสต์]
“เดี๋ยวก่อน ไม่!” แวเรี้ยนตะโกนออกมาด้วยเสียงอันน้อยนิดในขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงเส้นใยเล็กๆ ของออร่าในเลือด อวัยวะ กระดูกถูกขยับให้เข้าที่
อะบิซอลที่กำลังจะตายรู้สึกงุนงงกับพฤติกรรมของแวเรี้ยน
แวเรี้ยนรู้สึกว่ามีบางสิ่งเคยผูกติดเขาไว้อยู่นั้นได้ปลดออกและในวินาทีต่อมา ออร่าในอากาศและดินก็ไหลเข้าร่างกายของเขา
เมื่อมองผ่านผิวหนัง ออร่าไหลไปตามกระแสเลือด เคลื่อนที่ผ่านกระดูกและไหลเข้าสู่อวัยวะต่างๆ วาเรี้ยนรู้สึกว่าออร่าเปลี่ยนแปลงระบบพื้นฐานร่างกายของเขา
แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่
สายตาของเขาคมชัดขึ้นและเขาสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆที่ไกลออกไปได้ชัดเจนขึ้นในระยะไกลได้มากขึ้น รสชาติ กลิ่น สัมผัส และการได้ยินของเขาดีขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
เขาเริ่มก้าวแรกบนเส้นทางแห่งสวรรค์
แวเรี้ยนไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาฟื้นตัวเร็วขึ้น และความสามารถในการทนต่อความเจ็บปวดและทนต่อบาดแผลก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาจะช่วยยื้อชีวิตเขาได้เพิ่มแค่ไม่กี่นาทีถ้าความช่วยเหลือยังมาไม่ถึง
'ฉันทำดีที่สุดแล้ว ฆ่าอะบิซอลทั้งที่พลังของฉันยังไม่ตื่นและชะลอการตายของฉันด้วยการที่พลังตื่นขึ้น – 'แวเรี้ยนยิ้มอย่างภาคภูมิใจและมองไปที่อะบิซอลข้างๆเขา
มันยังไม่ตาย ร่างกายของมันกำลังพยายามรักษาตัวเอง แต่นั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะแผลมันร้ายแรงมาก เมื่อเห็นอะบิซอลกำลังดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตรอด วาเรี้ยนจึงคลานไปด้านข้างมันด้วยขาที่หักและแขนที่หัก
อะบิซอลลืมตาขึ้นมาดูและมองไปยังแวเรี้ยนที่เปื้อนเลือดซึ่งเดินเข้ามาหาเขา ในสายตาของเขา แวเรี้ยนคล้ายกับไซอันกระหายเลือด ศัตรูตัวฉกาจของพวกอะบิซอล
แวเรี้ยนยิ้มให้กับอะบิซอลที่กำลังจะตายซึ่งดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธและกระซิบบอกว่า "ขอบคุณแกนะ ที่ทำให้พลังของฉันสามารถตื่นขึ้นได้ แต่ตอนนี้ฉันก็กำลังจะตายเหมือนกัน"
ก่อนที่อะบิซอลจะเข้าใจเจตนาของเขา แวเรี้ยนก็กระแทกศีรษะของเขาไปที่คอของอะบิซอลซ้ำเข้าไปอีก ต้องขอบคุณร่างกายระดับ 1 ของเขาที่ไม่ได้ทำให้หัวแตกของเขาแตกเมื่อกระแทกกับคอของมัน
[การปลุกพลังเสร็จสิ้น] ระบบแจ้งเตือนและวาเรี้ยนกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้หลับไป
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่เขาบังคับตัวเองให้ตื่นอยู่ตลอด
เขาพยายามคิดต่อไป แต่จิตของเขากำลังจะหลุดและเข้ารู้สึกง่วงนอนเป็นอย่างมาก
'เซีย แม่ขอให้ฉันช่วยเธอทำไม? เธอตกอยู่ในอันตรายยังงั้นหรอ?
'ฉันต้องตายอยู่ที่นี้งั้นหรอ? ถ้าฉันไม่หัวดื้อและเข้าไปในดันเจี้ยนเมื่อหนึ่งปีก่อน เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นเพราะงั้นมันเป็นความผิดของตัวฉันเอง?'
'ฉันหวังว่าจะไม่มีใครสูญเสียพ่อแม่แบบฉัน ดังนั้นฉันจึงอยากเป็นฮีโร่ที่จะได้รับตำแหน่ง "ผู้กอบกู้" และยุติสงครามกับอะบิซอลแต่ . .'
'เซีย เธอเป็นใครกันแน่นะ'
เขากระโดดจากความคิดหนึ่งไปสู่อีกความคิดหนึ่ง และในที่สุดเขาก็ไม่สามารถรักษาสติเอาไว้ได้ เมื่อเขาหลับตาลง เขารู้สึกเหมือนได้ยินอะไรบางอย่าง
วาเรี้ยนไม่สามารถลืมตาได้แล้วตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ราวกับว่าตอนนี้เขาถูกปิดผนึกอยู่ในห้องและไม่สามารถมีใครเปิดออกได้
'ที่นี่คือนรกเหรอ' เขาคิดในหัว . .
'ฉันตายก่อนที่ความช่วยเหลือจะมาถึงงั้นหรอ' ชั่วขณะหนึ่งแวเรี้ยนรู้สึกเศร้าและรู้สึกว่าเขายังใช้ชีวิตได้ไม่คุ้มเลย
“แวเรี้ยน” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นแล้วเขาก็หันกลับไปมอง เขาเห็นเธอ
ผมสีฟ้าเหมือนกับสีท้องฟ้าและดวงตาสีแดงที่ส่องประกายด้วยความเมตตา อแมนด้ายืนอยู่ข้างหน้าเขาและยืดมือของเธอออกมา "ขอแม่กอดหน่อย"
แวเรี้ยนสูญเสียความเป็นตัวเองไปและก่อนที่เขาจะรู้ตัว แก้มของเขาก็เปียกไปด้วยน้ำตา เขามองดูแม่และกำลังจะเดินไปกอดแม่ แต่ ...
“ฉันโตแล้วแม่ ไม่ต้องกอดกันก็ได้” เสียงหนุ่มดังขึ้น แวเรี้ยนตกใจมาก
เมื่อเขาหันไปด้านข้าง ดวงตาของแวเรี้ยนก็เบิกกว้าง เขาเห็นตัวเองในวัยเด็กเมื่อแวเรี้ยนอายุ 11 ขวบ ..