ตอนที่ 53 ปะทะเดือดกับกูล(อ่านฟรี)
ตอนที่ 53 ปะทะเดือดกับกูล
ซวยแล้วไง...เรย์ชักปืนพกกึ่งอัตโนมัติ M1911A1ออกมาและเล็งไปที่กูลที่เข้ามาใกล้เขามากที่สุด ทั้งเรย์และกูลนั้นอยู่ห่างเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
แม้กูลจะลงมือเร็ว แต่มีคนที่ลงมือเร็วกว่าพวกกูลลัทธิมืดนั้นคือ คอนราด ที่ได้ลงมือไปตั้งแต่ตอนจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็กน้ำมันเงินแวววาวแล้ว โดยที่แทบไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่า ตอนที่มือของคอนราดซึ่งถือไฟแช็กลดลงมาแนบข้างลำตัว หลังจากที่ทำการจุดบุหรี่สูบ เปลวไฟจากไฟแช็กไม่ได้ดับ แต่กับมีเปลวเพลิงไหลออกมาและอัดแน่นรวมกันอยู่ที่ไฟแช็กในมือของคอนราดมากขึ้นเรื่อย ๆ แทน
พอฝั่งของกูลลงมือ คอนราดก็ลงมือตอบโต้ในทันทีเช่นกัน
เปลวไฟไหลออกจากไฟแช็กในมือของคอนราดอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะล้อมรอบทั้งตัวเขาและอีกสองไว้ตรงกลาง ทำให้ตอนนี้ระหว่างพวกเขาและกูลมีกำแพงเพลิงขวางกั้นอยู่
สีหน้าของกูลทั้งสามนั่นแปรเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ พวกมันพยายามหยุดพุ่งเข้าไปหากำแพงเพลิงพร้อมยกมือขึ้นป้องกันไปด้วย เพราะรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
บึม!!!
เปลวไฟก็ระเบิดออกพร้อมกับส่งแรงกระแทกที่รุนแรงกวาดเอาตัวของกูลทั้งสามลอยกระเด็นไปกลางอากาศกระแทกเข้ากับกรงขังรอบ ๆ ในโกดังจนมีสภาพพังยับเยิน กูลทั้งสามลุกขึ้นมาจากกองซากเหล็กของกรงที่พังด้วยสีหน้าที่น่าเกลียด ที่ชุดมีรอยไหม้เล็กน้อย
แต่นอกนั้นก็ไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรอีก
“แยกพวกมันออกจากกัน” กูลตนหนึ่งก่อนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น ถึงอย่างนั้นมันยังคงไม่สติหลุดไปก่อน เพราะรู้ว่าทุกการต่อสู้นั้นหมายถึงความเป็นและความตาย
กูลรู้ว่าถ้าสู้ซึ่งหน้าพร้อมกันสามต่อสามคงยากจะจัดการลงได้ ดังนั้นต้องรีบเก็บคนอ่อนแอลงก่อน และเป้าหมายก็ยังคงเป็นเรย์เช่นเดิม เนื่องจากเรย์นั้นเป็นผู้ใช้พลังเวทมนตร์ ซึ่งเป็นตัวแปรที่กูลอย่างพวกตนไม่ชอบมากที่สุด
หนึ่งในกูลผู้มีศีรษะโล้นฉีกยิ้มออก ก่อนจะคว้าบางอย่างออกมาจากผ้าคลุม มันคือปืนกลมือทอมป์สัน และเปิดฉากยิงปะทะกับทีมคอนราดทันที
“แยก!” คอนราดกล่าวออกมา ก่อนที่ทั้งสามจะแยกกันหลบกระสุนปืน กูลอีกสองก็วิ่งไล่ตามคอนราดและโบเวน ตอนนี้ทำให้เหลือเรย์เพียงคนเดียวในบริเวณนี้ ซึ่งเรย์กำลังเผชิญหน้ากับกูลผู้ใช้ปืนกลมือทอมป์สันยิงถล่มไม่ให้เขาหนีไปได้
ตอนนี้เป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่มีฝั่งไหนเสียเปรียบในด้านจำนวน แต่ในด้านการต่อสู้นั้นคงต้องวัดกันอีกที
“แกเสร็จฉันแน่” กูลต้นที่เปิดฉากยิงด้วยปืนกลเบาเบรนพยายามยิงถล่มเรย์ที่หลบอยู่ด้านหลังโต๊ะซึ่งโต๊ะนี้ก็ไม่อาจจะต้านทานการโจมตีจากปืนกลได้ แต่ยังดีที่มันช่วยลดความรุนแรงของกระสุนปืน อีกทั้งยังมีเกราะที่เรย์สวมอยู่ซึ่งช่วยเขาไว้ได้มาก
“แบบนี้ไม่ดีแล้ว” เรย์ที่นอนขดหลบกระสุนอยู่หลังโต๊ะเปิดหนังสือเวทมนตร์ขึ้นมา ก่อนจะร่ายคาถาและเล็งไปยังตำแหน่งของกูลที่ยิงถล่มเขาอยู่ โดยอาศัยการคาดการณ์ระยะเอาเท่านั้น
บึม!
“บัดซบ” กูลตนนั้นสบถออกมาด้วยท่าทีตกใจ ก่อนจะกระโดดหนีด้วยความร้อนรน
บอลเพลิงของเรย์นั้นเต็มไปด้วยแรงระเบิด แถมยังเผาทำลายสิ่งที่อยู่ในระยะอย่างรุนแรงซึ่งไม่สนใจว่าจะไกลแค่ไหน ถ้าไปถึงหลังทำลายของมันก็ยังคงแสดงได้อย่างเต็มกำลัง
และที่คือความต่างของผู้ใช้พลังเวทมนตร์กับผู้ใช้พลังจิตที่ต้องสนใจระยะของพลังตนเองให้ดี และเป็นเหตุผลที่ผู้ใช้พลังเวทมนตร์นั้นรับมือได้อยาก ซึ่งเรย์ที่โจมตีไปที่กูลทำให้มันต้องหลบจนไม่สามารถยิงปืนใส่เขาได้อีก เรย์ก็ไม่รอช้ารีบพุ่งออกมาจากหลังโต๊ะที่เต็มไปด้วยรูพรุน ก่อนจะจัดคาถาบอลเพลิงให้มันไปอีกหนึ่ง
“คาเซเบธ (บอลเพลิง)” เรย์ยกมือทำท่าสั่งการบอลเพลิงเคลื่อนตัวยิงออกไปด้วยความเร็ว อัดเข้าใส่ตัวของกูลที่พึ่งหนีออกมาจากบอลเพลิงลูกแรกเข้าไปอย่างเต็มแรง
บึม!
บอลเพลิงระเบิดใส่ตัวของกูลจนมันลอยละลิ่วไปตามแรงปะทะ ก่อนจะชนเข้ากับผนังโกดังที่ฉาบด้วยชั้นปูน ซึ่งในตอนนี้ปูนบริเวณที่กูลกระแทกลงไปนั้นมีลอยไหม้สีดำกระจายรอบและยังเกิดเป็นรอยแตกร้าว ผนังปูนชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่แตกหลุดร่วงหล่นลงพร้อมกับตัวของกูลที่นอนนิ่งในสภาพเสื้อผ้าไหม้เกรียมดำและมีควันลอยขึ้นมาคล้ายกับมันโดนย่างจนสุกเกรียม
ขณะเดียวกันทางด้านของคอนราดผู้ใช้พลังจิตระดับ 5 ซึ่งได้ควบคุมเปลวไฟโจมตีใส่กูลซึ่งมีพลังระดับเดียวกับเขาอยู่ แม้ทางด้านกูลจะเสียเปรียบ ทำได้เพียงแต่กระโดดหลบไฟของคอนราดไปมาโดยอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งและรวดเร็วเป็นหลัก
แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของคอนราดก็ไม่ได้ลดการระวังลงแม้แต่น้อย
“ยังไม่ยอมเผยตัวอีกอย่างนั้นเหรอ” คอนราดกล่าวขณะที่หมุนตัวหลบพร้อมส่งเปลวไฟล้อมรอบตัวของกูลหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่สุดในกูลทั้งามในที่นี้
“ฮี่ ๆ ๆ ทำไมแกต้องรีบด้วยล่ะฉันมีเวลาเล่นกับแกอย่างเหลือเฟือเลย” กูลหนุ่มผู้แข็งแกร่งสุดวิ่งไปด้วยความเร็วกระโดดไปมาก่อนจะยิงปืนกลมือทอมป์สันถล่มใส่คอนราด
คอนราดควบคุมเปลวไฟสร้างเป็นกำแพงเพลิงปัดบังกระสุนทั้งหมดที่ยิงใส่เข้ามา แต่ดูเหมือนกูลจะไม่สนใจมันยังคงโจมตี คอนราดด้วยกระสุนปืนทั้งหมดที่มี
“แกจะมีไวไฟให้ใช้อีกมากเท่าไหร่?” กูลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก
“หึ” คอนราดไม่สนใจคำพูดของกูล เขารู้ว่ามันก็แค่ต้องการจะถ่วงเวลาเท่านั้น และที่สำคัญกูลเหล่านี้พวกมันยังไม่ยอมเอาจริงสักที
“พวกแกละทิ้งความเป็นคน กลายเป็นปีศาจของลัทธิมืด ตอนนั้นฉันน่าจะสังหารพวกลัทธิมืดให้หมด ครั้งนี้ฉันจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนในครั้งที่แล้วอีก คราวนี้ลัทธิมืดจะต้องสูญสิ้นไปจากโลกใบนี้จริงๆ” คอนราดคราวนี้พูดจบ เขาก็ล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม ก่อนจะหยิบขวดแก้วที่เต็มไปด้วยเลือดสีขาว และปาออกไปหากูลหนุ่มทันที
กูลพอเห็นขวดเลือดสีขาวลอยมา ท่าทางของมันก็เปลี่ยนเป็นจริงจังไม่ทันที
คอนราดควบคุมไฟพุ่งเข้าใส่ในขวดเลือดสีขาวทั้ง 4 ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ทันทีที่เป็นไฟสัมผัสกับขวดเลือดสีขาวมันก็เกิดระเบิดเพลิงขนาดใหญ่ขยายปกคลุมเหนือหัวของคอนราดและกูล ก่อนจะรวมตัวกันและขดตัวเป็นเพลิงหมุนเชื่อมต่อกับคอนราด
คอนราดใช้มือสัมผัสกับปลายด้านหนึ่งของหมุนก่อนจะใช้พลังจิตบังคับมันให้หมุนวนรอบกูล เขาคิดจะเผากูลไปในครั้งเดียว
“อ๊า…แกต้องตาย” กูล ลองมาด้วยความเจ็บปวด มันถูกไฟของคอนราดเผาทั้งเป็นจนมีสภาพน่าสมเพช แต่ถึงอย่างนั้นกูลตนนี้ก็ไม่ยอมตายง่าย ๆ
กูลร้องคำรามรอกับเสียงของสัตว์ป่า ก่อนจะเริ่มลงมือจริงๆ สักที ผ้าคลุมสีดำที่สภาพเต็มไปด้วยรอยไม่ถูกดึงออกจากตัว ก่อนที่จะเผยให้เห็นว่าร่างกายของมันแม้จะมีรอยจากการโดนเผาด้วยเปลวไฟแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บถึงขั้นร้ายแรง
“เตรียมตัวตาย” กูลหันมาแสยะยิ้มให้กับคอนราด ด้วยความสยดสยอง ก่อนที่ดวงตาของมันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดต่างจากมนุษย์ปกติทั่วไป ฟันในปากเริ่มแหลมคมขึ้นเรื่อยๆ เล็บที่ยาวยื่นออกมาราวกับใบมีด แขนและขายืดยาวขึ้นกว่าปกติ ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดราวกับคนตาย อีกทั้งใต้ผิวหนังยังมีเส้นเลือดปูดบวมขึ้นมาราวกับมีหนอนไชไปทั่วใต้ผิวหนังของมัน
ตอนนี้กูลหนุ่มผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้เปลี่ยนร่างเป็นกูลจริง ๆ แล้ว มนุษย์ที่มีพลังของซอมบี้ ทั้งยังคงสติปัญญาไปได้ และกลืนกินเลือดเนื้อมนุษย์ไม่ต่างจากซอมบี้ นี่คือร่างกูลของพวกมัน ทั้งยังเป็นเหตุผลที่เจ้านายขอพวกลัทธิมืด เพิ่งรู้จักกันในนาม “กูล (ปอป)”
“ฮี่ ๆ ๆ” กูลหัวเราะเรากับคนที่เสียสติไปแล้ว มันไม่สนการโจมตีจากเปลวไฟของคอนราดอีก ก่อนจะหันไปคว้าเส้นเหล็กของกรงเหล็กที่พังอยู่ใกล้ๆ ออกมา ใช้เหล็กเส้นที่อยู่ในมือทั้งสองข้างเป็นเหมือนกับดาบและพุ่งเข้าฟันใส่คอนราด
ขณะเดียวกันทางด้านของโบเวน ด้วยความที่เขาเป็นผู้ใช้พลังกายภาพ ที่ต้องเจอกับกูลที่มีพลังกายภาพเช่นเดียวกัน ทั้งสองจึงเลือกวิธีการปะทะกันตรงๆ แทน
โบเวนกระโดดขึ้นสูงก่อนจะใช้มีดสปาต้าในมือทั้งสองข้างฟันลงสุดแรงเกิดใส่กูล ที่รอรับการโจมตีอยู่ข้างล่างโดยมันใช้ปืนกลมือทอมป์สันขวานมีดสปาต้าฟันลงมาของโบเวน
ปืนกลมือ Thompson แม้จะมีส่วนประกอบของเหล็กแต่ก็ถูกการโจมตีของโบเวนบดขยี้จนหักครึ่ง ดาบสปาต้าทั้งสองในมือของโบเวน ฟันลงข้าวใส่ไหล่ทั้งสองข้างของกูลร่างใหญ่
สัมผัสแรกที่รู้สึกคือดาบสปาต้าฟันลงไปในเนื้อใส่แล้วก็ไม่อาจจะตัดผ่านกระดูกไหล่ทั้งสองข้างของกูลไปได้อีก โบเวนที่ยืนประจันหน้ากับกูล ก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น
กูลร่างใหญ่ยิ้มให้กับโบเวน ก่อนที่มันจะเปิดปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมกัดเข้าที่ไหล่ของโบเวน เปิดเพราะโบเวนสวมชุดเกาะยุทธวิธีระดับสูงซึ่งกันได้แม้แต่กระสุนปืน ทำให้ฟันของกูลร่างใหญ่นั้นกีดเข้าเกราะไหล่ซึ่งเป็นแผ่นเหล็กหนาเข้ายังเต็มแรง
โบเวนถ้าปล่อยไว้แบบนี้มีหวังเกราะไหล่ของเขาโดนกูลฉีกไม่เหลือชิ้นดีแน่ เขารีบดึงดาบสปาต้าออกจากไหล่ของกูล แต่มันดันติดแน่น ทำให้ไม่มีทางเลือกจึงต้องปล่อยให้ดาบสปาต้าฟันคาไหลของกูลไว้ทั้งอย่างนั้น
และหันมาโจมตีด้วยมือเปล่าแทน โบเวนใช้มือข้างซ้ายบีบไปที่ลำคอของกูล ก่อนจะใช้กำปั้นข้างขวาต่อยไม่ยั้งเข้าไปที่ศีรษะของกูลไปไล่หมัดอีกทั้งยังสับศอกเข้าไปที่คำว่าของมันอย่างแรง
กูลร่างใหญ่ไม่มีทางเลือกจึงต้องหน้าปากปล่อยโบเวน แต่แน่นอนว่ามันไม่ยอมโดนโจมตีแต่เพียงฝ่ายเดียว ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นจากการกลายเป็นร่างกูลเต็มตัว มันใช้กรงเล็บควรเข้าไปเต็มแรงที่บริเวณหน้าอกของโบเวน
จนเกิดเป็นประกายไฟเมื่อกรงเล็บปะทะกับชุดเกาะยุทธวิธีระดับสูงมีบางส่วนซึ่งไม่ได้เป็นแผ่นเกราะเกิดรอยฉีกขาด
“อ๊า…” ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดโบเวนผลักตัวถอยออกมาจากกูลในทันที
ทางด้านของกูลก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าโบเวน หัวของมันมีรอยแตกเปิดเป็นแผลลากยาวจากการโดนศอกของโบเวนฟันในครั้งสุดท้าย แถมไหล่ทั้งสองข้างยังมีดาบสปาต้าฟันคาอยู่
“แกต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำในครั้งนี้” กูลร่างใหญ่ร่วมมือทั้งสองข้างไปดึงมีดสปาต้าจากไหล่ออก แล้วโยนทิ้งไปด้านข้างยังไม่สนใจ มันมองไปที่โบเวนด้วยดวงตาแดงฉานดุจโลหิต
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงคำรามมาจากอีกฝั่งนึ่งของกูล ซึ่งเป็นกูลหัวล้านที่ต่อสู้กับเรย์อยู่
….
Witterry : ตอนนี้ไรท์เตอร์รถล้มต้ั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2565 ได้แจ้งไปแล้วในเพจ มือขวาซ้นเจ็บหนัก นิ้วซ้ายเจ็บ ขาขวาเขียวช้ำ เลยอาจจะไม่ได้ลงนิยายไปหลายวันไม่ว่าจะทั้งเรื่อง ผ่ามิติปริศนาซอมบี้ หรือเกมราชันสงครามออนไลน์ เพราะพักรักษาตัวก่อน แต่ใจอยากเขียนตอนนี้ไรท์เตอร์ก็เลยลองใช้เขียนด้วยเสียงใน google doc แทนไปก่อนเท่าที่ได้ครับ เพราะมือยังใช้ไม่ได้ครับ
ยังไงก็รอหน่อยนะครับหายแล้วจะมาลงเรื่อย ๆ ทั้งสองเรื่องเลยครับ