50 - เพื่อนทางจดหมายของผู้ป่วยทางจิต
50 - เพื่อนทางจดหมายของผู้ป่วยทางจิต
5 มีนาคม!
แดดจัด!
คืนแรกที่กลับมายังโรงพยาบาลจิตเวชชิงซานพวกเขานอนหลับสบายมาก ความรู้สึกได้กลับบ้านทำให้พวกเขาผ่อนคลายและหลับสนิทตลอดทั้งคืน
สิ่งแรกที่หลินฟ่านและผู้เฒ่าจางทำเมื่อตื่นขึ้นมาคือการนั่งบนเตียงด้วยความงง
พวกเขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรในวันนี้ หลังจากนั่งอยู่นานผู้เฒ่าจางเปิดลิ้นชักหัวเตียงและหยิบเอานมถั่วเหลืองมามอบให้หลินฟ่าน
"ยังอร่อยเหมือนเดิม" ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยรอยยิ้มที่สดใส
สไปรท์และโค้กเป็นงานอดิเรกของพวกเขา ไม่มีใครสามารถกีดกันงานอดิเรกของพวกเขาได้
แสงแดดส่องมาบนใบหน้าของพวกเขา และ วอร์ด 666 ซึ่งทุกคนหลีกเลี่ยงก็อบอุ่นและสดใส
ในตอนนั้นพยาบาลคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ตรงทางเดิน เขาทั้งหมดมองไปที่ วอร์ด 666 ด้วยความกลัวเล็กน้อย นี่เป็นห้องที่น่ากลัวที่สุดในโรงพยาบาลจิตเวชชิงซาน
ผู้ป่วยทั้งสองที่อาศัยอยู่ในนั้นไม่มีอันตราย แต่พฤติกรรมของพวกเขาทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
เพื่อนร่วมงานของเขาหลี่อั้งยังอยู่ที่โรงพยาบาลกลาง แม้ว่าเขาจะหายดีแล้วแต่เขาก็ยังไม่อยากกลับมาทำงาน เขาจึงขอลาพักอีกสักหน่อย
ในขั้นต้นหมอและพยาบาลที่นี่คิดว่าหลี่อังจะลาออก แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นคือหลี่อั้งไม่เพียงไม่ลาออกเท่านั้น เขายังร้องขอที่จะดูแลผู้ป่วยทั้งสองด้วยตัวเองอีกด้วย
ความกล้าหาญนี้ทำให้ทุกคนในโรงพยาบาลชื่นชมเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวเฉิน นี่คือจดหมายของวอร์ด 666 คุณไปส่งให้พวกเขาหน่อย” รปภ.กล่าว.
“ทำไมคุณไม่ไปส่งเอง” เสี่ยวเฉินมีสีหน้างุนงง
“ผมมีหน้าที่ส่งจดหมายที่หน้าประตูเท่านั้น การเข้าไปส่งด้านในคือหน้าที่ของมืออาชีพอย่างพวกคุณ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่งจดหมายให้เสี่ยวเฉินและเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลมา 2-3 ปีแล้ว
ในตอนที่เป็นหนุ่มเขาไม่ได้ตั้งใจเรียนเท่าไหร่จึงจบเพียงแค่มัธยมปลาย
ตอนนั้นเขาคิดว่าเขาเป็นคนที่มีวาทศิลป์ดี ต่อให้ไม่ได้เรียนหนังสือเขาก็สามารถทำเงินได้เป็นสิบล้านโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อเขาเข้าสู่สังคมผู้ใหญ่เขาก็รู้ว่าความคิดของเขานั้นไร้เดียงสามากแค่ไหน แม้แต่การสมัครงานในโรงพยาบาลจิตเวชก็ต้องมีวุฒิปริญญาตรี
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง โชคดีที่ครอบครัวของเขายังพอมีเส้นสายอยู่บ้าง เขามีโอกาสได้ทำงานโรงพยาบาลจิตเวชชิงซานที่ขึ้นชื่อลือชาว่าให้เงินเดือนสูงลิบลิ่ว
ที่นี่เขาได้รับเงิน 2000 หยวนต่อเดือนแม้ว่าจะถูกหักประกันสังคมแล้วก็ตาม เงินจำนวนนี้มันเพียงพอที่จะให้เขาสร้างครอบครัวกับผู้หญิงดีๆสักคน
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเหตุไฉนเขาจึงไม่เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงในวอร์ด 666
พยาบาลเสี่ยวเฉินมาที่ห้องผู้ป่วยและเคาะประตูเบา ๆ
“ผมเข้าไปได้ไหม”
ผู้ป่วยทางจิตคนอื่นๆไม่มีกฎเกณฑ์ แต่หมอและพยาบาลรู้ดีว่าผู้ป่วยในวอร์ด 666 นั้นไม่เหมือนคนอื่น
ในช่วงเวลาปกติพวกเขาแทบจะไม่แตกต่างจากคนธรรมดาด้วยซ้ำ และการกระทำใดที่เป็นการไม่ให้เกียรติพวกเขา มันจะทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ
หลังจากได้รับความยินยอม เขาก็เปิดประตูและเดินเข้าไปข้างในด้วยความระมัดระวัง
เขารักษาระยะห่างจากผู้ป่วย วางจดหมายไว้บนเตียง แล้วพูดเบาๆว่า
"หลินฟ่านมีจดหมายมาถึงคุณ"
พูดจบเขาก็รีบเดินออกไปทันที
หลินฟ่านรีบดื่มนมถั่วเหลืองคำสุดท้ายพร้อมกับหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านด้วยรอยยิ้ม
"เธอเขียนมาอีกแล้วเหรอ"
ผู้เฒ่าจางถาม เขารู้ว่ามันเป็นจดหมายของใคร แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าผู้ป่วยทางจิตจะมีเพื่อนทางจดหมาย
“ไม่ใช่เธอ แต่เป็นภรรยาของผม” หลินฟ่านกล่าว
ข้างในจดหมายมีกระดาษสีชมพูเขียนตัวอักษรเล็กๆอยู่ คำพูดนั้นละเอียดอ่อนมาก มองแค่แว๊บเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวหนังสือของหญิงสาว
แม้ว่าพวกเขาจะป่วยทางจิตแต่ครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยเป็นคนธรรมดา ความรู้ที่พวกเขาได้เรียนนั้นยังคงอยู่ในสมอง และพวกเขาสามารถอ่านหนังสือได้ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป
เนื้อหามีดังนี้:
[สวัสดีหมอหลิน
นับตั้งแต่ได้รับจดหมายของคุณ ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันดูเหมือนจะเปิดประตูสู่โลกใหม่ ลักษณะงานของคุณทำให้ฉันมีความอยากรู้อยากเห็น
ครั้งหนึ่งฉันเคยรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์บางอย่างภายในโรงพยาบาลจิตเวช แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องเท็จ คุณบอกฉันว่ามีคนมาปล้นคุณ และฉันรู้ว่าคุณเผชิญหน้ากับอันตรายในระหว่างที่ดูแลผู้ป่วยทางจิตทุกวัน
แม้จะเป็นอย่างนั้นคุณก็ยังมีความอดทนในการดูแลผู้ป่วยทางจิตโดยไม่คิดจะทิ้งพวกเขาไปกลางคัน คุณช่างเป็นคนดีจริงๆ
ครั้งที่แล้วคุณไม่ได้ทิ้งคำพูดไว้ในจดหมาย แต่ส่งเพียงใบไม้สีเขียวมาให้ฉัน ฉันรู้เจตนาของหมอลิน คุณต้องการที่จะกลายเป็นใบไม้สีเขียวท่ามกลางต้นไม้สูงตระหง่านและปกป้องผู้ป่วยทางจิตที่น่าสงสารเหล่านี้
สายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงนั้นสดใส พระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วงก็สดใส แม้แต่ใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงก็ยังสดใสเช่นกัน ฉันรอคอยที่จะมีโอกาสได้พบคุณสักครั้งหวังว่าคุณจะหาเวลาว่างได้ 】
การแสดงออกของหลินฟ่านและผู้เฒ่าจางนั้นจริงจังมาก ไม่ใช่เพราะเหตุการณ์สำคัญในเนื้อหาของจดหมาย แต่เพราะพวกเขาไม่เข้าใจความหมายของสิ่งเหล่านี้
“เธอหมายความว่ายังไง”หลินฟ่านถาม
ผู้เฒ่าจางเกาศีรษะ “ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมเราไม่ลองถามศาสตราจารย์ซิงคงล่ะ”
"ตกลง."
พวกเขาออกจากวอร์ดและไปที่ห้องของศาสตราจารย์ซิงคงผู้ป่วยจิตเวชที่มุ่งมั่นในการศึกษาระบบจักรวาล
"ผมไม่เข้าใจ คุณรู้หรือเปล่าว่าเธอเขียนว่ายังไง"
หลินฟ่านวางจดหมายไว้ข้างหน้าศาสตราจารย์ซิงคง
"ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน"
ผู้เฒ่าจางรู้สึกแย่ เขาสามารถอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับหลักการทางการแพทย์ได้ แต่ตัวอักษรที่เขียนด้วยคำพูดง่ายๆแบบนี้เขากลับไม่เข้าใจ?
ศาสตราจารย์ซิงคงยุ่งมาก เขากำลังศึกษาการหมุนรอบตัวเองของดวงอาทิตย์ เขาผลักแผนที่ดวงดาวมาขวางทางเดินหลินฟ่านด้วยเจตนาที่ชัดเจนว่า ห้ามรบกวน!
หลินฟ่านหยิบจดหมายและออกจากห้องไปพร้อมกับผู้เฒ่าจาง
พวกเขากำลังหาคนมาตีความเนื้อหาในจดหมาย
“หลินฟ่านนาฬิกาของผมเสียอีกแล้ว คุณช่วยยืมเงินจากเธอให้ผมได้ไหม” ผู้เฒ่าจางกล่าว
หลินฟ่านพูดอย่างใจเย็น: "เธอจะไม่ให้ผมยืม"
"น่าเสียดายที่เธอเป็นเมียของคุณ? ถ้าเธอเป็นแฟนคุณเธอคงให้คุณยืมเงินแน่นอน" ผู้เฒ่าจางรู้สึกเสียใจ
หลังจากนั้นพวกเขาก็มอบจดหมายให้กับผู้ดูแลเพื่อตีความ
ผู้ดูแลคนนั้นรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาในจดหมายนี้ได้เช่นกัน
การที่เขามีโอกาสได้มาทำงานในโรงพยาบาลจิตเวชแห่งนี้ก็เพราะเขาอาศัยเส้นสายเท่านั้น มันไม่ได้เป็นเพราะเขามีความรู้ความสามารถอะไรเลย
แต่สิ่งที่เขาสงสัยมากที่สุดคือ ใครกันแน่ที่เป็นเพื่อนทางจดหมายของหลินฟ่าน เธอเขียนจดหมายมาหาเขาเดือนละ 2 ฉบับ!
เธอจะคิดอย่างไรถ้าเธอรู้ว่าคนที่เธอเขียนจดหมายมาหาไม่ได้เป็นหมอของโรงพยาบาลแต่เป็นผู้ป่วยโรคจิตใจซะเอง?
หรืออีกฝ่ายก็เป็นโรคจิต
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้เช่นกัน
หลังจากที่ตามหาคนตีความเนื้อหาในจดหมายเสร็จแล้ว พวกเขาก็กลับไปที่วอร์ด
หลินฟ่านนั่งบนเตียงและจ้องมองจดหมายอย่างระมัดระวัง เนื้อหาไม่ชัดเจนนัก แต่หากแยกออกเป็นคำจะสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ
“จริงๆแล้วสิ่งที่เธอเขียนมาก็ไม่ได้ตีความยากเย็นอะไร คนที่คอยปล้นยังคงอยู่ที่นี่ ไม่ว่าพวกเราจะมีของดีอะไรพวกเขาก็จะมาเก็บไปจนหมด คนพวกนี้ต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ” ผู้เฒ่าจางกล่าวอย่างเคร่งขรึม
หลินฟ่านพูดอย่างใจเย็น: “แน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมยิ้มให้พวกเขาเสมอ ผมได้แต่หวังว่าพวกเขาจะสึกรู้ถึงความเอื้ออาทรและความสงสารของเรา”
“ยิ้มแบบนี้เหรอ”
ผู้เฒ่าจางดึงมุมปากของเขาด้วยสองนิ้ว มันเปิดกว้างและฟันของเขาก็เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน
"นั่นแหละ"
หลินฟ่านก็ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นกัน
หลังจากนั้นพวกเราก็หัวเราะออกมา
"ฮิฮิ!"
"ฮิฮิ!"
พยาบาลเสี่ยวเฉินที่แอบดูเหตุการณ์อยู่หน้าห้องรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วแผ่นหลังในขณะที่ขาของเขาก็สั่นกระตุกไม่หยุด