บทที่ 1 โอกาสในวิกฤต
บทที่ 1
โอกาสในวิกฤต
หลังจากเห็นสภาพพื้นที่รอบข้างแล้วทำให้เฉินเฉียงอดที่จะหันรีหันขวางด้วยท่าทีที่ราวกับอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ควร
นั่นก็เพราะเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาอยู่ปี 2838 ไม่ใช่เหรอ
“เฉินเฉียง เจ้าอู้อีกแล้วนะ รีบจัดการไอ้นั่นเร็วๆเข้า เราจะได้กลับไปกินข้าวกัน”
ชายหนุ่มอายุประมาณ16 – 17 ปี ได้ปาดเหงื่อที่ชุ่มบนหน้าผากก่อนที่จะมองมายังเฉินเฉียงด้วยท่าทีเหลืออด
เฉินเฉียงได้พยักหน้าให้เด็กคนนั้นเล็กน้อยก่อนที่จะโยนซากอะไรบางอย่างลงในหลุมเบื้องหน้า และทำการฝังกลบพร้อมทั้งกำลังคิดอะไรบางอย่างในห้วงความคิดของตน
หลังจากเกิดวิกฤตการณ์ทางชีวเคมี ผ่านไปกว่า 800 ปีแล้วที่คลื่นพลังบางอย่างส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับยีนของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้
คลื่นพลังนี้ส่งผลให้พันธุกรรมในร่างกายของมนุษย์ที่หลับใหลอยู่ได้ตื่นขึ้นมาและส่งผลต่อการวิวัฒนาการหรือจะเรียกว่ากลายพันธุ์ก็ว่าได้
รวมถึงสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นบนโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน และนี่ส่งผลให้การกลายพันธุ์นี้กลายเป็นปัญหาในระดับที่ว่าส่งผลต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มนุษย์ สัตว์กลายพันธุ์ มนุษย์กลายพันธุ์ สิ่งมีชีวิตทั้งสามในตอนนี้จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันบนโลกมนุษย์ จากทั้งสามกลุ่มนี้มีเพียงมนุษย์ที่เรียกได้ว่าอยู่ในระดับล่างของห่วงโซ่นี้
และมนุษย์ในตอนนี้ได้ถูกกีดกันออกมาราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าเอเลี่ยนสปีชี่ส์ของโลกใบนี้ไปโดยปริยาย โดยพวกเขาถูกบังคับให้รวมกลุ่มกันโดยเรียกพื้นที่แห่งนี้ว่าอาณานิคม
ในอาณานิคมที่เฉินเฉียงอาศัยอยู่ในตอนนี้มีผู้คนอาศัยอยู่เกือบสองพันคน ทุกๆคนนั้นล้วนตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ของตนเองเพื่อรักษาสิทธิ์ที่จะได้อาศัยอยู่ในอาณานิคมแห่งนี้
“ระวังด้วยล่ะ ใส่ถุงมือเอาไว้ตลอด อย่าได้ไปจับซากร่างพวกนี้ด้วยมือเปล่า”
ชายแก่หนวดขาวคนหนึ่งพูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น
“ปู่ซุน งานของเรามันทั้งสกปรกและเปลืองแรงขนาดนี้ จะดีกว่าไหมถ้าจะให้พวกทหารมาจัดการซากพวกนี้ไปด้วยระหว่างการลาดตระเวนน่ะ ไอ้ค้างคาวพวกนี้มันสามารถฆ่าทีมลาดตระเวนของเราไปได้ทีเดียวหกคนเลยนะ การที่จะให้คนระดับล่างแบบพวกเรามาทำเรื่องอย่างนี้จะไม่อันตรายไปหน่อยรึไง”
“เหอะ หยุดคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ในยุคสมัยที่ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการเอาชีวิตรอดแบบนี้ ใครก็ตามที่ได้รับสายเลือดทหารไปละก็ไม่เพียงแต่จะต้องออกมาป้องกันพื้นที่ที่ตนได้รับหน้ามอบหมายแล้ว คนเหล่านั้น ยังได้สิทธิในการแต่งงาน มีบุตร และมีชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่ต้องดูแลต่อไปได้ พวกนั้นไม่ทางมาเสียเวลาทำเรื่องแบบนี้หรอก แค่การลาดตระเวนก็แทบจะเต็มกลืนแล้วด้วยซ้ำมั้ง แต่กับไอ้หนูสายเลือดขยะอย่างแกน่ะมันก็อีกเรื่องหนึ่ง เพียงแค่แกมีโอกาสได้ตามข้ามาจัดการซากร่างเหล่านี้ตลอดชีวิตก็สมควรจะเป็นที่สุดในชีวิตแกแล้วล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“เฉินเฉียง แกจะถอดถุงมือทำไมกัน”
เมื่อได้ยินเสียงโวยวายที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจากปู่ซุนนั้นทำให้เฉินเฉียงยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะคว้าจับร่างที่อยู่ตรงหน้า
และการกระทำของเขานี้ทำให้คนที่เหลือนั้นวิ่งจนแตกฮือไปในทันที
“อย่าจับมัน....”
ปู่ชุนที่เห็นฉากนี้ถึงกับขนหัวลุกในทันที แต่นั่นก็ไม่ทันแล้วเพราะมือของเฉินเฉียงได้สัมผัสกับร่างนั้นไปแล้ว
“ซากค้างคาวโลหิตเพลิงนี่เป็นพิษ น่าเสียดายจริงๆ”
“ค้างคาวเลือดพิษมันมีพิษระดับสุดยอดเลยนะ คนที่มีหน้าที่ลาดตระเวนหลายต่อหลายคนได้ตกตายเพราะมัน”
เฉินเฉียงที่พึ่งจะรู้สึกตัวว่าตนเองใช้มือเปล่าจับไปยังซากค้างคาวเลือดพิษก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที
เอาจริงๆแล้วเป็นเพราะว่าเขานั้นยังไม่สามารถปะติดปะต่อความคิดที่ยังคงค้างอยู่ในหัวสมองกับสิ่งที่กำลังประสบพบเจออยู่ต่อหน้านี้ส่งผลให้จิตใจเขาเหม่อลอยไม่ระวัง
นี่ทำให้ทั้งๆที่รู้ว่าค้างคาวเลือดพิษเต็มไปด้วยพิษร้ายแต่ก็ลืมสวมถุงมือก่อนที่จะจับ เพราะเมื่อสักครู่เขาถอดถุงมือเพื่อเช็ดเหงื่อและทำการสำรวจซากศพร่างต่อไป
ทำให้เขานั้นอดที่จะนึกสงสัยไม่ได้ว่าถ้าครั้งนี้เขาตาย แล้วจะถือว่าจบชีวิตเลยจริงๆรึเปล่านะ
ติ้ง
เสียงเสียงหนึ่งที่เหมือนกับเสียงจากคอมพิวเตอร์ได้ดังอยู่ในจิตสำนึกของเฉินเฉียง
-ระบบคัดแยก....ซากศพ....ตรวจพบข้อมูล ท่านต้องการเปิดใช้งานหรือไม่-
-เปิดใช้เงานเหรอ?-
เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้เฉินเฉียงนิ่งอึ้งไปในทันทีที่ได้ยิน เสียงเดิมยังได้กล่าวต่อว่า
-หากต้องการเปิดระบบให้กดตกลง-
-หากไม่ต้องการเปิดระบบให้กดปฏิเสธ-
-อย่างไรก็ตาม หากท่านตอบปฏิเสธ ท่านจะถูกสังหารด้วยพิษร้ายแรงในทันที นับถอยหลัง 10 9 8 7 ....-
เมื่อได้ยินจำนวนเลขที่นับถอยหลัง เฉินเฉียงไม่มีเวลาคิดแต่อย่างใด เขากดตกลงในทันที ก็ไอ้ระบบนี่ดูเหมือนจะไม่ปล่อยให้เขาเลือกเลยนี่นา
-ระบบคัดแยกซากร่างทำงาน-
-ค่าการใช้ประโยชน์จากซากร่างอันแรกถูกเพิ่มให้เป็นพิเศษ-
-การพิจารณาค่าการใช้ประโยชน์ค้างคาวโลหิตพิษระดับทหารเสร็จสมบูรณ์-
-ข้อมูลผู้ชั้นงานระบบ
ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ ไม่มี
ค่าพลังงาน 0
ค่าการใช้ประโยชน์ 0
ค่าร่างกาย 9
ค่าความแข็งแกร่ง 25
ค่าความเร็ว 6
ค่าพลังจิต 23
วิธีการบ่มเพาะ ไม่มี
ทักษะ ไร้ตัวตน
ทักษะ การตรวจสอบด้วยเสียง
สายเลือด ต้นตระกูลค้างคาวโลหิตพิษเพลิง
หมายเหตุ ค่าพลังงานสามารถแปลงเป็นค่าฟื้นฟู ค่าร่างกาย ค่าความแข็งแกร่ง ค่าความเร็ว และค่าพลังจิตได้
เมื่อเห็นข้อมูลที่ลอยอยู่ตรงหน้านะตอนนี้ทำให้เฉินเฉียงเกือบจะผงะไปเหมือนกัน
นั่นก็เพราะความจริงแล้วสิ่งนี้สมควรจะเป็นของปู่ซุนไม่ใช่ของเขา ความจริงเขานั้นสมควรจะมีสายเลือดขยะธรรมดาสามัญเท่านั้น แต่ในตอนนี้ เขานั้นกลับได้รับสายเลือดของค้างคาวโลหิตพิษพร้อมทั้งทักษะไร้ตัวตนมาเสียอย่างนั้น
จากความทรงจำของเขานั้นทำให้เขารู้ดีว่าทั้งทักษะไร้ตัวตนและสายเลือดค้างคาวโลหิตพิษนี้เป็นสิ่งที่ได้มาจากค้างคาวโลหิตพิษ
....นี่...เขาได้รับทักษะของค้างคาวโลหิตพิษมาจริงๆสินะ....
เมื่อคิดถึงสิ่งที่จำได้แล้ว เฉินเฉียงได้คิดจะลองทักษะนี้ขึ้นมาบ้าง เขาได้หลับตาลงและใช้ทักษะไร้ตัวตนของค้างคาวโลหิตพิษในทันที
นี่ส่งผลให้ลมหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจของ เฉินเฉียงช้าลง แม้แต่อุณหภูมิในร่างกายก็ยังลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันทักษะการตรวจหาด้วยเสียงของเขาก็ได้ถูกเปิดใช้งาน
ถึงแม้ว่าเขานั้นจะยังไม่ได้เปิดดวงตาตัวเอง แต่ในทันทีที่เขาเปิดใช้ทักษะตรวจสอบด้วยเสียง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งต่างๆรอบตัวกว่าสามร้อยเมตรได้อย่างกระจ่างชัด
ในตอนนี้ เด็กหนุ่มร่างท้วมที่สนิทกับเขานั้นเมื่อเห็นเฉินเฉียงนิ่งไปก็ได้เข้ามาเรียกเฉินเฉียงด้วยน้ำเสียงห่วงใยเบาๆว่า “เฉิน..เฉียง...”
เมื่อไม่เห็นเฉินเฉียงตอบสนอง เด็กหนุ่มร่างท้วมจึงได้ถอดถุงมือเพื่อจับร่างกายเฉินเฉียงหมายจะปลุกให้ได้สติ
“หืม ห้ะ ไม่จริงน่า ปู่ เฉินเฉียงตัวเย็นมากเลย”
“อย่าไร้สาระน่า ต่อให้เขาโดนพิษจริงแต่ก็ไม่น่าจะทำให้ตัวเย็นได้เร็วขนาดนั้น...คิดว่านะ”
ปู่ซุนที่ได้ยินดังนั้นได้หน้าคล้ำลงในทันทีขณะที่หันไปตอบเด็กหนุ่มร่างท้วม เขาได้ตรงไปยังเฉินเฉียงพร้อมใช้นิ้วอังจมูกสักพัก หลังจากนั้นจึงได้รีบจับชีพจรของเฉินเฉียง หลังจากจับไปสักพักก็ถึงกับหน้าถอดสีและอุทานออกมาว่า
“ห้ะ ตายแล้วเรอะ”
“โธ่ ไม่น่าเลย เฉินเฉียงนี่มีชีวิตอันสั้นนัก....พวกเรามาฝังศพเขาด้วยกันดีกว่า”
หลังจากมีคนหนึ่งได้พูดออกมา วัยรุ่นอีกสองคนก็ได้เข้ามาเพื่อที่จะยกร่างของเฉินเฉียงเพื่อที่จะได้นอนลงด้วยท่าทีอันเศร้าสร้อย
“ทำ...อะไร....น่ะ...”
เฉินเฉียงคนที่ถูกวินิจฉัยว่าตายไปแล้วนั้น ตอนแรกเขาเองก็นึกสนุกอยากจะแกล้งเพื่อนสักนิดหน่อยเลยไม่ได้ขยับเขยื้อนหลังจากเพื่อนสนิทของเขามาจับตัวดูแล้วบอกว่าตัวเย็นมาก
คิดไม่ถึงว่าเขานั้นจะโดนฝังเอาซะจริงๆ ในทันทีที่เพื่อนของยกร่างเตรียมจะเอาไปฝังนั้นจึงได้รีบลืมตาแล้วพูดออกมา
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกก ผีหลอกกกกกกกกกกกกกกกก”
วัยรุ่นสองคนที่กำลังพยุงร่างของเฉินเฉียงได้โยน เฉินเฉียงทิ้งในทันทีก่อนที่จะวิ่งไปอีกทางหนึ่ง
เฉินเฉียงผู้ที่ในตอนนี้โดนโยนจนก้นกระแทกพื้นก็ได้ร้องโอดโอยพร้อมทั้งถูก้นของตัวเองที่กระแทกในทันทีท่ามกลางสายตาของเพื่อนพ้องที่ชะเง้อมองจากระยะไกลๆ
“เห้ย เฉินเฉียง เป็นอะไรรึเปล่า....” ปู่ซุนที่ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเฉินเฉียงเป็นคน ก็ได้ถามออกมาด้วยเสียงอันดังจากที่ไกลๆเพื่อความแน่ใจ
“ยังไม่ตาย” เฉินเฉียงเมื่อพูดจบก็ได้ลุกขึ้นยืนพร้อมสำรวจร่างกายตนเองเพื่อปกปิดความรู้สึกตื่นเต้นยินดีภายในใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจระบบใช้ประโยชน์นี้ดีพอแต่เขานั้นก็เชื่อว่ามันจะทำให้เขานั้นผ่านโลกที่โหดร้ายนี้ไปได้
“ไม่จริงน่า นั่นมันค้างคาวโลหิตพิษเลยนะ ขนาดพวกทหารถ้าไปแตะมันก็ยังตายในทันทีเลย”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ในตอนนี้มั่นใจแล้วว่าเฉินเฉียงเป็นคนก็ได้เข้ามาสำรวจเฉินเฉียงโดยรอบก่อนที่จะหันหลังไปมองซากของค้างคาวโลหิตพิษอยู่ชั่วครู่
ทันใดนั้นเขาก็สะบัดหัวและบอกตัวเองไว้ในใจว่าอย่าได้ไปหาเรื่องอย่างการแตะซากนี้ด้วยมือเปล่าเป็นอันขาด
นั่นก็เพราะยังไงซะชีวิตก็ไม่อาจหวนคืน หากติดพิษขึ้นมาแม้แต่ได้รับยาจากทั่วทั้งโลกก็ไม่สามารถจะถอนพิษได้
“แปลกมาก”
ปู่ซุนได้สะบัดหัวไปมาราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่พบเจอก่อนจะหันไปพูดกับเฉินเฉียงว่า “เฉินเฉียง เอาเจ้าซากนี่ไปฝังกับศพสุดท้าย เสร็จแล้วเราจะได้กลับบ้านกินข้าวกัน”
เฉินเฉียงเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้จับซากของค้างคาวโลหิตพิษเพลิงโยนเข้าไปในหลุม ตามด้วยจับซากศพสุดท้ายที่พ่อใหญ่ซุนบอกเพื่อเตรียมที่จะโยนไปในหลุมเพื่อจะได้เสร็จงานในวันนี้สักที
-ติ้ง-
-ค่าการใช้ประโยชน์มีค่าเป็นศูนย์ เป้าหมายไม่สามารถย่อยสลายได้-
-ค่าพลังงานน้อยเกินไป ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นค่าการใช้ประโยชน์ได้-
-คำแนะนำ โปรดเพิ่มค่าพลังงานให้ได้โดยเร็ว-
หืม ค่าพลังงานเหรอ
แล้วมันจะเพิ่มได้ยังไงกันล่ะ
เฉินเฉียงได้พยายามจะถามระบบดังกล่าวด้วยความคิดอยู่หลายหน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับการตอบรับจากระบบนี้แต่อย่างใด
เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง เฉินเฉียงจึงไม่มีทางเลือกและทำได้แค่โยนร่างนี้ลงหลุมไปเท่านั้น
เมื่อเสร็จแล้ว ปู่ซุนและวัยรุ่นที่เหลือก็ได้ทำการฝังกลบร่างนี้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพากันกลับไปยังอาณานิคมของตน
ในบ้านหลังหนึ่งที่แสงไฟสลัว วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังหยิบมันหวานต้มกินกันอย่างเพลิดเพลิน แต่มีเพียงหกคนเท่านั้นที่ค่อนข้างจะมีท่าทียากจะบรรยาย บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าพวกเขารังเกียจหรือยังไม่เชื่อว่าเฉินเฉียงเป็นคนไม่ใช่ผี พวกเขาตีห่าง เฉินเฉียงอย่างช่วยไม่ได้
“ระวังหน่อยนะ เฉินเฉียงไปแตะค้างคาวโลหิตพิษมา เขาอาจจะติดพิษและตายได้ทุกเมื่อ ช่วงนี้ยังไงก็อยู่ห่างๆไว้ก่อน”
“ไม่น่ามั้ง ปกติถ้าโดนพิษจากค้างคาวนั่นน่าจะตายในทันทีนี่นา นี่มันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วไม่น่าเป็นอะไรนะ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ พิษอาจจะเสื่อมสภาพก็ได้ อย่างน้อยๆก็ระวังไว้ก่อนดีกว่า ใครจะไปรู้ เขาจะพ่นพิษออกมาก็ได้นะ”
เฉินเฉียงที่เป็นประเด็นนั้นไม่ได้พูดหรือมีท่าทีอะไร เขานั้นทำหูทวนลมพลางคิดถึงระบบประหลาดที่เขาได้รับมา
“ปู่...ปู่ซุนอยู่รึเปล่า”
เมื่อสิ้นเสียง ม่านประตูก็ได้ถูกรูดออก และเป็นชายตัวสูงและชายร่างกำยำได้เดินเข้ามา
“โอ้ กัปตันฉีเหรอ ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าต้องออกไปสำรวจพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ แล้ววันนี้มาหาข้าทำไมกัน” พ่อใหญ่ซุนที่กำลังนั่งกินมันหวานอยู่นั้น เมื่อเขาได้เห็นว่าแขกเป็นใครก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาแค่ชำเลืองมองในขณะที่กำลังกินมันหวานต่อไป
กัปตันฉีเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังกินมันหวานอยู่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาได้พูดออกมา
“เรื่องเป็นอย่างนี้ปู่ซุน พรุ่งนี้ทีมของเรานั้นจะออกไปสำรวจที่ภูเขาเพื่อเก็บสมุนไพรกัน แต่ตอนนี้เรานั้นกำลังขาดคน ข้าก็เลยตั้งใจจะที่จะมาขอยืมคนไปช่วย...”
“ห้ะ กัปตันฉี เด็กพวกนี้ไม่มีกำลังอะไรเลยนะ การที่เจ้าจะขอให้เด็กพวกนี้ไปช่วยไม่ได้ต่างจากชวนพวกนี้ไปตายเลยไม่ใช่รึไงกัน”
“ปู่ซุน มันไม่ได้อันตรายอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ พวกเราแค่จะหาคนไปช่วยถือของและเก็บรวบรวมสมุนไพรเท่านั้นเอง เรื่องพวกนั้นเราไม่ได้ถนัดอะไรนัก พวกเราถนัดป้องกันซะมากกว่าน่ะ แน่นอนว่าสายเลือดทหารอย่างพวกเรานั้นต้องป้องกันพวกเขาอย่างเต็มที่อยู่แล้วนี่นา
เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีว่าหากไม่มีสายเลือดทหารอย่างพวกเราแล้วอาณานิคมจะอยู่รอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง”
ปู่ซุนเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้ได้เลยว่ายังซะกัปตันฉีสมควรจะไม่ยอมรามือจากเรื่องนี้ เขาจึงได้ยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ก็ได้ แต่...แค่คนเดียวเท่านั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าวัยรุ่นที่กำลังเพลิดเพลินกับมื้อค่ำก็ได้แสดงท่าทีไม่อยากจะไปขึ้นมาในทันที ทุกคนต่างก็ลุกถอยเข้าไปยืนอยู่หลังปู่ซุนของพวกเขา
จะมีก็เพียงเฉินเฉียงเท่านั้นที่กำลังคิดและเรียนรู้ระบบในหัวของเขาโดยไม่ได้สนใจสถานการณ์รอบข้าง
“โอ้ ไอ้หนุ่ม เจ้าชื่ออะไรน่ะ”
กัปตันฉีที่เห็นเฉินเฉียงนั่งนิ่งไม่ไปไหน ก็ได้เข้าไปวางมือไว้ที่ไหล่ของเขาและถามออกมา
“...หืม...อ่า ข้าชื่อเฉินเฉียง”
เฉินเฉียงที่พึ่งรู้สึกตัวก็ได้รีบตอบออกไปในทันทีโดยยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไร
“ดี เฉินเฉียง พรุ่งนี้หลังอาหารเช้าเราไปพบกันที่สนามเด็กเล่นนะ แล้วก็นี่ ข้าให้เจ้า รับไปซะ”
หลังจากพูดจบ กัปตันฉีได้โยนอะไรบางอย่างให้เฉินเฉียงก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินจากไป
“......อะไรเนี่ย.....”
เฉินเฉียงที่กำลังถือแก่นคริสตัลในมือซ้ายนั้น ในตอนนี้ทำได้เพียงแสดงท่าทีงงๆในขณะจ้องมองของที่อยู่ในมือและหันไปดูคนอื่นๆที่กำลังจ้องเขาตาเขม็งเท่านั้น