เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 25 : การถอดหมั้น!
ตอนที่ 25 : การถอดหมั้น!
ตามจริงแล้ว ระหว่างตระกูลซวนและเซียวแล้วนั้น นับว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ ด้วยความสามารถที่แตกต่างกันนี้ เมื่อมีการปรากฏตัวของหลินเปารวมอยู่ด้วย นับได้ว่าเป็นการรังแกสกุลเซียวอย่างหนึ่งได้เช่นกัน
ในอดีต สกุลเซียวอาจจะรุ่งเรืองและกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี แต่บัดนี้ ตระกูลเซียวไม่หลงเหลือผู้อาวุโสสักคนเดียวในตระกูลอีกต่อไป นี่นับเป็นเหตุผลหนึ่งที่ตาแก่เปากล้าให้ซวนชูและซวนหยานหรานพาหลินซวนตัวน้อยไปพร้อมกันด้วยนั่นเอง
ประการแรก เพื่อให้หลินซวนได้ผ่อนคลายเสียบ้าง แม้สกุลหลินจะใหญ่เพียงใด แต่การได้ออกมาชมนกชมไม้ภายนอกเสียบ้างย่อมต้องดีกว่าอย่างแน่นอน
ประการที่สอง หากมีบางอย่างเกิดขึ้น ด้วยระดับการบ่มเพาะของตาเฒ่าเปาและของวิเศษอีกสิบอย่างที่เขานำมาด้วยนั้น กล่าวได้ว่าทั่วทั้งอาณาจักรฉีซานนี้ย่อมไม่มีสิ่งใดจะกล้ำกรายเขาได้อย่างแน่นอน
ด้านหลินซวน เขาไม่ได้สนใจมากนักว่าภายนอกเกิดอะไรขึ้น เขาเพียงนอนอย่างสงบเท่านั้น
อีกแง่หนึ่ง การจะไปยังตระกูลเซียวเพื่อยกเลิกการหมั้นก็นับว่าทำให้เขาไร้คำจะเอ่ยอยู่บ้างเช่นกัน หากกล่าวตามตรง นี่มันช่างคล้ายคลึงกับนิยายที่เขาเคยอ่านมาก่อนหน้านี้เสียจริง...
....
เมืองที่ตั้งของตระกูลเซียวนั้นนับว่าอยู่ไม่ไกลจากต้าหยานเท่าไหร่นัก หลินเปาจึงนำเอานาวาล่องอากาศออกมาจากแขนเสื้อเพื่อให้ทั้งสามคนได้ใช้เดินทาง
เพียงไม่กี่ชั่วยามถัดมา พวกเขาก็มาถึงเมืองที่สกุลเซียวอาศัยอยู่ เมืองอู๋ตัน
เมืองอู๋ตันนั้นตั้งอยู่บริเวณชายแดนของอาณาจักรฉีซานแห่งนี้ และอยู่ใกล้กับเขตเทือกเขารกร้างเก่าแก่ยิ่งนัก ด้วยเหตุผลทางภูมิศาสตร์หลายอย่าง อู๋ตันนับว่าเป็นเมืองใหญ่ไม่กี่แห่งของอาณาจักรฉีซาน
นาวาล่องอากาศลำนั้นหยุดอยู่เหนือเมืองอู๋ตัน และซวนชูก็ก้าวลงมาจากบนฟ้า ส่วนซวนหยานหรานก็ค่อยๆร่อนลงมาบนพื้นพร้อมหลินซวนในอ้อมแขน ด้านหลังเป็นหลินเปาที่ยืนอยู่ราวกับองครักษ์ ถึงแม้พวกเขาจะมาที่นี่เพื่อถอนหมั้นก็ตาม แต่ก็สมควรจะแสดงความน่าเกรงขามเพื่อข่มขวัญอีกฝ่ายบ้างเล็กน้อย
นาวาล่องอากาศขนาดใหญ่ลำนี้ดึงดูดความสนใจของตระกูลเซียวเช่นกัน เมื่อเห็นคนสามคนที่เดินลงมาจากมัน เหล่าผู้บ่มเพาะของสกุลเซียวก็รีบกุลีกุจอมาพบพวกเขาในทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณรอบตัวของหลินเปาและซวนชู ศิษย์ตระกูลเซียวทั้งหลายก็ต้อนรับพวกเขาอย่างเต็มไปด้วยความเคารพนบนอบ
ซวนชูยิ้มและกล่าวออกมา “รีบไปแจ้งผู้นำพวกเจ้าเสียว่าข้า ซวนชูแห่งตระกูลซวน และท่านหลินเปาแห่งสกุลหลินแวะมาเยี่ยมเยียนตระกูลเซียวแห่งนี้”
“ตระกูลหลิน ตระกูลซวน....อาวุโสทั้งสองรีบเข้าเมืองมาเถิดขอรับ ข้าจะรีบไปรายงานท่านผู้นำทันที” ศิษย์แซ่เซียวผู้หนึ่งกล่าวขึ้นและเชื้อเชิญทั้งสามเข้าสู่เมือง
ในเวลานี้ ผู้นำตระกูลเซียว เซียวจ้าน กำลังทำข้อตกลงบางอย่างที่สำคัญกับตระกูลตนเองอูยู่ แล้วเขาก็ได้รับรายงานถึงการมาเยือนของแขกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง ทำเอาเขาอดรู้สึกตกใจขึ้นมามิได้
“ผู้อาวุโสลำดับสามของตระกูลซวนมาพร้อมกับท่านหลินเปา?”
“ท่านอาวุโสเปาแห่งสกุลหลินผู้นั้นถึงกับมาที่นี่ด้วยตนเอง?”
“เร็ว รีบไปต้อนรับพวกเขาเร็วเข้า!” เซียวจ้านเอ่ยออกมาอย่างเร่งร้อน อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาเชิญแขกทั้งหลายเข้ามา เขาก็อดจะสับสนในใจมิได้
เหตุใดตระกูลหลินและตระกูลซวนจึงมาหาพวกเขา? ควรต้องรู้ก่อนว่าหลินเปาที่เป็นผู้อาวุโสของสกุลหลินนั้นมิได้ปรากฏตัวออกมาภายนอกนานกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว! เขามาทำอะไรถึงที่นี่กัน?
เขาได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก่อน สมาชิกสกุลหลินผู้หนึ่งได้รับคำสาปบางประการเข้า ผู้อาวุโสแซ่หลินหลายคนจึงร่วมกันเร่งออกตามหาหนทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน หรือเขาจะมาที่นี่เพื่อสอบถามถึงโอสถแก้คำสาป?
จะกล่าวโทษเซียวจ้านก็ไม่ได้ที่นึกคิดเช่นนั้น อย่างไรเสีย พวกเขาก็นับได้ว่าอยู่ใกล้กับเขตเทือกเขารกร้างโบราณที่มีสมบัติล้ำค่ามากมายแอบซ่อนอยู่
ไม่นานหลังจากนั้น เหล่าผู้คนของตระกูลเซียวก็มารวมตัวกันในห้องโถงเพื่อต้อนรับแขกแซ่ซวนและหลิน
ครู่ถัดมา เงาร่างของแขกทั้งสามก็เดินเข้ามาในจวนของเซียวจ้าน เขายิ้มและกล่าวทักทายผู้มีเกียรติทั้งสองอย่างสุภาพ
“ฮ่า ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลเซียวของข้า ท่านอาวุโสหลินเปา ท่านอาวุโสอันดับสามสกุลซวน!”
เซียวจ้านที่แม้จะหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่บนใบหน้าเขาจะพบได้ว่ากำลังขมวดคิ้วน้อยๆอยู่ เด็กหญิงตัวน้อยที่ติดตามมาด้วยนั้นดูคุ้นเคยชอบกล?
ยิ่งกว่านั้น นางอุ้มทารกคนหนึ่งมาด้วย? นี่มันอะไรกัน?
อันที่จริง ไม่ใช่เพียงเซียวจ้านเท่านั้น แต่เหล่าชนชั้นนำของตระกูลเซียวก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัยเช่นกัน พวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าแขกทั้งคู่มาที่ด้วยกันเนื่องจากเหตุผลอันใด? โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นเด็กสาวคนหนึ่งอุ้มทารกน้อยมาด้วยแล้วนั้น ยิ่งทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ผู้นำตระกูลเซียวทำได้เพียงปล่อยวางความสงสัยในใจลง และยิ้มต้อนรับ เชื้อเชิญให้เหล่าแขกนั่งลงเสียก่อน
“เชิญนั่งก่อนเถิด”
ผู้มาเยือนทั้งสามพยักหน้าเล็กน้อยและนั่งลงอย่างช้าๆ สาวใช้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อรินชาให้พวกเขาด้วยความอ่อนน้อม
“ฮ่าๆ อาวุโสหลินเปา ท่านช่างมาได้ถูกเวลายิ่งนัก ฤดูนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวของชาแห่งเต๋าจากบนเทือกเขารกร้างพอดี เชิญท่านจิบชิมดูเถิดขอรับ นี่เป็นชาชั้นดีที่เราเพิ่งทำการเก็บมา!” เซียวจ้านแย้มยิ้มให้ตาแก่เปาระหว่างเอ่ยออกมา
หลินเปาพยักหน้า ยกจอกชาขึ้นดมกลิ่นก่อนจะจิบเข้าไปหนึ่งอึก มือของเซียวจ้านที่กำลังถือจอกชาอยู่อดจะสั่นเล็กน้อยมิได้ ท่านอาวุโสหลินผู้นี้ มิใช่ว่าดูละเลยสถานการณ์รอบข้างไปหน่อยหรือ? เพียงจิบชาคำเดียวแล้วก็นิ่งเงียบไปเท่านั้น
เซียวจ้านอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แต่ไหนเลยเขาจะกล้าแสดงความรู้สึกกัน? ทำได้เพียงหัวเราะเจื่อนๆแล้วเอ่ยต่อ
“อาวุโสท่านช่างมองการไกลยิ่งนัก”
ก่อนจะจิบชาอีกหนึ่งคำ
“ข้าขอเสียมารยาทถามได้หรือไม่? ท่านหลินเปามาที่วันนี้ด้วยสาเหตุใดหรือขอรับ? ข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ตระกูลหลินพบเจอคำสาปบางประการ สกุลเซียวของข้ามีโอสถถอนคำสาปอยู่เล็กน้อย หากท่านต้องการ....”
หลินเปาโบกมือปฏิเสธก่อนเอ่ยตอบ “ขอบใจสำหรับความหวังดีของเจ้าผู้นำสกุลเซียว แต่อันที่จริงแล้ว คำสาปนั้นได้ถูกลบล้างไปก่อนหน้านี้เรียบร้อย ข้าเพียงมาที่นี่เพื่อเดินเล่นเท่านั้น”
‘เดินเล่น?’ เซียวจ้านนิ่งค้างไป เขารู้สึกหมดคำจะเอ่ยเพราะประโยคของหลินเปาก่อนหน้านี้ นี่เขามาไกลถึงเพียงนี้เพื่อเดินเล่นเท่านั้น? นี่มันคำพูดบัดซบไร้สาระอันใด? สกุลเซียวใช่สถานที่ในการมาเดินทอดน่องเช่นนั้นหรือ? ตระกูลหลินคิดว่าตนไร้เทียมทานถึงเพียงใดกัน?
ความโกรธปะทุขึ้นในหัวใจของเซียวจ้าน แต่เขาก็ทำได้เพียงกลืนมันลงคอไปเท่านั้น เขาพยายามจะยิ้มและกล่าวกับหลินเปาอีกสักสองสามคำ แต่ก่อนจะได้พูดอะไร ซวนชูที่นั่งอยู่ด้านข้างหลินเปาก็กะแอมออกมาเบาๆเสียก่อน
นางยืดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนยิ้มให้เซียวจ้านและพูดขึ้น
“ผู้นำเซียว ครานี้ ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องของตระกูลหลิน แต่สกุลซวนเรามีคำขอบางประการมาบอกกล่าวแก่พวกท่าน!”
เซียวจ้านนิ่งไป ความคิดนับล้านหมุนวนในหัวของเขา แต่ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆออกมา
“ฮ่าๆ ท่านอาวุโสลำดับสาม หากต้องการสิ่งใดเพียงแค่กล่าวออกมา หากตระกูลเซียวของข้าสามารถทำได้ ข้ารับปากได้ว่าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”
“ผู้นำเซียว ท่านรู้จักนางหรือไม่?” ซวนชูยิ้มออกมาก่อนจะชี้ไปยังเด็กสาวที่มาด้วยกัน
“เอ่อ.. ดรุณีน้อยผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดา ด้วยอายุที่ยังอ่อนเยาว์เช่นนี้ นับว่าต้องมีชื่อเสียงไม่น้อยในอาณาเขตเหนือครามอย่างแน่นอน แต่ว่า.....” เซียวจ้านกล่าวออกมาอย่างกระอักกระอ่วน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถจดจำนางได้
ย้อนหลับไปก่อนหน้านี้ ตอนที่บุตรชายของเขา เซียวซุ่ยหมั้นหมายกับตระกูลซวน เวลาก็ผ่านมาถึงสิบปีแล้ว นับเป็นเวลายาวนานจากครั้งสุดท้ายที่ได้พบเจอกัน เซียวจ้านย่อมต้องไม่สามารถจดจำเด็กสาวที่กำลังอุ้มทารกอยู่ด้านหน้าเขาตอนนี้ได้อย่างแน่นอนว่านางเป็นคู่หมั้นของลูกชายเขา
เมื่อซวนหยานหรานได้ยินประโยคนี้ นางจึงลุกขึ้นแล้วทำการคารวะเซียวจ้านพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส
“คารวะท่านลุงเซียว ข้า ซวนหยานหราน ยินดียิ่งที่ได้พบท่านในวันนี้”