ตอนที่แล้ว49 - ไม่มีที่ไหนดีเหมือนที่บ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป51 - อามิตตาพุทธ

50 - เพื่อนทางจดหมายของผู้ป่วยทางจิต


กำลังโหลดไฟล์

50 - เพื่อนทางจดหมายของผู้ป่วยทางจิต

5 มีนาคม!

แดดจัด!

คืนแรกที่กลับมายังโรงพยาบาลจิตเวชชิงซานพวกเขานอนหลับสบายมาก ความรู้สึกได้กลับบ้านทำให้พวกเขาผ่อนคลายและหลับสนิทตลอดทั้งคืน

สิ่งแรกที่หลินฟ่านและผู้เฒ่าจางทำเมื่อตื่นขึ้นมาคือการนั่งบนเตียงด้วยความงง

พวกเขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรในวันนี้ หลังจากนั่งอยู่นานผู้เฒ่าจางเปิดลิ้นชักหัวเตียงและหยิบเอานมถั่วเหลืองมามอบให้หลินฟ่าน

"ยังอร่อยเหมือนเดิม" ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยรอยยิ้มที่สดใส

สไปรท์และโค้กเป็นงานอดิเรกของพวกเขา ไม่มีใครสามารถกีดกันงานอดิเรกของพวกเขาได้

แสงแดดส่องมาบนใบหน้าของพวกเขา และ วอร์ด 666 ซึ่งทุกคนหลีกเลี่ยงก็อบอุ่นและสดใส

ในตอนนั้นพยาบาลคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ตรงทางเดิน เขาทั้งหมดมองไปที่ วอร์ด 666 ด้วยความกลัวเล็กน้อย นี่เป็นห้องที่น่ากลัวที่สุดในโรงพยาบาลจิตเวชชิงซาน

ผู้ป่วยทั้งสองที่อาศัยอยู่ในนั้นไม่มีอันตราย แต่พฤติกรรมของพวกเขาทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว

เพื่อนร่วมงานของเขาหลี่อั้งยังอยู่ที่โรงพยาบาลกลาง แม้ว่าเขาจะหายดีแล้วแต่เขาก็ยังไม่อยากกลับมาทำงาน เขาจึงขอลาพักอีกสักหน่อย

ในขั้นต้นหมอและพยาบาลที่นี่คิดว่าหลี่อังจะลาออก แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นคือหลี่อั้งไม่เพียงไม่ลาออกเท่านั้น เขายังร้องขอที่จะดูแลผู้ป่วยทั้งสองด้วยตัวเองอีกด้วย

ความกล้าหาญนี้ทำให้ทุกคนในโรงพยาบาลชื่นชมเป็นอย่างมาก

“เสี่ยวเฉิน นี่คือจดหมายของวอร์ด 666 คุณไปส่งให้พวกเขาหน่อย” รปภ.กล่าว.

“ทำไมคุณไม่ไปส่งเอง” เสี่ยวเฉินมีสีหน้างุนงง

“ผมมีหน้าที่ส่งจดหมายที่หน้าประตูเท่านั้น การเข้าไปส่งด้านในคือหน้าที่ของมืออาชีพอย่างพวกคุณ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่งจดหมายให้เสี่ยวเฉินและเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลมา 2-3 ปีแล้ว

ในตอนที่เป็นหนุ่มเขาไม่ได้ตั้งใจเรียนเท่าไหร่จึงจบเพียงแค่มัธยมปลาย

ตอนนั้นเขาคิดว่าเขาเป็นคนที่มีวาทศิลป์ดี ต่อให้ไม่ได้เรียนหนังสือเขาก็สามารถทำเงินได้เป็นสิบล้านโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อเขาเข้าสู่สังคมผู้ใหญ่เขาก็รู้ว่าความคิดของเขานั้นไร้เดียงสามากแค่ไหน แม้แต่การสมัครงานในโรงพยาบาลจิตเวชก็ต้องมีวุฒิปริญญาตรี

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง โชคดีที่ครอบครัวของเขายังพอมีเส้นสายอยู่บ้าง เขามีโอกาสได้ทำงานโรงพยาบาลจิตเวชชิงซานที่ขึ้นชื่อลือชาว่าให้เงินเดือนสูงลิบลิ่ว

ที่นี่เขาได้รับเงิน 2000 หยวนต่อเดือนแม้ว่าจะถูกหักประกันสังคมแล้วก็ตาม เงินจำนวนนี้มันเพียงพอที่จะให้เขาสร้างครอบครัวกับผู้หญิงดีๆสักคน

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเหตุไฉนเขาจึงไม่เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงในวอร์ด 666

พยาบาลเสี่ยวเฉินมาที่ห้องผู้ป่วยและเคาะประตูเบา ๆ

“ผมเข้าไปได้ไหม”

ผู้ป่วยทางจิตคนอื่นๆไม่มีกฎเกณฑ์ แต่หมอและพยาบาลรู้ดีว่าผู้ป่วยในวอร์ด 666 นั้นไม่เหมือนคนอื่น

ในช่วงเวลาปกติพวกเขาแทบจะไม่แตกต่างจากคนธรรมดาด้วยซ้ำ และการกระทำใดที่เป็นการไม่ให้เกียรติพวกเขา มันจะทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ

หลังจากได้รับความยินยอม เขาก็เปิดประตูและเดินเข้าไปข้างในด้วยความระมัดระวัง

เขารักษาระยะห่างจากผู้ป่วย วางจดหมายไว้บนเตียง แล้วพูดเบาๆว่า

"หลินฟ่านมีจดหมายมาถึงคุณ"

พูดจบเขาก็รีบเดินออกไปทันที

หลินฟ่านรีบดื่มนมถั่วเหลืองคำสุดท้ายพร้อมกับหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านด้วยรอยยิ้ม

"เธอเขียนมาอีกแล้วเหรอ"

ผู้เฒ่าจางถาม เขารู้ว่ามันเป็นจดหมายของใคร แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าผู้ป่วยทางจิตจะมีเพื่อนทางจดหมาย

“ไม่ใช่เธอ แต่เป็นภรรยาของผม” หลินฟ่านกล่าว

ข้างในจดหมายมีกระดาษสีชมพูเขียนตัวอักษรเล็กๆอยู่ คำพูดนั้นละเอียดอ่อนมาก มองแค่แว๊บเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวหนังสือของหญิงสาว

แม้ว่าพวกเขาจะป่วยทางจิตแต่ครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยเป็นคนธรรมดา ความรู้ที่พวกเขาได้เรียนนั้นยังคงอยู่ในสมอง และพวกเขาสามารถอ่านหนังสือได้ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป

เนื้อหามีดังนี้:

[สวัสดีหมอหลิน

นับตั้งแต่ได้รับจดหมายของคุณ ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันดูเหมือนจะเปิดประตูสู่โลกใหม่ ลักษณะงานของคุณทำให้ฉันมีความอยากรู้อยากเห็น

ครั้งหนึ่งฉันเคยรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์บางอย่างภายในโรงพยาบาลจิตเวช แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องเท็จ คุณบอกฉันว่ามีคนมาปล้นคุณ และฉันรู้ว่าคุณเผชิญหน้ากับอันตรายในระหว่างที่ดูแลผู้ป่วยทางจิตทุกวัน

แม้จะเป็นอย่างนั้นคุณก็ยังมีความอดทนในการดูแลผู้ป่วยทางจิตโดยไม่คิดจะทิ้งพวกเขาไปกลางคัน คุณช่างเป็นคนดีจริงๆ

ครั้งที่แล้วคุณไม่ได้ทิ้งคำพูดไว้ในจดหมาย แต่ส่งเพียงใบไม้สีเขียวมาให้ฉัน ฉันรู้เจตนาของหมอลิน คุณต้องการที่จะกลายเป็นใบไม้สีเขียวท่ามกลางต้นไม้สูงตระหง่านและปกป้องผู้ป่วยทางจิตที่น่าสงสารเหล่านี้

สายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงนั้นสดใส พระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วงก็สดใส แม้แต่ใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงก็ยังสดใสเช่นกัน ฉันรอคอยที่จะมีโอกาสได้พบคุณสักครั้งหวังว่าคุณจะหาเวลาว่างได้ 】

การแสดงออกของหลินฟ่านและผู้เฒ่าจางนั้นจริงจังมาก ไม่ใช่เพราะเหตุการณ์สำคัญในเนื้อหาของจดหมาย แต่เพราะพวกเขาไม่เข้าใจความหมายของสิ่งเหล่านี้

“เธอหมายความว่ายังไง”หลินฟ่านถาม

ผู้เฒ่าจางเกาศีรษะ “ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมเราไม่ลองถามศาสตราจารย์ซิงคงล่ะ”

"ตกลง."

พวกเขาออกจากวอร์ดและไปที่ห้องของศาสตราจารย์ซิงคงผู้ป่วยจิตเวชที่มุ่งมั่นในการศึกษาระบบจักรวาล

"ผมไม่เข้าใจ คุณรู้หรือเปล่าว่าเธอเขียนว่ายังไง"

หลินฟ่านวางจดหมายไว้ข้างหน้าศาสตราจารย์ซิงคง

"ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน"

ผู้เฒ่าจางรู้สึกแย่ เขาสามารถอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับหลักการทางการแพทย์ได้ แต่ตัวอักษรที่เขียนด้วยคำพูดง่ายๆแบบนี้เขากลับไม่เข้าใจ?

ศาสตราจารย์ซิงคงยุ่งมาก เขากำลังศึกษาการหมุนรอบตัวเองของดวงอาทิตย์ เขาผลักแผนที่ดวงดาวมาขวางทางเดินหลินฟ่านด้วยเจตนาที่ชัดเจนว่า ห้ามรบกวน!

หลินฟ่านหยิบจดหมายและออกจากห้องไปพร้อมกับผู้เฒ่าจาง

พวกเขากำลังหาคนมาตีความเนื้อหาในจดหมาย

“หลินฟ่านนาฬิกาของผมเสียอีกแล้ว คุณช่วยยืมเงินจากเธอให้ผมได้ไหม” ผู้เฒ่าจางกล่าว

หลินฟ่านพูดอย่างใจเย็น: "เธอจะไม่ให้ผมยืม"

"น่าเสียดายที่เธอเป็นเมียของคุณ? ถ้าเธอเป็นแฟนคุณเธอคงให้คุณยืมเงินแน่นอน" ผู้เฒ่าจางรู้สึกเสียใจ

หลังจากนั้นพวกเขาก็มอบจดหมายให้กับผู้ดูแลเพื่อตีความ

ผู้ดูแลคนนั้นรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาในจดหมายนี้ได้เช่นกัน

การที่เขามีโอกาสได้มาทำงานในโรงพยาบาลจิตเวชแห่งนี้ก็เพราะเขาอาศัยเส้นสายเท่านั้น มันไม่ได้เป็นเพราะเขามีความรู้ความสามารถอะไรเลย

แต่สิ่งที่เขาสงสัยมากที่สุดคือ ใครกันแน่ที่เป็นเพื่อนทางจดหมายของหลินฟ่าน เธอเขียนจดหมายมาหาเขาเดือนละ 2 ฉบับ!

เธอจะคิดอย่างไรถ้าเธอรู้ว่าคนที่เธอเขียนจดหมายมาหาไม่ได้เป็นหมอของโรงพยาบาลแต่เป็นผู้ป่วยโรคจิตใจซะเอง?

หรืออีกฝ่ายก็เป็นโรคจิต

เรื่องนี้มีความเป็นไปได้เช่นกัน

หลังจากที่ตามหาคนตีความเนื้อหาในจดหมายเสร็จแล้ว พวกเขาก็กลับไปที่วอร์ด

หลินฟ่านนั่งบนเตียงและจ้องมองจดหมายอย่างระมัดระวัง เนื้อหาไม่ชัดเจนนัก แต่หากแยกออกเป็นคำจะสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ

“จริงๆแล้วสิ่งที่เธอเขียนมาก็ไม่ได้ตีความยากเย็นอะไร คนที่คอยปล้นยังคงอยู่ที่นี่ ไม่ว่าพวกเราจะมีของดีอะไรพวกเขาก็จะมาเก็บไปจนหมด คนพวกนี้ต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ” ผู้เฒ่าจางกล่าวอย่างเคร่งขรึม

หลินฟ่านพูดอย่างใจเย็น: “แน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมยิ้มให้พวกเขาเสมอ ผมได้แต่หวังว่าพวกเขาจะสึกรู้ถึงความเอื้ออาทรและความสงสารของเรา”

“ยิ้มแบบนี้เหรอ”

ผู้เฒ่าจางดึงมุมปากของเขาด้วยสองนิ้ว มันเปิดกว้างและฟันของเขาก็เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน

"นั่นแหละ"

หลินฟ่านก็ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นกัน

หลังจากนั้นพวกเราก็หัวเราะออกมา

"ฮิฮิ!"

"ฮิฮิ!"

พยาบาลเสี่ยวเฉินที่แอบดูเหตุการณ์อยู่หน้าห้องรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วแผ่นหลังในขณะที่ขาของเขาก็สั่นกระตุกไม่หยุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด