ตอนที่แล้วWS บทที่ 392 ต่อสู้อีกครั้ง PART 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 394 พิชิตหอคอยแห่งรูนอีกครั้ง PART 2

WS บทที่ 393 พิชิตหอคอยแห่งรูนอีกครั้ง PART 1


กำลังโหลดไฟล์

บนชายหาดที่เงียบสงบ มีแสงสีขาวปรากฏขึ้นและนักเวทย์ที่เคร่งขรึมสองสามคนก็โผล่ออกมาจากแสงสีขาว

“ในที่สุดเราก็กลับมาถึงดินแดนมนต์ดำ พ่อมดเมอร์ลิน สถานการณ์ในตอนนี้มันร้ายแรงเกินไป เราต้องรีบรายงานให้พวกเขารู้”

ทั้งสี่คนนี้คือพ่อมดเมอร์ลิน พ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ พวกผ่านการเดินทางไปยังป้อมปราการทรายดำและรอดพ้นหายนะที่เกิดขึ้นที่นั่นได้ ด้วยการโจมตีอย่างกะทันหันจากออสมูทำให้ป้อมปราการทรายดำเกิดความโกลาหลและองค์กรนักเวทย์จำนวนมากประสบความสูญเสียที่ไม่สามารถประเมินค่าได้

แม้ว่ากลุ่มนักเวทย์จากที่ต่าง ๆ ที่เป็นตัวแทน ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ขององค์กรก็ตามแต่พวกเขาก็ประกอบด้วยอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากองค์กรเหล่านี้ ตอนนี้พวกเขาถูกสังหารโดยการโจมตีที่คาดไม่ถึงจากออสมู โลกของนักเวทย์ทางใต้ทั้งหมดจะพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เรื่องนี้ร้ายแรงเกินไป ดังนั้นจะต้องรายงานไปยังเบื้องบนของดินแดนมนต์ดำทันทีเพื่อให้พวกเขาเริ่มหาวิธีรับมือ นอกจากนี้ ดินแดนมนต์ดำยังสูญเสียนักเวทย์ระดับเจ็ดไปถึงสามคนและพ่อมดลีโอผู้ทรงพลังซึ่งมีดวงตาแห่งความมืด นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ต่อดินแดนมนต์ดำ

“ตกลง เรารีบไปกันเถอะ!”

เมอร์ลินตกลงและรีบวิ่งเข้าไปในดินแดนมนต์ดำพร้อมกับพ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ

*หวู่ม*

เมื่อพวกเขาก้าวผ่านม่านแสง หอคอยสูงหลายหลังที่ทอดยาวไปถึงหมู่เมฆก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของเมอร์ลิน ดินแดนมนต์ดำที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง

“พ่อมดเมอร์ลิน คุณกลับมาแล้ว!”

เมื่อกลับมาถึงดินแดนมต์ดำ เมอร์ลินก็ได้รับการต้อนรับโดยนักเวทย์ระดับสี่ เขารออยู่ที่นั่นเพื่อต้อนรับพวกเขา

"ใช่ พวกเรากลับมาแล้ว ช่วยพาฉันไปที่หอคอยพ่อมดระดับเจ็ดที ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะต้องรายงานพวกเขา”

เมอร์ลินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

"อืม? พ่อมดฮิวเซียสและคนอื่น ๆ พวกเขายังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

เมื่อนักเวทย์ระดับสี่ที่กำลังรอพวกเขาอยู่เห็นว่าพ่อมดฮิวเซียสและคนอื่น ๆ ไม่ได้ตามหลังพวกเขามา ใบหน้าของเขาก็เริ่มกังวลขึ้นมาทันที

“พวกเขาติดธุระบางอย่าง ดังนั้นพวกเขาจะไม่กลับมาอีกสักพัก พวกเรามีเรื่องต้องรายงานกับทางนักเวทย์ระดับเจ็ดจริง ๆ”

พ่อมดเอนเวียก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

นักเวทย์ระดับที่สี่เหล่านี้เป็นเพียงบริวารของพ่อมดระดับเจ็ดและตระหนักดีถึงสถานะอันสูงส่งของเมอร์ลินในดินแดนมนต์ดำ เมอร์ลินมีสถานะสูงกว่าเขา ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและนำเมอร์ลินและคนอื่น ๆ ไปที่หอคอยพ่อมดระดับเจ็ดทันที

เนื่องจากพวกพ่อมดเอนเวียไม่มีคาถาบิน นักเวทย์ระดับสี่จึงบินช้ามากและเหนื่อยหอบตลอดทางขณะที่เขาส่งพ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ ไปยังหอคอยพ่อมดระดับเจ็ด

“กรุณารออยู่ที่นี่ ฉันจะแจ้งท่านพ่อมดมอร์สทราบ!”

ต่อจากนั้น นักเวทยระดับสี่ก็หายตัวไป ปล่อยให้เมอร์ลินและคนอื่น ๆ รออยู่ในหอคอยนักเวทย์

ผ่านไปครู่หนึ่ง นักเวทย์สูงอายุแต่ดูมีชีวิตชีวาและแข็งแรงก็ปรากฏตัวขึ้นจากส่วนลึกของหอคอย

“เมอร์ลิน คุณมีเรื่องอะไรจะรายงานงั้นเหรอ?”

พ่อมดคนนี้เป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดของดินแดนมนต์ดำคล้ายกับพ่อมดฮิวเซียส เขาเป็นหนึ่งในแกนหลักของดินแดนมนต์ดำ

“พ่อมดมอร์ส มันเป็นสิ่งที่สำคัญจริง ๆ เกี่ยวกับการเดินทางไปป้อมปราการทรายดำ”

เมอร์ลินยืนขึ้นและเหลือบมองที่ผู้ติดตามของพ่อมดมอร์สซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเขา

เมื่อเห็นการจ้องมองของเมอร์ลิน พ่อมดมอร์สก็เข้าใจโดยทันที ถ้าเมอร์ลินต้องระมัดระวังขนาดนี้ มันจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายจริง ๆ นอกจากนี้ความจริงที่ว่าพ่อมดฮิวเซียสและคนอื่น  ๆ ไม่ได้กลับมาก็ทำให้เกิดข้อสงสัยเช่นกัน

ดังนั้น พ่อมดมอร์สจึงโบกมือให้บริวารออกไป เหลือเพียงนักเวทย์สี่คนและตัวเขาเอง

"บอกฉันสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมฮิวเซียสและคนอื่น ๆ ถึงยังไม่กลับมาอีก?”

สีหน้าของพ่อมดมอร์สดูจริงจังในขณะที่เขาจ้องมองพวกเขาอย่างตั้งใจ

“พ่อมดฮิวเซียสและคนอื่น ๆ ได้จากเราไปแล้ว พวกเขาจะไม่กลับมาอีกต่อไป แม้แต่พ่อมดลีโอก็เสียชีวิตระหว่างทางกลับที่พยายามจะปกป้องพวกเรา”

พ่อมดเอนเวียเป็นคนพูด เขากำหมัดแน่น หวนนึกถึงฉากในหัวของเขาเมื่อพ่อมดลีโอเผชิญหน้ากับจอมเวทย์ขาวดำ พวกเขาจะไม่มีวันลืมมัน หากตอนนั้นไม่มีพ่อมดลีโอ ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

"อะไรนะ? พวกเขาตายแล้ว? มันเกิดอะไรขึ้น? ช่วยเล่าทุกอย่างให้ฉันรู้ที!”

สีหน้าของพ่อมดมอร์สเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงราวกับว่าเขาไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ความผันผวนของพลังธาตุจำนวนหนึ่งเริ่มปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของเขา เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาวิตกกังวลอย่างมาก

“จอมเวทย์ขาวดำจากออสมูนำสมาชิกของออสมูมาและบุกโจมตีป้อมปราการทรายดำ ด้วยการโจมตีอย่างกะทันหันของพวกเขาทำให้การประชุมสุดยอดต้องหยุดชะงักและทำให้องค์กรนักเวทย์สูญเสียไปอย่างมหาศาล แม้ว่าป้อมปราการทรายดำจะสามารถสวนกลับให้ออสมูล่าถอยได้ในที่สุด แต่องค์กรนักเวทย์จำนวนมากก็ถูกโจมตีอีกครั้งจากการซุ่มโจมตีจากออสมูในระหว่างทางกลับ นอกจากผู้รอดชีวิตที่โชคดีเพียงไม่กี่คนแล้ว ตัวแทนเกือบทั้งหมดจากองค์กรนักเวทย์ทุกคนได้ตายไปหมดแล้ว!”

แม้ว่าเมอร์ลินจะมีท่าทางสงบนิ่งซึ่งไม่ได้แสดงอารมณ์ขุ่นเคืองในน้ำเสียงของเขา ทุกคนก็ยังรู้สึกถึงความหนักอึ้งในใจของพวกเขา พวกเขาสูญเสียพ่อมดลีโอ พ่อมดฮิวเซียสและคนอื่น ๆ ที่ล้วนเป็นแกนหลักของดินแดนมนต์ดำ

ดินแดนมนต์ดำเป็นองค์กรขนาดเล็กและยังห่างไกลจากยุครุ่งเรืองของจอมเวทย์ฟิเดล การสูญเสียนักเวทย์ระดับเจ็ดหนึ่งคนก็ยังแย่มากพออยู่แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้เสียนักเวทย์ระดับเจ็ดสามคนไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ พ่อมดลีโอที่มีพลังเกือบจะเทียบเท่ากับนักเวทย์ระดับเจ็ดก็เสียชีวิตด้วย

ความสียหายนี้ ทางดินแดนมนต์ดำไม่สามารถแบกรับได้!

ต่อจากนั้น พ่อมดมอร์สก็ถามต่อไปอย่างระมัดระวังซึ่งเมอร์ลินและคนอื่น ๆ ได้รายงานรายละเอียดทั้งหมดตามที่พวกเขารู้

“เมอร์ลิน เธอฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดจริง ๆ งั้นหรือ?”

เมื่อพ่อมดมอร์สได้ยินว่าพ่อมดลีโอมอบดวงตาแห่งความมืดให้เมอร์ลิน เขามองเมอร์ลินด้วยสายตาที่ประหลาดใจ

เมอร์ลินไม่ตอบ เขายกมือขึ้นและแสดงดวงตาแนวตั้งสีแดงเลือดที่กะพริบในฝ่ามือของเขา มันดูน่าขนลุกมาก

เมื่อเห็นดวงตาสีแดงเลือด สายตาของมอร์สยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก ดูเหมือนเขาจะอยากพูดอะไรแต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหัว

“เอาล่ะ พวกเธอกลับไปพักผ่อนกันก่อน ฉันจะแจ้งให้พ่อมดระดับเจ็ดคนอื่น ๆ ทราบเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากมีอะไรเพิ่มเติม เราจะแจ้งให้พวกเธอทราบทันที”

พ่อมดมอร์สโบกมือ จากนั้นเมอร์ลินและคนอื่น ๆ ออกจากหอคอยพ่อมดไป

“เฮ้อ…”

เมื่อพวกเขาออกจากหอคอยแล้ว พ่อมดเอนเวียก็หายใจออกอย่างหนัก เขาเดินไปไม่กี่ก้าวไปหาเมอร์ลินและกระซิบว่า “พ่อมดเมอร์ลิน คุณคิดว่าทางเบื้องบนจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้โลกของนักเวทย์ทางตอนใต้กำลังจะตกอยู่ในความโกลาหล คุณควรรีบกลับไปและสร้างคาถาระดับสี่เพิ่มเติม!”

เมอร์ลินมีลางสังหรณ์ว่านี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของยอดภูเขาน้ำแข็ง ออสมูไม่เพียงแต่บุกรุกองค์กรขนาดใหญ่เช่น ป้อมปราการทรายดำแต่ยังสังหารนักเวทย์จำนวนมากอีกด้วย พฤติกรรมที่บ้าคลั่งดังกล่าวสอดคล้องกับชื่อเสียงของออซมู พวกเขามักจะทำตัวไร้เหตุผลอย่างอุกอาจ

อย่างไรก็ตาม คราวนี้ออสมูล้ำเส้นเกินไป การกระทำของพวกเขาอาจรวมโลกของนักเวทย์ทางตอนใต้ไว้ด้วยกัน หากองค์กรขนาดใหญ่ทั้งสามตัดสินใจที่จะทำงานร่วมกัน พวกเขาจะจัดตั้งพันธมิตรที่น่าเกรงขาม

หากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น การเผชิญหน้าที่แท้จริงกับออซมูย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในฐานะที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของโลกนักเวทย์ทางใต้นั้น ดินแดนมนต์ดำจะต้องมีส่วนร่วมอย่างแน่นอน

พ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ พยักหน้าอย่างเข้าใจ การเดินทางไปยังป้อมปราการทรายดำครั้งนี้ทำให้พวกเขาตระหนักถึงความบกพร่องในความสามารถของตนเอง แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะและถูกวางไว้แนวหน้าของดินแดนมนต์ดำ

เมื่อพวกเขาไปถึงป้อมปราการทรายดำ พวกเขาไม่สามารถผ่านรอบแรกและรอบที่สองได้ ช่องว่างในความสามารถของพวกเขากว้างเกินไป ดังนั้น ในช่วงเวลาที่นักเวทย์ทางใต้ใกล้จะเข้าสู่ความโกลาหล สิ่งสำคัญอันดับแรกของพวกเขาต้องทำคือการฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลังของพวกเขา

“พ่อมดเมอร์ลิน แม้ว่าดวงตาแห่งความืดจะทรงพลังจริง ๆ แต่ก็เป็นพลังต้องสาป ถ้าคุณไม่เข้าตาจนจริง ๆ ฉันคิดว่าคุณไม่ควรใช้พลังของมันบ่อยนัก”

พ่อมดเอนเวียมองดูเมอร์ลินเป็นเวลานานและเตือนเขาอย่างจริงใจ

“พลังต้องสาป!”

เมอร์ลินเอียงศีรษะมองไปที่ดวงตาแห่งความมืดในฝ่ามือของเขา เขาสัมผัสได้ถึงความมืดและกลิ่นอายของความตายที่ไหลออกมาจากมัน เขาตระหนักดีถึงอันตรายที่เกิดจากดวงตาแห่งความมืดดีกว่าใคร

ตอนนี้มีการป้องกันเพียงอย่างเดียวคือ แมกซิมแห่งไฟซึ่งคอยระงับพลังของมันไว้

อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินรู้ว่าเขาไม่สามารถพึ่งพาแม็กซิมแห่งไฟได้เพียงอย่างเดียว เนื่องจากดวงตาแห่งความมืดจะค่อย ๆ ลดทอนพลังงานของแม็กซิมแห่งไฟ เขาต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สามด้วยตัวให้โดยเร็วที่สุด นั่นคือความสำคัญสูงสุดของเขา

เนื่องจากเมอร์ลินเป็นเจ้าของดวงใจแห่งความมืดและได้สร้างคาถาธาตุมืด เขาจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับพลังของเวทมนตร์ธาตุมืด เขาเหมาะที่จะฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพ่อมดลีโอ

เพื่อควบคุมรูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืด วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือการสร้างคาถาธาตุมืดระดับสี่ เมอร์ลินยังขาดพลังจิตแต่เขายังโชคดีที่เขามีส่วนผสมสำหรับน้ำยาโมครามากกว่าหนึ่งพันชุดซึ่งมอบโดยองค์ชายแปด

เขามีส่วนผสมมากมายที่ถึงแม้จะมีอัตราความสำเร็จสามสิบเปอร์เซ็นต์ เขาก็สามารถผลิตน้ำยาโมคราได้อย่างน้อย 300 ขวด ถ้าเขาดื่มพวกมันทั้งหมด เมอร์ลินเองก็ไม่แน่ใจว่าพลังจิตของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมากเพียงใด

เมื่อพลังจิตของเขาเพิ่มขึ้น มันก็จะง่ายต่อการสร้างคาถา ตอนนี้เมอร์ลินต้องไตร่ตรองว่าจะสร้างคาถาระดับสี่โดยใช้มาจากการใช้แม็กซิมของเดอะเมทริกซ์หรือเพียงแค่สร้างจากคาถาระดับสี่ที่มีอยู่

การตัดสินใจครั้งนี้สำคัญมากเพราะจะส่งผลต่อเส้นทางในอนาคตของเมอร์ลิน ดังนั้นเขาจึงต้องพิจารณาทางเลือกทั้งสองอย่างรอบคอบ

ทั้งสองตัวเลือกมีข้อดี หากเป็นคาถาระดับสี่ที่มาจากเดอะเมทริกซ์ เวทมนตร์เหล่านี้จะเหมาะกับเมอร์ลินมากกว่าและเหนือกว่าคาถาที่มีอยู่ในทุก ๆ ด้าน อย่างไรก็ตาม มันจะต้องแลกกับพลังงานของแม็กซิม

บางทีแม็กซิมแห่งไฟอาจเพียงพอชั่วคราวสำหรับเมอร์ลินที่จะได้รับคาถาระดับสี่ทั้งหมดแต่ในอนาคต หากเขาจะต้องได้รับคาถาระดับห้า หกหรือแม้แต่เจ็ด เขาจะเอาพลังงานของแม็กซิมที่ไหนมาใช้ในการสร้าง ดังนั้นเมอร์ลินจึงต้องคำนึงถึงผลที่ตามมาในระยะยาวด้วย

เมอร์ลินไม่สามารถตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่งได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเริ่มสร้างคาถาระดับสี่ เมอร์ลินมีที่อื่นให้ไป นั่นก็คือ หอคอยแห่งรูน!

ก่อนหน้านี้ เมอร์ลินไม่สามารถผ่านชั้นที่เจ็ดได้แต่ตอนนี้ด้วยดวงตาแห่งความมืด เขามั่นใจที่จะลองท้าทายอีกครั้ง เมื่อเขาสร้างคาถาระดับสี่ได้สำเร็จและกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ เขาจะไม่มีโอกาสพิชิตหอคอยแห่งรูนได้อีก

บนชั้นที่เจ็ดของหอคอยแห่งรูนมีสมบัติที่จอมเวทย์ฟิเดลทิ้งไว้ยังคงอยู่ แน่นอนว่าเมอร์ลินไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เมอร์ลินจึงตัดสินใจไม่กลับไปที่หอคอยพ่อมดลีโอและบินไปที่หอคอยแห่งรูนแทน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด