109-110
1/8
Ep.109
“ฉันว่ากองทัพหนูนี่มันแปลกๆอยู่นะ” เฉียวหลวนคล้ายนึกอะไรออก เอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“มันก็แปลกจริงๆนั่นแหละ เพราะตามปกติแล้ว ที่นี่ไม่น่ามีพวกกองทัพหนู” หยางเจิ้นพยักหน้าเห็นด้วย
“ทำไมพวกคุณถึงคิดแบบนั้น?” ฉู่เซวียนพอได้ฟังก็เอ่ยถาม
เฉียวหลวนหยิบแผนที่ขึ้นมา กางออกแล้วชี้ลง “ดูนี่สิ ตอนนี้ตำแหน่งของพวกเราออกมาไกลจากฐานเทียนหัวแล้ว ส่วนเมืองที่ใกล้ที่สุดคือเมืองตงเฉิง และในตงเฉิงมีซอมบี้ลอร์ดอาศัยอยู่”
“ซึ่งตามปกติแล้ว ซอมบี้กับสัตว์กลายพันธุ์มักไม่ถูกกัน ความเป็นปรปักษ์ระหว่างทั้งคู่ร้ายแรงยิ่งกว่ามนุษย์ซะอีก ฉะนั้นภายใต้สถานการณ์ปกติ ไม่น่ามีกองทัพหนูหรือคลื่นสัตว์กลายพันธุ์อยู่แถวๆนี้”
ได้ยินคำอธิบายนี้ สีหน้าของฉู่เซวียนแปรเปลี่ยนไปทันที หากเป็นอย่างที่เฉียวหลวนพูด งั้นก็มีโอกาสสูงว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นในเมืองตงเฉิง
ถึงจุดนี้ ฉู่เซวียนอดนึกถึงมู่อ้าวซวงกับอี้อี้ขึ้นมาไม่ได้
หากวันนั้นเขาไม่เจอซอมบี้ทั้งสอง ฉู่เซวียนคงไม่มีทางแข็งแกร่งได้แบบทุกวันนี้
ฉู่เซวียนยังจำได้ดี ตอนที่เขาออกจากเมืองตงเฉิง อาการบาดเจ็บของอี้อี้ยังไม่หายดี แล้วอีกอย่าง ศัตรูของอี้อี้ในตอนนั้นเขาก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
เหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นนี้ อาจเป็นไปได้ว่าพวกอี้อี้กำลังตกอยู่ในอันตราย
“ขอถามอะไรหน่อยสิหัวหน้าเฉียว เมื่อเร็วๆนี้ฐานเทียนหัวของพวกเราได้บุกโจมตีซอมบี้เมืองตงเฉิงรึเปล่า?” ฉู่เซวียนนึกอะไรบางอย่างออก เอ่ยปากถาม
“บุกโจมตีเมืองตงเฉิง?” เฉียวหลวนขมวดคิ้ว พยายามย้อนคิดพักหนึ่ง ก่อนส่ายหัว กล่าวด้วยความมั่นใจ “เมืองตงเฉิงมีซอมบี้ลอร์ดอยู่ ถ้าอยากบุกโจมตีมัน อย่างน้อยต้องมีเทพสงครามกับผู้ใช้พลังเลเวล 5 ร่วมปฏิบัติการเป็นจำนวนมาก แต่เท่าที่ฉันรู้ ช่วงที่ผ่านมาดูเหมือนพวกระดับสูงของเมืองจะไม่ได้ออกไปทำภารกิจใหญ่ที่ไหน”
ได้ยินแบบนั้น ฉู่เซวียนพยักหน้าว่าเข้าใจ
ตามที่เฉียวหลวนพูด ดูเหมือนว่าผู้ใช้พลังระดับสูงที่บุกโจมตีเมืองตงเฉิงในวันนั้นจะไม่ใช่คนจากฐานเทียนหัว
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเรื่องที่ผู้ใช้พลังถ่อมาซะไกลเพื่อบุกเมืองตงเฉิงก็เป็นความจริง และนั่นหมายความว่าพวกเรารู้เรื่องอาการบาดเจ็บของอี้อี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เฉียวหลวนไม่ได่สังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่เซวียน เขาขมวดคิ้ว ไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าข่าวที่ฉันได้รับมาจะเป็นเรื่องจริง”
“ข่าวอะไร?” ฉู่เซวียนเริ่มเกิดอาการว้าวุ่นในใจเขา รีบเอ่ยถาม
“สหายฉู่ นี่นายไม่รู้เรื่องเลยหรอ?” ได้ยินแบบนั้น หยางเจิ้นแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“เรื่องอะไรหรอ?” ฉู่เซวียนพอได้ฟังก็โพล่งถามขึ้นทันที แต่จากการที่ทุกคนเอ่ยถามเขาแบบนี้ แสดงว่ามันต้องเป็นข่าวไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ได้ยินคำตอบนี้ สีหน้าของทั้งสามแปรเปลี่ยนไป อันหยุนหลานที่อยู่ไม่ไกลกลอกตาทำท่าทางประมาณว่ามัวแต่พูดอยู่นั่น ทำไมไม่เล่าซักที เอ่ยปากว่า “ฉันจะเล่าให้ฟังเอง” เธอกระแอมสองครั้งแล้วกล่าว
“เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าเมืองตงเฉิงจะเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ ซอมบี้เกือบทั้งหมดเกิดการจลาจล”
“วิกฤตอะไร?” ได้ยินแบบนั้น หัวใจของฉู่เซวียนเต้นแรง รีบถามทันที
อันหยุนหลานชำเลืองมองฉู่เซวียน เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ฉันว่าท่านเทพมรณะน่าจะรู้อยู่แล้วว่าระยะห่างระหว่างฐานเทียนหัวกับเมืองตงเฉิงอยู่ไกลกัน แต่ข่าวนี้ได้มาจากนักเดินทางคนหนึ่งที่ผ่านเส้นทางนี้พอดี”
“ในตอนนั้นเขาอยู่ระหว่างเดินทางกลับฐานเทียนหัว แต่ระหว่างทาง เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล และความผันผวนอย่างรุนแรงของพลังงานมาจากทิศทางเมืองตงเฉิง แต่เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ สุดท้ายเลยรีบกลับฐานแล้วบอกข้อมูลนี้กับทุกคน”
2/8
Ep.110
ฉู่เซวียนพอได้ยินก็ขมวดคิ้ว จากคำอธิบายของอันหยุนหลาน เขาพอเดาได้แล้ว ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของเมืองตงเฉิงน่าจะย่ำแย่มาก
“ข่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?” ฉู่เซวียนยังคงถามต่อ
อันหยุนหลานคิดพักหนึ่งแล้วตอบว่า “อืม ... น่าจะผ่านมาเกือบอาทิตย์นึงแล้ว”
หนึ่งอาทิตย์? ถ้ารวมกับเวลาที่นักเดินทางคนนั้นมาถึงฐานเทียนหัว อย่างน้อยความโกลาหลในเมืองตงเฉิงก็ผ่านมาสิบวันแล้วน่ะสิ!
หลังจากตัดสินใจซักพัก ฉู่เซวียนเงยหน้าขึ้น กล่าวกับสมาชิกทีมด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ “เมืองตงเฉิงไปทางไหน”
“ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพวกเรา ห่างจากภูเขาหมางซาน จุดหมายของพวกเราไม่ไกลนัก” เฉียวหลวนก้มดูแผนที่ในมือ แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมฉู่เซวียนถึงเอ่ยถามแบบนี้ แต่ก็บอกออกไป
“งั้นแสดงว่ามันไม่น่าจะอยู่ห่างกันมากใช่ไหม?” ฉู่เซวียนเอ่ยถาม
“ใช่” เฉียวหลวนพยักหน้า
“จุดที่พวกเราอยู่ตอนนี้ก็ไม่ไกลจากเมืองตงเฉิง ถ้าไม่พบอุปสรรคอะไรระหว่างทาง ใช้เวลาสองสามชั่วโมงก็น่าจะถึง”
ฉู่เซวียนพยักหน้า แล้วพูดว่า “หัวหน้าเฉียว คุณนำไปก่อนเถอะ ผมอยากแวะไปดูเมืองตงเฉิงซักหน่อย”
สมาชิกทีมพอได้ยินคำนี้ พวกเขามอง ฉู่เซวียนด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าตัวจึงตัดสินใจเช่นนี้
“สหายฉู่ ทำไมนายถึงอยากไปที่นั่น?” เฉียวหลวนไม่เข้าใจ
“นั่นสิสหายฉู่ ตอนนี้เมืองตงเฉิงไม่ได้มีแค่ซอมบี้เท่านั้น แต่ยังอันตรายมาก แล้วนายจะไปที่นั่นทำไม?” หยางเจิ้นอดพูดขึ้นมาไม่ได้
“นี่ น้องชาย นายจะไปเมืองตงเฉิงจริงๆน่ะหรอ?” อันหยุนหลานมองฉู่เซวียนอย่างไม่เข้าใจ เอ่ยถามเสียงดัง
เจิ้งสุ่ยยังคงเงียบเช่นเคย แต่สายตาที่มองมายังฉู่เซวียน มันแสดงถึงความกังวลและเป็นห่วงเล็กน้อย
ฟังจากน้ำเสียงและท่าทีของคนในทีม หัวใจของฉู่เซวียนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “ผมตัดสินใจแล้ว ว่าจะไปที่เมืองตงเฉิง แต่พวกคุณวางใจได้ ด้วยพลังรบที่มี ต่อให้เจอซอมบี้ลอร์ดในเมือง ผมมั่นใจว่ายังพอวิ่งหนีได้”
‘อีกอย่างซอมบี้ลอร์ดที่นั่น ฉันก็รู้จักเธอ’ ฉู่เซวียนคิดในใจ
ได้ยินแบบนั้น คนอื่นๆอดย้อนคิดถึงฉากที่ฉู่เซวียนสังหารราชาหนูในกระบวนท่าเดียวขึ้นมาไม่ได้ ความกังวลในตอนแรกค่อยๆสลายไป
ด้วยพลังรบที่มี ต่อให้ฉู่เซวียนพบเจอเรื่องไม่คาดฝัน แต่ก็ไม่น่าตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต
อีกอย่างมองไปยังท่าทีที่ดูมุ่งมั่นของฉู่เซวียน พวกเขาก็พอทราบได้ว่าไม่อาจโน้มน้าวใจอีกฝ่ายอีกต่อไป
เฉียวหลวนลองคิดทบทวนดู แล้วกล่าวว่า “ตกลง สหายฉู่ ในเมื่อนายตัดสินใจแล้ว พวกเราก็ไม่คิดรั้งนายอีก ... นายน่าจะรู้ตำแหน่งของภูเขาหมางซานแล้วใช่ไหม? จัดการธุระเสร็จก็มาหาพวกเราที่นั่นได้เลย”
ฉู่เซวียนพยักหน้า “ตกลง ผมเข้าใจแล้ว”
ว่าจบ ฉู่เซวียนก็ออกเดินทางทันที ระเบิดความว่องไวออกมา
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ร่างเขาก็หายลับสายตา
เฝ้ามองจนกระทั่งแผ่นหลังของฉู่เซวียนหายเข้าไปในป่าทึบ หลายคนยังคงเงียบ
จนผ่านมาซักพัก ในที่สุด หยางเจิ้นก็ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบนี้ เอ่ยด้วยความงงงวย “หัวหน้าเฉียว สหายฉู่จะไปเมืองตงเฉิงทำไม? ฉันเห็นสีหน้าเขาดูไม่ดีมากหลังจากได้ยินข่าว”
“โห? คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเหล่าหยางจะรู้จักสังเกตคนอื่นเป็นกับเขาด้วย” อันหยุนหลานยิ้ม แสร้งทำเป็นประหลาดใจ
“อันหยุนหลาน เธอช่วยหยุดล้อเลียนฉันได้ไหม สหายฉู่พึ่งช่วยชีวิตพวกเราไว้ ฉันก็ต้องเป็นห่วงเขาอยู่แล้ว” หยางเจิ้นเอ่ยขึ้น