480 - ทายาทตระกูลทัวป๋า
480 - ทายาทตระกูลทัวป๋า
“120,000” ในบรรดาผู้คนทั้งหมดมีเพียงดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเท่านั้นที่กล้าสู้ราคา
นักพรตมังกรแดงมองผู้อาวุโสจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอย่างเย็นชาและไม่ได้สู้ราคาอีก
มันไม่ใช่ว่าเขาหวาดกลัวต่อฝ่ายตรงข้าม แต่มันเป็นเพราะเขามีต้นกำเนิดอยู่แค่นั้น ในท้ายที่สุดราคานี้ก็ถือว่าแพงเกินไปย่อมไม่มีผู้ใดกล้าเสนอราคามากกว่านี้อย่างแน่นอน
ชายชราจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเดินไปที่หลังเวทีเพื่อรับสิ่งของ หลังจากนั้นผู้คนก็เริ่มทยอยออกจากโรงประมูล
มหาบุรุษทั้งสี่แห่งราชวงศ์อมตะจากภาคกลางลุกขึ้นจากที่นั่ง การประมูลครั้งนี้พวกเขาค่อนข้างประสบความสำเร็จ ทั้งในด้านยาศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าและการข่มขวัญยอดฝีมือจากดินแดนรกร้างตะวันออก
เมื่อเห็นพวกเขาลุกจากที่นั่งด้วยท่าทางเย็นชา ใบหน้าของผู้ฝึกตนจากดินแดนรกร้างตะวันออกก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ พวกเขารู้ดีว่าการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในภูเขาสีม่วงนั้นคงเต็มไปด้วยอันตรายอย่างยิ่ง
ต่อมาหลวงจีนเฒ่าหลายคนจากทะเลทรายตะวันตกก็ออกจากหอคอยสมบัติอสูรสวรรค์
แม้ว่าในด้านความมั่งคั่งพวกเขาจะเทียบไม่ได้กับตระกูลอมตะจากภาคกลาง แต่ยอดฝีมือของดินแดนรกร้างตะวันออกกลับรู้สึกว่าคนพวกนี้น่ากลัวกว่า
สถานการณ์ถูกกำหนดแล้วอีกไม่กี่วันข้างหน้าคนพวกนี้จะโจมตีภูเขาสีม่วงอีกครั้งอย่างแน่นอน
เย่ฟ่านและหลี่เหอซุยเพิ่งเดินออกจากห้อง พวกเขาพบอู๋จื่อหมิง, หลี่จงเทียนและชายหนุ่มที่หยิ่งผยองคนนั้น
“หลังจากนี้หากพวกเจ้ากล้าเข้าสู่ลานพนันหินอีกครั้ง เจ้าจะได้รู้ว่าสวรรค์และปฐพีกว้างใหญ่เพียงใด!” อู๋จื่อหมิงเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำอีก
หลี่เหอซุยเยาะเย้ย “เข้าใจแล้ว แต่ไม่ทราบว่าพวกเจ้ามีต้นกำเนิดมากมายแค่ไหน มันเพียงพอที่จะทำให้พวกเราหน้าเขียวคล้ำจริงหรือไม่!”
ชายหนุ่มคนนั้นเดินตรงไปข้างหน้า เขาไม่แม้แต่จะเหลียวมองพวกเย่ฟ่านในขณะที่เขากล่าวว่า
"การพนันกับพวกเขานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ ข้ามาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ก็เพื่อค้นหาศิลาต้นกำเนิดสวรรค์ไปเป็นของขวัญให้ท่านปู่"
หลี่เหอซุยมองดูแผ่นหลังของเขาและเยาะเย้ยว่า
"เลิกพูดไร้สาระเถอะหากพวกเจ้ามีต้นกำเนิดเพียงพอก็สามารถนัดเราไปที่ลานพนันหินของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้เสมอ!"
“ลำพังความสามารถของพวกเจ้า?” ชายหนุ่มคนนั้นแค่นเสียงก่อนจะเดินจากไปทันที
“เจ้ากล้าเปรียบเทียบศิลปะชนบทกับผู้คนในตระกูลขุนนางทัวป๋าหรือ? ในอดีตแม้แต่ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ก็ยังไปเยือนที่ตระกูลทัวป๋าด้วยตัวเอง” อู๋จื่อหมิงหัวเราะและหันหลังกลับ
หลังจากนั้นอันเหมียวอี้ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
"หากมีการเดิมพันครั้งใหญ่จริงๆเหมียวอี้จะไปให้กำลังใจพวกเจ้าอย่างแน่นอน"
“กำลังจะมีการเดิมพันครั้งใหญ่อย่างนั้นเหรอ?” องค์ชายเซี่ยและน้องสาวของเขาก็เดินออกมาจากห้องพอดี
อู๋จื่อหมิงที่กำลังเดินจากไปไม่กล้าเลยพวกเขา เขาประสานมือแสดงความเคารพต่อทั้งสามคนและกล่าวว่า
“เทพธิดาอันก็ชอบความครื้นเครงด้วย?”
ต่อมาเขาเชิญองค์ชายเซี่ยอีกครั้งโดยกล่าวว่า "ฝ่าบาทท่านต้องมาให้ได้นะ นี่คือคุณชายจากตระกูลทัวป๋าเมื่อสามปีก่อนเขาคือคนที่ค้นพบต้นกำเนิดสวรรค์ในเมืองนี้”
" สมาชิกของตระกูลทัวป๋า?” องค์ชายเซี่ยประหลาดใจและกล่าวว่า
"นี่เป็นตระกูลขุนนางโบราณที่ศึกษาศิลปะต้นกำเนิดได้เชี่ยวชาญมากที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก?"
“ที่แท้ก็คือวีรบุรุษหนุ่มผู้ค้นพบต้นกำเนิดสวรรค์คนนั้นนั่นเอง?”เจียงอี้เฟยของตระกูลเจียงก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสง่างาม
อู๋จื่อหมิงรีบแนะนำโดยกล่าวว่า "เป็นอัจฉริยะตะกูลทัวป๋าคนนั้นเอง"
ชายหนุ่มที่หยิ่งผยองคนนั้นเดินกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะทรนงตัวแต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถละเลยองค์ชายของราชวงศ์ต้าเซี่ยและทายาทตระกูลขุนนางโบราณได้
หัวใจของเย่ฟ่านเต้นแรง ชายหนุ่มจากตระกูลทัวป๋าไม่ธรรมดาจริงๆ ศิลปะต้นกำเนิดของเขาต้องยอดเยี่ยมมาก มันไม่มีทางที่คนธรรมดาจะสามารถเปิดต้นกำเนิดสวรรค์ออกมาได้
อันเหมียวอี้มีดวงตาที่เปล่งประกาย นางหัวเราะเบาๆกล่าวว่า
"การดวลระหว่างอัจฉริยะแห่งศิลปะต้นกำเนิดจะสร้างความตื่นตะลึงให้กับเมืองศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย เรื่องนี้ไม่มีทางที่เหมียวอี้จะพลาดโอกาสหาความรู้”
“ใช่ ข้าก็จะไปที่นั่นเช่นกัน นี่จะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ บางทีข้าอาจจะมีโอกาสได้เห็นพวกเจ้าค้นพบต้นกำเนิดสถานีชิ้นก็ได้!” องค์ชายเซี่ยและเจียงอี้เฟยกระตุ้นการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยความสนใจ
ชายหนุ่มที่หยิ่งผยองทัวป๋าฉางเพียงเหลือบมองเย่ฟ่านอย่างเฉยชาราวกับว่าเขาไม่ได้มองว่าเย่ฟ่านเป็นคู่ต่อสู้เลย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอันเหมียวอี้ องค์ชายเซี่ยและคนอื่นๆ เขาก็ไม่ได้แสดงออกมากเกินไป
"เราจะรอเจ้าอยู่ที่ลานพนันหินของตระกูลจี้ ศิลปะต้นกำเนิดบ้านนอกของเจ้ามีหรือจะสู้ศิลปะต้นกำเนิดของตระกูลขุนนางโบราณได้”
นี่คือคำพูดของอู๋จื่อหมิง หลี่จงเทียนก็แค่นเสียงพร้อมกับเดินติดตามอยู่ด้านหลังของทัวป๋าฉาง
"เย่น้อยถ้าเจ้าไม่สามารถเอาชนะพวกมันจนเหลือแต่กางเกงในได้ เจ้าจะไม่ใช่พี่น้องของข้าอีกต่อไป"
หลี่เหอซุยแอบส่งเสียงอย่างลับๆ ความโกรธแค้นครั้งนี้เขายากที่จะกลืนลงไปได้
หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกทางกัน
เย่ฟ่านกลับไปที่หอสมบัติอสูรสวรรค์เพื่อรับเงินจากการประมูล ยาศักดิ์สิทธิ์โบราณและผลไม้เซียนมนุษย์ไร้ผล ซึ่งในวันนี้เขาทำรายได้มากถึง 530,000 จิน
โรงประมูลคิดค่าบริการ 10 จาก 100 ส่วน ดังนั้นส่วนแบ่งของเย่ฟ่านจึงเป็นต้นกำเนิดบริสุทธิ์ 480,000 จินซึ่งกองอยู่ตรงหน้าเขาราวกับภูเขาลูกเล็กๆ
เย่ฟ่านเริ่มปวดหัวเป็นอย่างมาก ต้นกำเนิดที่อยู่ข้างหน้านี้มีมากมายเกินไป หากเขาไม่สามารถเปลี่ยนให้มันกลายเป็นต้นกำเนิดผันแปร มันไม่มีทางที่เขาจะย่อยสลายในครั้งเดียวได้
และแน่นอนที่สุดว่าการใช้ทีละนิดไม่มีทางที่จะทำให้เขาทะลวงเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วได้อย่างแน่นอน
เหยาเยว่กงชวนพวกเขาไปเลี้ยงฉลองอีกครั้ง แต่หลี่เหอซุยก็ปฏิเสธด้วยรอยยิ้มลึกลับ
“วันนี้ยังไปไม่ได้ พวกเราต้องไปเก็บขยะอีกชิ้นก่อน” หลี่เหอซุยกล่าว
“ขยะที่ไหน” เหยาเยว่กงถามด้วยรอยยิ้ม
หลี่เหอซุยกล่าวว่า “จากตระกูลขุนนางโบราณที่ขึ้นชื่อลือชาด้านการศึกษาศิลปะต้นกำเนิด เขาเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะที่น่าตกใจแม้แต่ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ก็ไม่อยู่ในสายตา เด็กน้อยคนนี้ชื่อทัวป๋าฉาง”
“ที่แท้ก็เด็กน้อยนั่น ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”
……………….
ในช่วงระยะเวลาไม่ถึงครึ่งวัน เมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ได้รู้จักอัจฉริยะต้นกำเนิดอีกคนที่มีชื่อว่าทัวป๋าฉาง
ทัวป๋าฉางลงมือเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถเปิดศิลาต้นกำเนิดจนได้รับสมบัติโบราณบางอย่างเพียงแต่เขาขายสมบัติชิ้นนั้นให้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง สมบัติโบราณชิ้นนั้นจึงไม่ถูกเปิดเผยอัตลักษณ์
เย่ฟ่านเดินอยู่บนถนน เขาได้ยินข่าวมากมายในหู ไม่คิดว่าผ่านไปเพียงครึ่งวันเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้
“พี่กู่ จริงหรือที่ท่านจะเผชิญหน้ากับทัวป๋าฉางที่ลานพนันหินของตระกูลจี้?” ทันใดนั้นก็มีใครบางคนส่งเสียงสอบถามเย่ฟ่าน
หลี่เหอซุยได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะและกล่าวว่า
"แม้ว่าพวกเราจะมีต้นกำเนิดอยู่หลายแสนจิน แต่ต้นกำเนิดทุกจินล้วนมีประโยชน์ พวกเราไม่ได้ตำหนิว่าจะมีต้นกำเนิดมากเกินไป”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้คนมากมายก็ส่งเสียงโห่ร้องและแห่ไปที่ลานพนันของตระกูลจี้พร้อมกับพวกเย่ฟ่าน
ลานพนันหินของตระกูลจี้มีขนาดใหญ่มาก มันไม่ใช่สิ่งที่ลานพนันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เต๋าจะเทียบได้
หินจำนวนมากเรียงซ้อนกันตามธรรมชาติและรูปร่างของพวกมันก็แปลกประหลาดรวมทั้งมีราคามากกว่าที่พวกเย่ฟ่านเปิดในลานพนันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เต๋า
ในตอนที่พวกเขามาถึง อัจฉริยะหนุ่มมากมายก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานพนันหินของตระกูลจี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อู๋จื่อหมิงและพวกรออยู่ที่นี่ พวกเขากลัวว่าเย่ฟ่านจะไม่กล้ามาพวกเขาจึงให้ผู้คนออกไปปล่อยข่าวเพื่อกดดันเย่ฟ่านอีกทางหนึ่ง ในขณะที่พวกเขารออยู่ที่นี่แล้ว
มีผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆและลานพนันหินตระกูลจี้ก็แออัดเกินไป หลายคนในเมืองศักดิ์สิทธิ์ได้รู้ว่าจะมีสงครามการเดิมพันศิลปะต้นกำเนิดครั้งใหญ่พวกเขาจึงแทบจะบุกเข้าสู่ลานพนันหินของตระกูลจี้ในทันที
ไม่นานหลังจากนั้นเย่ฟ่านก็มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของลานพนันหินซึ่งมีทะเลสาบสีฟ้างดงามราวกับผลึก
มีเกาะเล็กๆอยู่ตรงกลางของทะเลสาบสีฟ้าอ่อน แม้จะอยู่ค่อนข้างไกลแต่พวกเขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอันมากมายมหาศาลจากที่นั่น
เกาะเล็กๆในทะเลสาบคือสวนหินสวรรค์ของตระกูลจี้ ซึ่งมีความสวยงามราวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่ในขณะที่เย่ฟ่านกำลังชื่นชมความงดงามของทัศนียภาพอยู่นั้นก็มีเสียงความโกลาหลดังขึ้น
“พวกเจ้ามีความกล้าจริงๆ” อู๋จื่อหมิงหัวเราะเยาะ เสียงของเขาได้ยินจากที่ไกลๆและพูดอย่างประชดประชันต่อไปว่า
"วันนี้ทุกท่านจะได้ชมการต่อสู้ระหว่างศิลปะต้นกำเนิดลึกลับและศิลปะต้นกำเนิดชนบท"