113-114
5/8
Ep.113
หมื่นปีก่อนมันจะฟังดูโอเวอร์ไปหน่อยไหม? อารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดที่ได้บันทึกไว้ในประเทศจีนยังมีอายุแค่ 5,000 ปีเท่านั้นเอง
“งั้นต้องทำยังไงดี?” ฉู่เซวียนกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
เขาเป็นคนตอบตกลงให้ระบบฟิวชั่นกับเงาโลหิต และผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดย่อมไม่พ้นฉู่เซวียน แต่ขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะมองมุมไหน วิญญาณมังกรก็กำลังขาดทุนย่อยยับ
“ทำยังไงน่ะหรือ? หากเราเทพเจ้าอยู่ในสถานะวิญญาณภายนอก ไม่นานก็จะสูญสลายไป” วิญญาณมังกรกล่าว “วิธีเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือเข้าสิงเจ้า”
“ไม่เอาได้ไหม ฟังดูอันตรายจัง” ฉู่เซวียนเอ่ย
ได้ยินแบบนั้น เงาร่างของวิญญาณมังกรแข็งทื่อทันใด
มันคือวิญญาณมังกร สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ได้กลายเป็นร่างสถิตของมัน นั่นไม่ต่างจากการได้รับพรอันประเสริฐ
อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กน้อยตรงหน้า เมื่อมันเอ่ยปากขอสถิต กลับทำท่าทีขยะแขยง คล้ายไม่เต็มอกเต็มใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กัน? เป็นข้าที่เปลี่ยนไปหรือแท้จริงแล้วการมีอยู่ของเราเทพเจ้าไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอีกแล้วกันแน่?
ชั่วเวลานี้ วิญญาณมังกรคล้ายตกอยู่ในความสับสนของชีวิต
แต่เมื่อได้สติอีกครั้ง ทันใดนั้นมันรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เกือบจะเสียสติเพราะคำพูดพล่อยๆของคนเพียงคนเดียว ช่างไร้สาระซะจริง!
วิญญาณมังกรกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ผายลม! จะอันตรายได้อย่างไร หากเราเทพเจ้าสถิตในตัวเจ้า ร่างกายและพลังรบของเจ้าไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้น แต่ท่าผ่ามิติยังทรงพลังขึ้นเป็นสองเท่า”
“ร้ายกาจขนาดนั้นเชียว?”
ได้ยินคำนี้ ดวงตาของฉู่เซวียนสว่างไสวขึ้นทันใด “ว่าแต่ยังมีข้อดีอะไรอีกไหม?”
“ผายลม! หยุดพล่ามได้แล้ว เจ้ารีบปล่อยวางสติ แล้วให้เราเทพเจ้าเข้าไปเร็ว!” วิญญาณมังกรพูดด้วยความโกรธเคือง
ว่าจบ ร่างของมันก็เปลี่ยนเป็นกระแสแสง ลอยไปยังทิศทางของฉู่เซวียน
ฉู่เซวียนเห็นภาพนี้ เผลอตั้งท่าเตรียมโจมตีโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงของวิญญาณมังกรดังเข้ามาในหู ฉู่เซวียนก็ลดมือลง
โชคดีที่วิญญาณมังกรในสภาพกระแสแสงไม่คิดสร้างปัญหา มันลอยเข้าไปในแขนขวาของฉู่เซวียน เกิดอาการเสียวซ่านเล็กน้อย
บนแขนของฉู่เซวียน รอยสักรูปมังกรที่ดูมีชีวิตชีวาปรากฏขึ้น ยามก้มมองราวกับว่ามันชีวิต
“ตรวจพบการสถิตวิญญาณมังกร อยู่ระหว่างพิจารณาระดับภัยคุกคาม ...”
“พิจารณาเสร็จสิ้น ไม่มีภัยคุกคาม ยกเลิกโปรแกรมทำลาย”
“วิญญาณมังกรสถิต : เจ้าของร่างได้รับพรจากวิญญาณมังกร ค่าสเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น 3% พลังของท่าผ่ามิติเพิ่มขึ้นสองเท่า ได้รับอบิลิตี้ใหม่ : อิทธิพลมังกร”
“อิทธิพลมังกร : สร้างแรงกดดันต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวล , สิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดมังกรเอฟเฟกต์เพิ่มเป็นสองเท่า”
“เจ้าหนู เหตุใดเมื่อครู่เราเทพเจ้าถึงได้ขนลุก แต่ช่างเถอะ มันหายไปแล้ว ขอแค่อย่าให้สิ่งนั้นในตัวเจ้าสร้างปัญหาให้ข้าก็พอ เราเทพเจ้ารวบรวมพลังงานเลือดใกล้ครบตามที่ตั้งเป้าไว้แล้ว ตอนนี้เถึงเวลานอนเสียที”
เสียงของวิญญาณมังกรดังขึ้นในใจฉู่เซวียน จากนั้นก็เงียบไป
เฮ้อ วิญญาณมังกรเอ๋ย รู้รึเปล่าว่าเมื้อกี้ตัวเองพึ่งรอดจากหายนะถึงตายมาได้แบบหวุดหวิด
ฉู่เซวียนคิดในใจ พลางก้มมองรอยสักมังกรบนแขนที่เวลานี้ไม่มีรัศมีของชีวิตชีวาอีกต่อไป
ฉู่เซวียนส่ายหัว ละความสนใจจากมัน หันไปมองเบื้องหน้า
“ตอนนี้เกือบจะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ใกล้ได้เวลาเข้าเมืองตงเฉิงซักที” ฉู่เซวียนมองตงเฉิงที่อยู่ไม่ไกลออกไป พึมพำเสียงต่ำ
ครู่ต่อมา ร่างเขาพลันวูบหายไปกับลมกรรโชก ปรากฏกายขึ้นอีกทีก็พุ่งไปไกลกว่าสิบเมตรแล้ว
เมืองตงเฉิง ... นี่ก็เกือบสองเดือนแล้วที่เขาจากมา
เมื่อมาถึงเมืองที่ถูกมนุษย์ทอดทิ้งอีกครั้ง ฉู่เซวียนรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบแปลกไป
6/8
Ep.114
ถ้าเป็นตามปกติ ถนนสายนี้จะไม่มีทางว่างเปล่า อย่างน้อยก็ต้องมีซอมบี้เดินไปเดินมา
แต่ปัจจุบัน ตลอดเส้นทางเงียบสงัด ราวกับว่าฉู่เซวียนเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวในเมืองตงเฉิง
ตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศดังกล่าว ฉู่เซวียนเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นเล็กน้อย
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่? ทำไมมองไปทางไหนก็เหมือนเมืองที่ไม่มีซอมบี้อาศัยอยู่เลย?” ฉู่เซวียนกวาดมองซากปรักหักพังรอบตัวเขา อดนึกขึ้นในใจไม่ได้
เมืองตงเฉิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อมยังคงยุ่งเหยิงเหมือนเดิม
หลังจากเดินสำรวจรอบๆเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่พบใคร ฉู่เซวียนจึงตัดสินใจว่าจะลองไปตรวจสอบพื้นที่ใจกลางเมืองดู
อี้อี้เป็นซอมบี้ลอร์ด เมืองตงเฉิงคืออาณาเขตของเธอ และตึกใหญ่ใจกลางเมืองคือที่พักผ่อนของเธอ หากไม่มีเรื่องร้ายแรงใดๆเกิดขึ้น เธอก็น่าจะอยู่ที่นั่นแน่นอน
ระหว่างทาง ฉู่เซวียนไม่เจอซอมบี้แม้แต่ตัวเดียว สิ่งที่เห็นในสายตาที่มีแต่ขยะกองพะเนิน
อย่างไรก็ตาม พอมาถึงใจกลางเมือง ภาพตรงหน้าทำให้ดวงตาของฉู่เซวียนต้องเบิกกว้าง
“นี่มัน ...” ฉู่เซวียนอดอุทานขึ้นมาดังๆไม่ได้ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขา มันคือฉากที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าจุดจบของโลกใบนี้ได้มาถึงแล้ว
เบื้องหน้าไม่มีอาคารใดตั้งอยู่เลย บนพื้นเต็มไปด้วยซากปรักหักพังของเศษหินและเศษอิฐ พร้อมกับแขนขาของซอมบี้และซากแมลงกระจัดกระจายปะปนกันอยู่นับไม่ถ้วน ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาว ไม่ต่างจากนรกบนดิน
ภาพตรงหน้าทำให้ ฉู่เซวียนอดสงสัยไม่ได้ว่าซอมบี้ทั้งเมืองตงเฉิงใช่มารวมตัวกันในสถานที่แห่งนี้หรือไม่
ท่ามกลางกองซากศพนับไม่ถ้วน บางจุดจะเห็นซอมบี้ตัวขาดครึ่งกำลังคลานอย่างช้าๆ ช่วงล่างของมันหายไป อวัยวะข้างในตัวที่น่าจะเน่ามานานแล้ว และเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำหลุดออกมา ดูน่าเกลียดน่ากลัวมาก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” สีหน้าของฉู่เซวียนหมองลงเล็กน้อย
จากซากศพแมลงเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเดาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่าเมืองตงเฉิงรคงถูกฝูงแมลงจากเผ่าเซิร์กโจมตี และอี้อี้เป็นคนนำกองกำลังฝ่ายซอมบี้เข้าต่อสู้อย่างดุเดือด
โดยไม่ต้องพูดถึงผลลัพธ์ของสงคราม แต่สมมติฐานจากใจกลางเมืองที่ถูกทำลายย่อยยับเช่นนี้ คิดว่าคงเสียหายหนักทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน
ในวันนั้น ตอนที่ฉู่เซวียนต่อสู้กับพวกผู้ใช้พลังที่รุกรานเมืองตงเฉิง ความเสียหายที่เขาทำ ยังไม่ถึงครึ่งของสภาพปัจจุบัน จุดนี้สามารถบอกได้ว่าศัตรูของอี้อี้น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับเธอ
“ขออย่าให้เกิดอะไรไม่ดีขึ้นเลย” ฉู่เซวียนภาวนาในใจ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฉู่เซวียนจะทันได้คิดเรื่องอื่น ทันใดนั้นพลันมีเสียงหึ่ง หึ่ง ดังมาจากปลายขอบฟ้า ท้องฟ้าจากทิศทางนั้นค่อยๆมืดลง
ฉู่เซวียนมองไปยังทิศทางของเสียง และพบว่ามีกลุ่มเมฆดำก้อนใหญ่กำลังลอยเข้ามาทางเมืองตงเฉิงอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ่งที่เรียกว่า ‘เมฆดำ’ เข้ามาใกล้ ม่านตาของฉู่เซวียนหดลีบลงทันที
เพราะข้างในเมฆดำ เห็นได้ชัดว่าเป็นแมลงหลายสิบล้านตัวที่กำลังบินมา!
และเสียงหึ่ง หึ่ง ในตอนแรกนั่นก็คือเสียงปีกของพวกมัน!
“คลื่นกองทัพแมลง!”
เห็นภาพตรงหน้า ปากของฉู่เซวียนค่อยๆเปล่งคำนี้ออกมา
ฉู่เซวียนจดจำได้อย่างชัดเจน ว่าในภาพยนต์และนวนิยายที่เขาเคยดูหรืออ่าน พวกแมลงมักใช้จำนวนที่มากกว่าอย่างมหาศาลเข่นฆ่าศัตรู จนสุดท้ายได้รับมาซึ่งชัยชนะ
แต่วินาทีถัดมา เมื่อสายตาของฉู่เซวียนเห็นร่างของคนๆหนึ่งในระยะไกลออกไป สีหน้าของเขาก็ดูเปี่ยมไปด้วยความสุขทันที
เห็นแค่เพียงร่างซอมบี้ตัวน้อยลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า จะเป็นใครอื่นไปได้อีกหากไม่ใช่อี้อี้ที่ไม่ได้เจอกันนาน
รอบตัวเธอ นอกจากมีซอมบี้ระดับสูงหลายสิบตัวแล้ว หนึ่งในนั้นก็มีมู่อ้าวซวงเช่นกัน