48 - ผมคือเยาวชนดีเด่นของเมืองเอี๋ยนไห่
48 - ผมคือเยาวชนดีเด่นของเมืองเอี๋ยนไห่
กลุ่มนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในชุดคลุมสีขาวทำความสะอาดที่เกิดเหตุ ปลาหมึกยักษ์ถูกยกขึ้นโดยปั้นจั่นและวางไว้หลังรถบรรทุกคันหนึ่ง
ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่วุ่นวาย
ปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ตายแล้ว มีรอยฝ่ามือทั่วทั้งตัวของมัน และสภาพร่างกายของมันก็นุ่มนิ่มพังยับเยินไปทั้งหมด
แม้ว่าร่างกายทั้งหมดจะยังคงอยู่หลังความตาย แต่มันก็ใกล้จะสลายตัวเต็มที
“มีสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายปรากฏตัวขึ้นบนสะพานข้ามแม่น้ำเอี๋ยนไห่ คนของเราถูกส่งไปจัดการมันแล้ว”
เสียงมาจากเครื่องส่งรับวิทยุในมือของชายตาเดียว ตอนนี้อารมณ์ของเขาสงบมาก ไม่มีความผันผวนใดๆ ไม่เหมือนกับตอนที่ผู้ป่วยจิตเวชทั้งสองคนวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวเขา
แต่ทันทีที่เขากำลังก้าวเดินเขาก็มองไปที่ขาของตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหตุการณ์ที่ขาของเขาเป็นอัมพาตยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ไม่หาย
ปลาหมึกยักษ์ตัวนี้โชคร้ายจริงๆ มันปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาที่ชายตาเดียวคุ้มคลั่งถึงขีดสุด ดังนั้นชะตากรรมของมันจึงถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรก
ลูกชายของปลาหมึกยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นบนสะพานเพื่อตามหาพ่อ และตอนนี้สภาพของมันก็ไม่แตกต่างจากพ่อเท่าไหร่
พวกมันเพียงต้องการออกมาเดินเล่นแต่กลับต้องเสียชีวิตอย่างน่าสังเวชแบบนี้ นับเป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมของโลกอย่างแท้จริง
บนสะพานข้ามแม่น้ำ.
รถจอดอยู่ที่นั่น และผู้คนมากมายยังคงตกใจจากการปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตชั่วร้าย
ในระยะไกล นักสู้ทั้งสี่พุ่งขึ้นไปบนสะพานอย่างรวดเร็วด้วยทักษะที่กระฉับกระเฉงราวกับเสือที่ดุร้าย ทุกครั้งที่เท้าของพวกเขาเหยียบหลังคารถพวกเขาจะทะยานไปข้างหน้า 4-5 เมตร
พวกเขารู้ว่ามีสัตว์ร้ายอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำ และพวกเขาก็รีบมาที่นี่ด้วยความร้อนรน
คู่ต่อสู้เป็นสัตว์ร้ายระดับสามที่มีความแข็งแกร่งเฉกเช่นเดียวกับสัตว์ร้ายที่อยู่ท่าเรือ
ไม่คิดว่าเมืองเล็กๆแบบเอี๋ยนไห่จะมีสัตว์ร้ายซ่อนตัวอยู่มากมายถึงขนาดนี้
ช่วงเวลาปกติเป็นการยากที่จะค้นพบสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ และพวกเขาจำเป็นต้องค้นหาอย่างระมัดระวัง
แต่ตราบใดที่สิ่งชั่วร้ายปล่อยพลังงานมืด สัญญาณเตือนจะดังขึ้นจากสำนักงานใหญ่ซึ่งพวกเขาจะถูกส่งตัวไปปราบปรามพวกมันทันที
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีส่วนร่วมอย่างเงียบๆ
หากไม่มีเทคโนโลยีชั้นสูงเช่นนี้ พวกเขาแทบจะไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าความโกลาหลในเมืองเอี๋ยนไห่จะเป็นอย่างไร
อย่างรวดเร็ว.
ชายคนหนึ่งและหญิงสาวอีกสามคนปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ที่พลังงานผันผวน พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้ แต่ฉากที่อยู่ตรงหน้าทำให้พวกเขาสับสนเป็นอย่างมาก
ฉากนั้นวุ่นวายจริงๆ แต่ไม่มีสิ่งชั่วร้าย
“เครื่องส่งสัญญาณบอกว่ามีสิ่งชั่วร้ายไม่ใช่หรือ? มันหนีไปแล้วหรือเปล่า”
“ระวังให้ดี ความผันผวนของพลังงานแสดงให้เห็นว่ามันอยู่ที่นี่ บางทีมันอาจซ่อนตัวอยู่”
“กัปตัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บสามคนที่นี่”
มีคนสามคนนอนอยู่หน้ารถพยาบาล คนที่โชคร้ายที่สุดคือคนที่ไม่สามารถพูดได้ซึ่งรองรับร่างกายของรองผอ.หลี่และคนขับรถอย่างเต็มที่
เดิมทีเขาได้รับบาดเจ็บจากสิ่งชั่วร้ายอยู่แล้ว และอาการบาดเจ็บของเขาก็ไม่เบา ตอนนี้เขายิ่งเป็นเบาะรองกระแทกให้กับคนทั้งสอง สภาพของเขาจึงสาหัสสากรรจ์เข้าไปอีก
หญิงสาวที่จบการศึกษาจากวิทยาลัยการแพทย์รีบรักษาคนสามคนที่นอนอยู่บนกระโปรงรถ เธอชี้มือไปที่คนทั้ง 3 และไฟสีเขียวก็ปรากฏออกมาจากมือของเธอ
หลี่ไหลฟู่ยังไม่แก่เท่าไหร่ เมื่อได้รับการรักษาเขาก็เป็นคนแรกที่ตื่นขึ้น
"ผมอยู่ที่ไหน?"
จากนั้นคนแปลกหน้าสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของเขา เขารู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร คนพวกนี้คือยอดฝีมือที่แผนกพิเศษส่งมาจัดการสิ่งชั่วร้าย
ในที่สุดเขาก็ปลอดภัยแล้ว
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เมื่อเขาขยับตัวคนขับรถก็ตื่นขึ้นเช่นกัน
“ผอ. ครับ ผมจะปกป้องคุณเอง”
ประโยคแรกจากคำพูดของคนขับรถทำให้หลี่ไหลฟู่ประทับใจมาก เขาตั้งใจว่าจะส่งเสริมคนขับรถให้มีสถานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหลังจากนี้
“นี่นาฬิกาของคุณครับผอ. ผมเก็บมันไว้อย่างดี”
คนขับมอบนาฬิกาดิจิตอลกลับคืนให้รองผอ.หลี่ก่อนจะลูบหน้าอกของตัวเองด้วยสีหน้าเหยเก
หลี่ไหลฟู่หยิบนาฬิกาดิจิตอลมาสวมที่ข้อมืออย่างสงบ เขามองดูสถานการณ์โดยรอบและมองหาผู้ป่วยทั้งสอง
พวกเขาไปไหน? อย่าบอกนะว่าพวกเขาถูกสิ่งชั่วร้ายจัดการไปแล้ว
ในขณะที่กำลังสับสนอย่างหนักหลี่ไหลฟู่ก็เห็นคนทั้งสองนอนหลับไหลอยู่บนเปลพยาบาลข้างๆรถ เขาถอนหายใจเบาๆด้วยความโล่งใจ
ในสถานการณ์เช่นนี้พวกคุณยังนอนหลับได้ น่าเหลือเชื่อจริงๆ!
แต่มีข้อสงสัยบางอย่างในใจเขา ก่อนหน้านี้เขาถูกเจ้าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายโจมตี แล้วตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหน?
"ตื่นได้แล้ว"
หลี่ไหลฟู่ตบเปลฉุกเฉิน
หลินฟ่านและผู้เฒ่าจางค่อยๆลืมตาขึ้น พวกเขาลุกขึ้นนั่งด้วยความสับสน
"พวกเราอิ่มมากเลยเผลอหลับไป"
หลินฟ่านและผู้เฒ่าจางมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างสดใส
"คุณตื่นแล้ว"
“อืม รู้สึกดีจริงๆ”
"ฮ่าๆๆ!"
"ฮ่าๆๆ!"
พวกเขาหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นพวกเขาก็กระโดดลงมาจากเปลเข็นและเดินไปรอบด้วยความสงสัยว่าผ่านไปนานขนาดนี้พวกเขายังไปไม่ถึงโรงพยาบาลอีกเหรอ?
ยอดฝีมือทั้งสี่จากแผนกพิเศษได้เฝ้าสังเกตสถานการณ์โดยรอบอย่างรอบคอบ พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งชั่วร้ายอยู่ที่ไหน หรือว่ามันหลบหนีไปแล้ว?
จากนั้นพวกเขาก็พบเบาะแสบางอย่าง
เห็นได้ชัดว่ามีรอยร้าวบนพื้นจากการถูกโจมตีอย่างรุนแรง แต่ใครที่เป็นคนทำเรื่องนี้?
“กัปตัน มีของเหลวอยู่ที่นี่ ฉันเพิ่งทดสอบมันเป็นเลือดของสิ่งชั่วร้าย”
เลือดของปลาหมึกชั่วร้ายหกลงบนพื้นและมีกลิ่นเนื้อจางๆในอากาศ พวกเขาไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
กลิ่นหอมมาจากไหน?
หลินฟ่านและผู้เฒ่าจางเป็นผู้ป่วยทางจิต โดยหลักการแล้วพวกเขานำสิ่งของที่ยืมมากลับไปคืนที่เดิมตั้งแต่แรก หลักฐานทุกอย่างจึงหายสาบสูญไปหมด
“คุณพอจะรู้ไหมว่าสิ่งชั่วร้ายอยู่ที่ไหน” ชายที่แข็งแกร่งคนหนึ่งถาม
รองผอ.หลี่ก็สับสนเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าสิ่งชั่วร้ายหายไปไหน เขาไม่มีความสามารถแม้แต่จะเผชิญกับสิ่งชั่วร้ายด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะสลบไปเขามองเห็นมันจากที่ไกลๆเท่านั้นเอง
ตามเหตุผลปกติเขาควรจะถูกเจ้าสิ่งชั่วร้ายนั้นกินเข้าไปแล้ว
แต่ตอนนี้.
ก่อนที่พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือ พวกเขายังคงนอนอยู่บนกระโปรงรถในขณะที่ผู้ป่วยทางจิตทั้งสองนอนบนเปลฉุกเฉิน
เรื่องนี้น่าสนใจมาก
หลี่ไหลฟู่กำลังจะพูดความจริง แต่ถูกคนขับอยู่ด้านข้างดึงแขนไว้
“มันถูกขับไล่ไปแล้วด้วยฝีมือของผอ.เรา” คนขับมองไปที่หลี่ไหลฟู่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“เราเห็นปลาหมึกชั่วร้ายกำลังเข้ามาหาเรา และในตอนนั้นผอ.ก็ต่อสู้กับมันอย่างกล้าหาญด้วยเหล็กเพียงท่อนเดียว
คุณก็เห็นแล้วว่าสภาพของผอ.ได้รับบาดเจ็บมากแค่ไหน ก่อนหน้านี้เขาต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายอย่างดุเดือด แม้ว่าเขาจะถูกกระแทกมาตรงนี้แต่เขาก็ตอบโต้จนมันต้องหนีไป "
คนขับรถรู้ดีถึงประโยชน์ในการผายลม(พูดจาไร้สาระ) ดังนั้นเขาจึงผายลมไม่หยุด”
เขาเชื่อจริงๆว่าคนที่ขับไล่ปลาหมึกยักษ์ตัวนั้นไปคือรองผอ.หลี่ ถ้าไม่ใช่รองผอ.หลี่หรือว่าจะเป็นคนบ้าสองคนนั้น อย่าล้อเล่นดีกว่า?
หลี่ไหลฟู่มองคนขับด้วยความประหลาดใจ ความหมายในดวงตาของเขาชัดเจนมาก แม้ว่าคุณจะบอกว่าเป็นผมแต่มันก็มากเกินไปหน่อย
"จริงๆเหรอ?" ชายที่แข็งแกร่งจากแผนกพิเศษถามด้วยความงุนงง
เขามองไม่เห็นอะไรที่พิเศษจากผอ.ที่อยู่ตรงหน้า คนคนนี้เหมือนกับอาจารย์หมอธรรมดา มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเกินไป
หลี่ไหลฟู่ครุ่นคิดครู่หนึ่งและพูดอย่างช้าๆว่า
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้ผมใช้ชะแลงแทงเข้าไปในดวงตาของปลาหมึก บางทีมันอาจจะเจ็บปวดจนหนีไปก็ได้
ถึงผมจะแก่แล้วแต่เมื่อตอนเป็นหนุ่มผมเคยได้รับเลือกให้เป็นเยาวชนดีเด่นของเมืองเอี๋ยนไห่ ผมจบการศึกษาจากวิทยาลัยพุทธะ หลังจากนั้นผมก็เป็นทหารอยู่สามปี มันทำให้ผมมีความแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาอยู่เล็กน้อย”