MDB ตอนที่ 33 ระดับสาม!?
หลู่ปาเป็นสัตว์วิเศษที่มีสายเลือดของสิงโตพายุ 'หลู่' เป็นนามสกุลของหลู่หยุนเหอและ 'ปา' เป็นชื่อที่เจ้าของของเขาตั้งให้มัน
หลังจากที่หลู่หยุนเหอได้ยินหลู่เสี่ยวหยุน เมื่อมองใกล้ ๆ เขาก็ตระหนักว่าเธอพูดถูก
หลู่ปาถูกหมาป่าอัคคีข่วนสามครั้งได้สูญเสียออร่าที่ครอบงำของมันไป ขณะนี้ดูเหมือนหญิงม่ายที่โกรธแค้น มันจ้องมองเสี่ยวฮั่วอย่างหวาดกลัวด้วยดวงตากลมโตที่น้ำตาไหลออกมา
ร่างกายของหลู่หยุนเหอสั่นและเขาเกือบจะล้มลงกับพื้น จิตใจของเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
เป็นไปได้อย่างไร? สิงโตของเขาเป็นสัตว์วิเศษระดับสองและหลังจากได้รับพรจากอาคมกระหายเลือดและบ้าคลั่ง มันควรจะแข็งแกร่งไร้เทียมทานเหนือสัตว์วิเศษในระดับเดียวกัน
แต่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นนี้ยังคงพ่ายแพ้ แถมยังเร็วเกินไป แม้แต่หลู่หยุนเหอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาไม่รู้แต่หลินจินรู้ คงจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ถ้าระดับสองสามารถเอาชนะระดับสามได้
นอกจากนี้ เสี่ยวฮั่วไม่ใช่แค่ระดับสามปกติ มันได้รับการเลื่อนระดับด้วยวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบและก่อนหน้านี้ เสี่ยวฮั่วก็ได้เสร็จสิ้นการฝึกฝนรูปแบบพลังงานอสูร ส่วนแรกอีกด้วย
คาถานี้ได้รับการออกแบบและจัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ ในโลกนี้ คงไม่มีคาถาอื่นใดที่สามารถเทียบได้กับมันได้
ด้วยสิ่งนี้ เสี่ยวฮั่วที่เพิ่งมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสามารถเอาชนะสิงโตระดับสองได้อย่างง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปร่างของมันด้วยซ้ำ
หลินจินหาว เขาลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปที่ด้านหลังห้องประเมิน “ข้าจะงีบหลับสักหน่อย ในระหว่างนี้ ห้ามรบกวนข้า!”
หลังจากนั้น เขาก็ผล็อยหลับไป
สำหรับหลู่หยุนเหอ หลินจินจะปล่อยให้หลู่เสี่ยวหยุนจัดการ สองพี่น้องทั้งสองมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกัน ย้อนกลับไปในตอนนั้นหลู่เสี่ยวหยุนได้ยืนยันที่จะท้าทายเขาเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงไม่แปลกใจที่หลู่หยุนเหอบุกเข้ามาแบบนี้
ภายในห้องประเมิน จ้าวหยิงและสัตว์เลี้ยงของเธอเพิ่งมาถึงห้องประเมินของหลินจิน เธอพบว่าประตูที่พังทลาย เมื่อพยายามเปิดออกมาอย่างระมัดระวัง เธอก็พบว่าห้องโถงก็ถูกกั้นด้วยม่านขนาดใหญ่
ในขณะเดียวกัน หลู่หยุนเหอรู้สึกท้อแท้ เขายังลังเลที่จะเชื่อว่าเขาได้พ่ายแพ้ต่อเจ้าขยะที่น่าสมเพชไปแล้ว ยิ่งกว่านั้น คู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้ประเมินและไม่ใช่สมาชิกของสมาพันธ์นักบวช
เขาแพ้คนแบบนี้ได้ยังไง?
ความมั่นใจของหลู่หยุนเหอเริ่มพังทลาย
หลู่เสี่ยวหยุนอยากจะตำหนิพี่ชายของเธอที่เป็นคนใจร้อนแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสอนเขา ตอนนี้เขากำลังเสียศูนย์ การไปซ้ำเติมยิ่งจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก
“ท่านพี่ เมื่อวานมีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไป ข้าจึงไม่มีเวลาบอกท่านเรื่องที่ข้าได้เปลี่ยนอาจารย์เป็นผู้ประเมินหลินจิน ท่านพี่ ท่านต้องไม่ฟังข่าวลือที่ดูหมิ่นเหยียดหยามพวกนั้น ผู้ประเมินหลินมีทักษะอย่างแท้จริง ท่านพี่รู้เรื่องสัตว์เลี้ยงของข้าหรือไม่? ลองดูมันตอนนี้สิ” หลู่เสี่ยวหยุนเรียกจิ้งจอกแดงของเธอออกมาเพื่อให้หลู่หยุนเหอเห็นมัน
หลังจากเหลือบมอง เขาตกใจจนเกือบพูดไม่ออก “ระดับสอง? เกิดอะไรขึ้น? จิ้งจอกแดงตัวนี้มีวิวัฒนาการเมื่อใด มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะพัฒนาภายในปีนี้? หรือว่าเป็นเพราะ…”
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาและสีหน้าของหลู่หยุนเหอก็เปลี่ยนไป
หลู่เสี่ยวหยุนพยักหน้าก่อนที่จะลากพี่ชายของเธอไปที่มุมหนึ่งเพื่อเริ่มบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
ความวุ่นวายนี้ในห้องปรึกษาเกิดขึ้นเร็วและจบลงดั่งสายลมพัดผ่าน ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวหยิงได้ปิดประตูทางเข้าด้วยผ้าม่านทันเวลา ดังนั้นผู้คนภายนอกจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ด้านนอก จางเฮอที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนดูสับสน
เมื่อกี้ เขาเห็นหลู่หยุนเหอผู้โกรธเกรี้ยวบุกเข้าไปในห้องประเมินพร้อมกับสิงโตตัวผู้ของเขา
แต่หลังจากนั้น…ก็ไม่มีอะไรเกินขึ้น
เขามองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในและเสียงรอบ ๆ ตัวก็กลบทุกเสียงจากภายใน
อย่างไรก็ตาม จางเฮอคิดว่าคราวนี้หลินจินต้องไม่รอดอย่างแน่นอน
'เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไร เขากล้าที่จะแย่งชิงลูกศิษย์ของผู้ประเมินเกาไปอย่างหน้าด้าน ๆ หลินจินเจ้าประเมินผู้ประเมินเกาต่ำไป เขาสามารถเหยียบเจ้าให้จมดินอย่างง่ายดาย’ จางเฮอคิดกับตัวเอง
จากมุมมองของจางเหอ อาจเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีความวุ่นวายจากภายใน
หลู่หยุนเหอคือใคร? เขาเป็นบุคคลสำคัญสมาพันธ์นักบวช เพียงแค่พริบตาเขาสามารถล้มหลินจินได้อย่างง่ายดายและฝ่ายหลังอาจเป็นลมหมดสติไปแล้ว
น่าเสียดายที่มีนำผ้าม่านมากั้นไว้ จางเหอจึงอดชมการแสดงดี ๆ แถมเขาก็ไม่กล้าเข้าไปด้วยเพราะเกรงกลัวต่อหลู่หยุนเหอ
ไม่นานก็มีคนออกมา คน ๆ นั้นคือหลู่หยุนเหอ
ชายผู้นั้นไม่ได้ดูเดือดดาลแบบตอนเข้าไป ตอนนี้เขาสงบขึ้นมาก สัตว์วิเศษของเขากำลังติดตามเขาด้วยหูห้อยตกลงมา
หลู่เสี่ยวหยุนตามเขาออกไป
“ฮ่าฮ่า หลู่หยุนเหอต้องพาน้องสาวไปขอโทษผู้ประเมินเกา โอ้ หลิน จิน เจ้าจะโผล่หน้าในที่สาธารณะอีกครั้งได้อย่างไร?” จางเฮอตบต้นขาของเขาด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลู่หยุนเหอพูดหลังจากนั้น มันทำให้จางเฮอถึงกับงุนงง
“น้องพี่ ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย ข้าใจร้อนเกินไป ข้าถูกเนื้อหาในจดหมายหลอกและเกือบจะสร้างปัญหาที่นี่ น่าเสียดายที่ผู้ประเมินหลินกำลังงีบหลับอยู่ ข้าจึงไม่อยากรบกวนเขา เมื่อเขาตื่นขึ้นมาหลังจาก เจ้าช่วยบอกเขาว่า…บอกเขาว่าคราวหน้าข้าจะเลี้ยงอาหารเขา” หลู่หยุนหูกล่าวอย่างอ่อนแรง
แม้ว่าเสียงของเขาจะเบาแต่จางเฮอก็ได้ยินส่วนสำคัญ
‘อะไรนะ? เขาไม่อยากรบกวนการงีบของหลินจิน?’
‘แถมเขายังต้องการที่จะเลี้ยงอาหารหลินจินด้วย?’
‘หลู่หยุนเหอยังสติดีหรือเปล่า? ทำไมเขาถึงพูดเรื่องไร้สาระอย่างนี้?’
หลู่เสี่ยวหยุนพยักหน้า “ท่านพี่ อย่ากังวลไป ผู้ประเมินราคาหลินไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแต่ท่านพี่ต้องไม่ฟังข่าวลือพวกนั้นอีก”
หลู่หยุนเหอดูเขินอาย แล้วเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ใช่แล้ว ข้าเป็นคนทำประตูนี้พัง ดังนั้นข้าจะให้ช่างไม้มาซ่อมทีหลัง ข้าจะจ่ายค่าซ่อมเองและก็มีอีกอย่างที่ข้าต้องการให้น้องช่วยพี่อีกด้วย”
"เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?"
“มันเป็นเรื่องของหลู่ปา ข้าต้องการให้ผู้ประเมินหลินดูมัน…”
ตอนนี้จางเฮอเริ่มที่จะเสียศูนย์ เรื่องที่เขาพบเจอมันไม่ตรงกับสิ่งที่เขาคาดไว้ทุกประการ อย่างในช่วงบ่ายของวันก่อน หลินจินได้ก่อความวุ่นวายในร้านอาหารซิมโฟนีและไม่เพียงแต่เขาจะไม่เป็นอะไร เขายังเป็นเพื่อนกับพ่อครัวใหญ่เหลียวอีกด้วย
จากนั้น เขาคิดว่าหลู่หยุนเหอจะสอนบทเรียนให้หลินจิน แต่ใครจะคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยความล้มเหลวเช่นกัน
จางเฮอถึงกับหมดอาลัยตายอยาก
ในขณะเดียวกัน หลู่เสี่ยวหยุนเองก็เห็นด้วย มันเป็นเพียงการประเมินสัตว์วิเศษ ดังนั้นพี่ชายของเธอแค่ไปรับป้ายทะเบียนมาเท่านั้น จนถึงตอนนี้ เธอเริ่มที่จะเข้าใจหลินจินไม่มากก็น้อย
หลู่หยุนเหอกระซิบกับน้องสาวของเขาว่า “น้องพี่ ช่วยบอกพี่มาตามตรงนะ หมาป่าอัคคีของผู้ประเมินราคาหลิน เป็น…เป็นระดับสามใช่หรือไม่?”
หลู่เสี่ยวหยุนไม่ทราบอย่างแท้จริง “ผู้ประเมินหลินไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้แต่ทั้งจิ้งจอกแดงของน้องและตัวนิ่มของหยิงหยิง ต่างก็ไม่สามารถแม้แต่จะข่มขู่มันได้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ระดับสามก็ตาม อย่าง ๆ มันก็อยู่จดสูงสุดของระดับสอง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลู่หยุนเหอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกำหมัดแน่น ประกายแวววับแวบผ่านดวงตาของเขา
ถึงเขาเป็นนักบวชที่ฝึกฝนขอบเขตของพันธสัญญาโลหิต อย่างไรก็ตาม ระดับของสัตว์วิเศษยังคงเป็นกุญแจสู่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง เพื่อประโยชน์ในการวิวัฒนาการของสัตว์วิเศษ หลู่หยุนเหอยินดีที่จะเสียสละทุกอย่าง
ทว่าการเลื่อนระดับเป็นระดับสองไปเป็นระดับสามสองนั้นยากมาก แม้แต่ในสมาพันธ์นักบวชของเมืองเมเปิ้ล สัตว์วิเศษระดับสามก็แทบจะไม่มี
แค่คิดถึงสัตว์วิเศษระดับสามก็ทำให้เขากระหายอย่างสุดซึ้ง
แม้จะไม่ได้รับคำตอบที่แน่นอนแต่หลู่หยุนเหอก็รู้สึกว่าหมาป่าอัคคีที่สามารถเอาชนะสิงโตของเขาได้อย่างง่ายดายนั้น มันต้องไม่ใช่ระดับสองอย่างแน่นอน อย่างน้อย ๆ มันต้องถึงระดับสาม
หลินจินสามารถพัฒนาสัตว์เลี้ยงของเขาเป็นระดับสามได้ ดังนั้นเขาจึงต้องมีวิธีช่วยหลู่หยุนเหอด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลู่หยุนเหอก็รู้สึกวิตก ตัวเขาที่โง่เขลามาที่นี่เพื่อก่อความเดือดร้อน โชคดีที่ไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าผลที่จะตามมาจะเป็นอย่างไร
ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกคาดหวังอย่างมากขึ้น เขาตัดสินใจแล้วว่าจะให้ผู้ประเมินหลินประเมินสัตว์วิเศษของเขา
“ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่สะดวก ไว้พรุ่งนี้ข้าจะรับป้ายทะเบียนมาตั้งแต่เช้าตรู่!”