ตอนที่ 52 (ตอนฟรี)
ตอนที่ 52 (ตอนฟรี)
~~ชีวิตก็เหมือนแม่น้ำสายใหญ่~~
~~บางครั้งก็เงียบสงบ บางครั้งก็บ้าคลั่ง~~
~~ชีวิตแห่งความเป็นจริงก็เหมือนโซ่ตรวนที่ผูกมัด~~
""
""
บนรถแท็กซี่เสียงร้องเพลงของกงหมิงเฟย ดังออกมาจากเครื่องเสียงบนรถ แต่คุณภาพของเสียงนั้นไม่ค่อยดีมากนัก เนื่องจากมันเป็นงานแสดงสดบนเวทีและยังมีเสียงกรี๊ดของกลุ่มแฟนๆ แทรกเข้ามาในเนื้อเพลงตลอด
คนขับมองผ่านกระจกมองหลังและเห็นว่ากงหมิงเฟยกำลังฟังเพลงอยากตั้งใจ เขาจึงถามไปว่า "เพลงนี้ดีมากใช่ไหมล่ะ เมื่อคืนผมก็ได้ฟังเพลงนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว ในทันทีที่ได้ยินผมก็รู้สึกชอบมันมาก และผมรู้ว่าสถานีวิทยุนี้จะต้องนำเพลงนี้มาเปิดในตอนเช้า ผมจึงตั้งใจฟังสถานีนี้โดยเฉพาะ!"
คนขับหัวเราะขณะขับรถ "ลูกสาวผมอยู่ในงานที่จัดขึ้นในจัตุรัสเมื่อคืนนี้ เธอกลับมาเล่าให้ผมฟังว่ารายการแสดงของคนอื่นๆนั้นไม่น่าสนใจเลยยกเว้นของศิลปินคนที่ชื่อกงหมิงเฟย การแสดงของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก!"
ขณะที่เลี้ยวรถไปตามสี่แยก คนขับก็พูดต่อว่า "ผมได้ยินจากลูกสาวของผมว่าชายหนุ่มคนนี้มีพรสวรรค์ทางด้านการร้องและการแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมมาก หลังจากที่ลูกสาวของผมทำคลิปวีดีโอที่เธอบันทึกไว้มาเปิดให้ฟัง ผมรู้สึกว่ามันเป็นเพลงร็อคที่ดีมากเพลงหนึ่งเลยทีเดียว!"
"ถึงแม้ว่าผมจะมีอายุเกินวัยและไม่ค่อยเข้าใจเพลงร็อคมาก แต่ผมก็ยังพอมีความรู้ ว่าเพลงไหนดีและเพลงไหนไม่ดี ฮ่าฮ่า!"
คนขับรถแท็กซี่พูดเก่งมาก ในขณะเดียวกันเสียงเพลงก็ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง หวางหนิงกำหมัดแน่น ถ้าไม่ใช่เพราะ กงหมิงเฟยบอกให้เธอเงียบ เธอก็คงจะร้องกรี๊ดและตะโกนเชียร์ออกมาเสียงดัง!
ทางด้านกงหมิงเฟย ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหวางหนิงมากนัก ในตอนนี้ความตื่นเต้นและความภาคภูมิใจแทบจะทะลุออกมาจากอกของเขา! ตอนนี้เพลงของฉันกำลังออกอากาศทางวิทยุจริงๆ! ถึงแม้ว่าสถานีวิทยุนี้จะเป็นแค่สถานีวิทยุท้องถิ่นประจำเมืองฉิงเป่ยก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าเพลงทั่วๆไปก็จะสามารถออกอากาศทางสถานีวิทยุได้!
กงหมิงเฟยมีความสุขมาก~ ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเป็นดาราดัง
ยิ่งฟังคนขับชมนักร้องที่ร้องเพลงมากเท่าไหร่ กงหมิงเฟยก็ยิ่งรู้สึกดีมากเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าคนขับแท็กซี่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนร้องเพลงนี้ก็ตาม
ส่วนทางด้านคนขับแท็กซี่เองก็รู้สึกดีมากเช่นเดียวกัน เพราะมันหายากมากที่เขาจะเจอคนที่ชอบฟังคำพูดของเขา บางครั้งเวลาเขาพูดกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ผู้โดยสารบางคนจะบ่นออกมาทันทีว่าเขาพูดมากเกินไป
หลังจากมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ทั้งกงหมิงเฟยและคนขับแท็กซี่ต่างพยักหน้าและยิ้มให้แก่กันราวกับว่าพวกเขานั้นเป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมานาน แฟนๆในห้องถ่ายทอดสดต่างหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
[พี่ชายกงคุณไร้ยางอายมาก หลอกคุยกับคนขับแท็กซี่ให้ชมตัวเอง]
[ใช่แล้วนายหน้าด้านมากจริงๆ เหลากง ในก่อนหน้านี้คนขับได้เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น แต่นายก็ยังดึงกลับมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพลง เพื่อให้คนขับแท็กซี่ยกย่องนายต่อไป]
[ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เพลงของเหลากงกำลังออกรายการวิทยุ และอีกสองวันโฆษณาจะออกทางทีวีแล้วนะพี่น้อง ต่อจากนี้ไปเหลากงจะมีชื่อเสียงมากขึ้นแล้ว~]
[ใช่แล้ว พี่ชายกงกำลังจะเป็นที่นิยมแล้ว]
บรรดาแฟนคลับในห้องถ่ายทอดสดต่างมีความสุขมาก เมื่อเด็กสมบัติของพวกเขากลายเป็นที่นิยม พวกเขาก็สามารถพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเลยว่าพวกเขานั้นคือแฟนคลับตัวจริงกลุ่มแรกๆ ความภาคภูมิใจของพวกเขาไม่ต่างจากพ่อแม่ที่กำลังดูลูกชายเติบโตขึ้นมา
หลังจากที่กงหมิงเฟยโอนเงินผ่านแอร์เพย์ให้กับคนขับรถแท็กซี่แล้ว เขาและหวางหนิงก็เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของเมืองฉิงเป่ย ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ มีซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เสื้อผ้าบนชั้นสอง เครื่องใช้ในบ้านบนชั้นสาม โรงภาพยนตร์บนชั้นสี่และร้านอาหารบนชั้นห้า
เมื่อทั้งคู่เดินขึ้นมาถึงชั้นสองกงหมิงเฟยซื้อรองเท้า 2 คู่ แล้วเปลี่ยนจากรองเท้าแตะฟางเป็นรองเท้าคู่ใหม่ที่เพิ่งซื้อมา มิฉะนั้นมันจะดูเด่นและสะดุดตามากเกินไป หลังจากนั้นกงหมิงเฟยเลือกเสื้อแจ็คเก็ตอีก 2 ตัว เสื้อผ้าที่ทนทานต่อการสึกหรอ กันเปื้อนกันฝุ่น และสามารถใช้ในฤดูหนาวเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายได้ เสื้อแจ็คเก็ตอเนกประสงค์แบบนี้นั้นเหมาะกับเขามาก ต่อให้เป็นหน้าร้อนก็ยังสามารถใส่แทนเสื้อคลุมได้เพียงแค่ไม่ต้องรูดซิปมันก็เท่านั้นเอง
กงหมิงเฟยซื้อกางเกงยีนส์ 4 ตัว กางเกงยีนส์เดิมของเขานั้นมีเพียงแค่ 2 ตัวและแทบจะไม่ได้เปลี่ยนมานานมากแล้ว พอได้กางเกงตัวใหม่ก็ถึงเวลาที่ต้องทิ้งตัวเก่าไป
เมื่อเขามาถึงที่ประตู กงหมิงเฟย เห็นแผงขายหนังสือพิมพ์ แผงขายหนังสือพิมพ์ปัจจุบันได้สูญเสียความนิยมไปนานแล้วตั้งแต่เมื่อ 3-4 ปีก่อนเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็คงจะเป็นเพราะกลุ่มคนยุคใหม่นิยมอ่านข่าวบนสื่อโซเชียลมากกว่า ที่หน้าประตูก็เช่นเดียวกัน มีลูกค้าประจำเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังซื้อหนังสือพิมพ์อ่าน
กงหมิงเฟยหยุดในทันทีเพราะเขาเห็นรูปของเขาในหนังสือพิมพ์!
เขาเดินไปซื้อหนังสือพิมพ์มาหนึ่งฉบับ แน่นอนว่ามีรูปถ่ายของตัวเองอยู่ แม้มันจะไม่ใช่หนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียง แต่ให้ตายเถอะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลงหนังสือพิมพ์!
หวางหนิงก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เธอมองซ้ายและขวาและพูดออกมาเบาๆราวกับว่ากงหมิงเฟยถูกออกหมายจับ “พี่ชายกง! คุณอยู่ในหนังสือพิมพ์!”
กงหมิงเฟยพยักหน้าอย่างสงบแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น หน้าเธอแดงมาก แล้วทำไมถึงพูดเสียงต่ำๆ แบบนี้ล่ะ”
"ฉันกลัวตัวตนของพี่ชายกงจะถูกเปิดเผย และหากมีแฟนๆกลุ่มใหญ่อยู่แถวนี้เราจะไม่สามารถหนีพ้นได้!"
เมื่อได้ยินคำพูดของหวางหนิง กงหมิงเฟย ก็หัวเราะออกมา "คุณมองหน้าผมตอนนี้สิ แล้วลองเปรียบเทียบกับภาพในหนังสือพิมพ์ดู มันแค่มีส่วนคล้ายกันบ้างนิดหน่อยนั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อคืนนี้ผมแต่งหน้า หากไม่สังเกตดีๆแล้วคงจะไม่มีใครสามารถจำผมได้อย่างแน่นอน!"
หวางหนิงมองรูปกงหมิงเฟยในหนังสือพิมพ์อย่างละเอียด และแน่นอนว่ากงหมิงเฟยในหนังสือพิมพ์ดูหล่อและมีเสน่ห์แบบชาวร็อคตัวร้าย แต่กงหมิงเฟยในตอนนี้ดูหล่อเหลาแบบชายหนุ่มที่ใสซื่อ
เมื่อสิ่งของที่ซื้อถูกส่งกลับไปที่โรงแรมก็เที่ยงแล้ว ทั้งสองก็ออกไปในตอนบ่าย กงหมิงเฟยซื้อบ้านแมวและถุงห้อยแมวสำหรับเจ้าแบล็คเพิร์ล ส่วนที่เหลือเป็นของใช้ประจำวันของเขา
เมื่อทั้งทั้งสองคนแยกทางกันในตอนเย็น หวางหนิงก็รู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก เธอรู้สึกว่าวันนี้มันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
เมื่อดูจากการแสดงออกของหวางหนิงแล้ว หากกงหมิงเฟยบอกให้เธออยู่กับเขาต่อ เธอก็คงจะเต็มใจอย่างแน่นอน แต่กงหมิงเฟยเป็นเหมือนกับแท่งเหล็กตรงทื่อๆ ที่ไม่ได้สังเกตอารมณ์ความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาโบกมือและยิ้มให้กับหวางหนิงก่อนจะหันหลังเดินเข้าโรงแรมไป!
แฟนๆ ในห้องถ่ายทอดสดเสียความรู้สึกเล็กน้อยโดยเฉพาะกลุ่มแฟนๆ ที่เป็นชายหนุ่ม พวกเขาต่างจินตนาการเอาไว้ว่าวันนี้อาจจะมีโชว์ดีๆ ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กเกิดขึ้นก็เป็นได้!
ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์บ้านตระกูลไป่ !
ไป่ชิงชิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเธอเห็นว่าหวางหนิงไม่ได้เข้าไปในห้องพักของกงหมิงเฟย!
ไป่ฉีห้าวที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่บนหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ก็รู้สึกสะดุ้งตกใจเล็กในทันทีเมื่อได้ยินคำถามของไป่ชิงชิง "เสี่ยวห้าวฉันนั่งอ่านข้อความในห้องถ่ายทอดสดมาสองสามวันแล้ว ฉันอยากรู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงตระกูลไป่ของพวกเราใช่หรือไม่? นายได้ทำอะไรลับหลังฉันไว้หรือเปล่า?"
ไป่ฉีห้าวตัวสั่นขึ้นมาทันที จนส่งผลให้ตัวละครในเกมที่เขากำลังเล่นอยู่นั้นตาย!
เขารู้ดีว่าในวันนั้นเกิดอะไรขึ้น พี่ชายคนที่สองของเขาได้ส่งคนไปข่มขู่และตักเตือนกงหมิงเฟย แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนที่พี่ชายคนที่สองของเขาส่งไปจะงี่เง่ามากถึงขนาดเอ่ยชื่อตระกูลไป่ออกไปในขณะที่มีการถ่ายทอดสดอยู่ด้วย
ถึงแม้ว่าในก่อนหน้านี้รวมถึงเวลาที่คนของพี่ชายรองไปข่มขู่กงหมิงเฟย พี่สาวของเขาจะไม่ได้ดูการถ่ายทอดสดก็ตาม แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา กลุ่มเป็นแฟนๆ ในห้องถ่ายทอดสดยังคงบ่นและด่าตระกูลไป่ที่ส่งคนมาข่มขู่กงหมิงเฟย และพี่สาวของเขาอาจจะได้รับรู้เบาะแสอะไรบางอย่าง จนนึกสงสัยขึ้นมา
หยาดเหงื่อเย็นยะเยือกที่หน้าผากของไป่ฉีห้าวไหลหยดลงมาราวกับน้ำ เขาถูกพี่สาวของเขารังแกมาตั้งแต่จำความได้ ส่วนพี่ชายคนโตและพี่ชายคนที่สองมองว่าเขานั้นเป็นน้องชายคนเล็กและตามใจเขาเสมอ แต่สำหรับในสายตาของพี่สาว ตัวเขานั้นไม่ต่างจากกระสอบทรายเดินได้!
ฉะนั้นความกลัวต่อพี่สาวคนที่สามจึงเป็นเหมือนฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะโตแล้วก็ตามแต่พี่สาวของเขาก็ยังคงรังแกเขาอยู่เสมอ!
และในครั้งนี้ฉันควรจะทํายังไงดี! ฉันต้องหาวิธีแก้ตัวและหลอกไม่ให้พี่สาวจับได้ว่าฉันเอาเรื่องของไอ้เจ้าคนหลอกลวงกงหมิงเฟยคนนั้นไปบอกพี่รอง ไม่อย่างนั้นฉันคงจะต้องตายแน่ๆ!!!
เช่นเดียวกับที่ไป่ฉีห้าวรู้จักนิสัยของพี่สาวของเขา ตัวของไป่ชิงชิงก็รู้จักนิสัยน้องชายของเธอทะลุปุโปร่งเช่นเดียวกัน! เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดออกมาก็แสดงว่าต้องมีเรื่องที่เขากระทำลับหลังและปกปิดอยู่อย่างแน่นอน!
เธอกระโดดขึ้นมานั่งบนโซฟาพร้อมกับจ้องมองหน้าของไป่ฉีห้าวด้วยสายตาที่เย็นชาราวกับสิงโตกำลังจับจ้องเหยื่อของมัน!
คราวนี้ไม่เพียงแต่เหงื่อที่ไหลหยดอยู่บนหน้าผากของเขาจะมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น แม้แต่ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ยังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ! นัยน์ตาของไป่ฉีห้าวหดเล็กลงและเคลื่อนไหวไปมาอย่างมีพิรุธ! ในตอนนี้เขาต้องพยายามเปลี่ยนเรื่องพูดหรือไม่ก็ต้องหาเรื่องแก้ตัวที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเอาไว้ก่อน!
"เอ่อ...นี่พี่สาว! ที่พี่ขออนุญาตพ่อไปยังเมืองเหิงเตี้ยนพ่ออนุญาตให้พี่ไปมั้ย?"
ไป่ฉีห้าวนึกถึงเรื่องที่พี่สาวของเขาต้องการจะไปยังเมืองเหิงเตี้ยนจึงรีบถามออกมา!
และในขณะเดียวกันไป่ชิงชิงที่แต่เดิมเต็มไปด้วยโมเมนตัมอันรุนแรง เมื่อได้ยินคำถามของน้องชายของเธอ เธอก็เป็นเหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลมยุบลงไปอย่างรวดเร็ว และพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ขมขื่น "ไม่! พ่อบอกว่าถ้าฉันไปที่เมืองเหิงเตี้ยนคนเดียวฉันจะต้องถูกแก๊งค้ามนุษย์กับตัวไปขายอย่างแน่นอน!"
ยิ่งพูดไป่ชิงชิงก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เธอกระโดดลงจากโซฟาไปยืนที่พื้นพร้อมกับเท้าสะเอวแล้วพูดว่า "นี่คือการเลือกปฏิบัติและผิดมนุษยธรรมอย่างชัดเจน! ทำไมเวลาที่ฉันไปเมืองเหิงเตี้ยนเจ้ากลุ่มผู้ค้ามนุษย์ต้องจ้องจะมาจับฉัน แล้วทีกงหมิงเฟยไปทำไมไม่มีใครมาจับเขาล่ะ กลุ่มผู้ค้ามนุษย์พวกนี้เป็นพวกเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน!"
มุมปากของไป่ฉีห้าวกระตุกทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของพี่สาวของเขา และในขณะเดียวกันก็ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อนานมาแล้วขึ้นมาได้!
…………
จบบท