ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 179 มันเป็นคำสั่ง
ตอนที่ 179 มันเป็นคำสั่ง
ยารักษาระดับตำนาน!
ของที่กำลังอยู่ในมือแวมไพร์ก็คือยารักษาระดับตำนานที่อยู่เหนือชั้นการยารักษาระดับสูงที่สามารถรักษาได้ทุกโรคของมนุษย์ หรือแม้แต่การต่อแขนต่อขาที่ขาดก็สามารถทำได้ แต่ทว่าตัวยาระดับตำนานที่แวมไพร์กำลังถืออยู่มันเป็นของที่อยู่ในระดับเหนือกว่านั้นเยอะ
เมื่อเอาออกมาแวมไพร์ก็เดินมาด้านหน้าเล็กน้อย “ตามจริงข้าก็ไม่ชอบที่ต้องมาใช้ยาระดับตำนานกับมนุษย์แบบนี้หรอก แต่มันก็ช่วยไม่ได้” พูดจบแวมไพร์ก็กรอกยาเข้าปากของราชาที่นอนจมกองเลือดอยู่
‘เมื่อกี้มันบอกว่าเป็นยาระดับตำนานงั้นเหรอ???’ ไคเซอร์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะอย่างที่รู้เพียงยาระดับสูงกว่าจะทำขึ้นมาได้มันก็ยากขนาดไหนแล้ว “นี่แกกำลังจะทำอะไรกันแน่”
ไคเซอร์ที่คิดสักพักก็พยามถามเสียงแข็งใส่แวมไพร์ด้านหน้า เพราะถึงตอนนี้ตัวเองจะมีทหารนับสิบคนคุ้มกันอยู่ก็ตามที แต่ถ้าสู้กันขึ้นมาโอกาสแพ้มันก็มีมากกว่าชนะแน่นอน เมื่อได้เห็นพละกำลังการสะบัดเลือดออกจากดาบเมื่อครู่ที่สามารถสร้างแรงลมมหาศาลในห้องได้
ระหว่างนั้น “แอ็ก… แอ็ก…” ราชาเริ่มไอออกมา แล้วบนร่างกายเองก็ไม่มีบาดแผลอะไรอยู่บนร่างกายราวกับว่าเรื่องโดนแทงเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ทว่าบนตัวและด้านหน้าก็ยังมีเลือดกองใหญ่นองอยู่เต็มไปหมด
“แบบนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรแล้วใช่ไหม ถ้างั้นพวกเรามาคุยกันต่อดีกว่าแต่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้เท่านั้น” แวมไพร์ชักดาบออกมาจากเอวของตนเพื่อเอามันจอคอของราชาเอาไว้ แบบไม่ให้สามารถขยับไปไหนได้
‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ความเจ็บเมื่อครู่หายไปแล้วสรุปตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นทำไมถึงได้มีปีศาจเผ่าแวมไพร์มาอยู่ตรงนี้ได้ แถมกำลังเตรียมฆ่าเราอยู่ด้วย’
ราชาที่ได้สติกลับมาในหัวเต็มไปด้วยความสงสัยกับสถานการณ์ตอนนี้ เพราะหลังจากที่รู้ว่าเจ็บมากก็หมดสติไป แล้วพอตื่นมาอีกทีเรื่องทั้งหมดด้านหน้ามันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว
“มีอะไรจะคุยก็ว่ามา!” ไคเซอร์กล่าวเสียงแข็ง ‘มันสามารถคืนชีพให้ท่านพ่อได้แบบนี้ยาเมื่อครู่คงเป็นของจริงแน่ ส่วนในเรื่องเวทย์ลวงตาก็ไม่นานใช่เพราะเราสัมผัสถึงเวทย์อะไรไม่ได้เลยตอนนี้’
เมื่อครู่หลังจากที่ราชาได้สติกลับมาไคเซอร์ก์คิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นภาพลวงตา เพราะเผ่าปีศาจถนัดในการใช้เวทย์มนต์ไม่ต่างจากเอลฟ์ จึงทำให้สามารถใช้เวทย์ได้หลายต่อหลายอย่าง ที่มนุษย์ไม่สามารถใช้ได้
“นี่แกคิดว่าตัวเองเป็นใครมาเรียกข้าแบบเสียมารยาทแบบนั้น ห่ะ” แวมไพร์แสดงท่าทางไม่พอใจแล้วกดดาบเข้าไปที่คอของราชาเล็กน้อยจนมีเลือดไหลออกมา แต่ไม่ได้ลึกจนถึงชีวิตหรือทำให้ตายได้ ‘เป็นเพียงมนุษย์ชั้นต่ำที่อยู่สูงกว่ามนุษย์คนอื่นนิดหน่อยมันกล้ามาเรียกเราแบบไร้มารยาทแบบนั้นได้ยังไง ชิ!’
สำหรับเผ่าแวมไพร์แล้วการโดนเรียกว่าเจ้าหรือแก มันนับว่าเป็นการเสียมารยาทมาก เพราะพวกนี้ถือตัวยิ่งกว่าขุนนางมนุษย์กันอีก
‘ชิ! ถึงจะเจ็บใจแต่ตอนนี้ต้องตามใจมันไปก่อนเพราะชีวิตท่านพ่อยังอยู่ในมือของมัน’
ตัวไคเซอร์รู้สึกไม่พอใจกับท่าทางของแวมไพร์ด้านหน้า แต่ทว่าเพื่อความปลอดภัยของราชาจึงทำให้ไม่มีทางเลือก
“ถ้าเช่นนั้นท่านต้องการอะไรจากพวกเรา ถึงได้บุกเข้ามาแล้วทำเรื่องแบบนี้” สีหน้าของไคเซอร์ระหว่างพูดมีรอยยิ้มเล็กน้อย เสียงที่พูดเองก็เป็นเสียงที่นุ่มนวลมากกว่าเมื่อครู่เยอะเพราะไม่มีทางเลือก แต่ในใจ ‘อยากฆ่ามันให้ตายไปเลย ชิ’
“อื้ม! แบบนี้ค่อยหน้าคุยหน่อย”
“เชิญท่านบอกเป้าหมายมาได้เลย”
“สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้… ไม่สิ! สิ่งที่ท่านราชาปีศาจหรือที่พวกเจ้าเรียกว่าจอมมารของพวกเราต้องการเพียงอย่างเดียวกับมนุษย์อย่างพวกเจ้า …นั่นก็คือการยอมแพ้อย่างไร้เงื่อนไข!” แวมไพร์บอกเป้าหมายของตัวเอง โดยระหว่างกำลังพูดก็ชูนิ้วชี้ขวาขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
‘นี่มันกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ทวีปปีศาจอย่างพวกมันไปมีราชาปีศาจตอนไหนได้ยินมาว่าพวกมันแตกออกเป็นเผ่านับร้อยเผ่าไม่ใช่หรือไง’ ไคเซอร์พรางคิดด้วยความแปลกใจ เพราะตามที่เคยได้ยินเกี่ยวกับทวีปปีศาจเรื่องมันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ‘แต่ว่าถ้าเรื่องที่มันพูดมาเป็นเรื่องจริงก็หมายความว่าตอนนี้มันรวมตัวกันได้แล้วนะสิ แล้วจอมมารที่มันกำลังพูดถึงมันเรื่องอะไรไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย???’
หลังจากที่แวมไพร์พูดจบบรรยากาศในห้องก็เงียบแบบกดดันทันที เพราะทั้งแวมไพร์และเหล่าทหารต่างรอคำตอบจากไคเซอร์กันหมด ทางราชาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ถ้าขยับคอแม้แต่นิดเดียวดาบได้แทงเข้าไปแน่ ซึ่งการที่มันทำแบบนี้ก็หมายความว่ามันต้องการให้ไคเซอร์เป็นคนตอบเองทั้งหมด
“ข้ามีสองคำตอบก่อนตอบ” ไคเซอร์ชูนิ้วสองนิ้วด้วยสีหน้าจริงจัง โดยเบนสายตาไปทางดาบที่อยู่กับคอราชาเล็กน้อย ‘เพื่อความปลอดภัยของท่านพ่อเราต้องใจเย็นก่อน แต่จะให้ตอบยอมแพ้ไปเลยก็ไม่ได้เช่นกัน’
“น่ารำคาญจริง …ว่ามามีอะไร?”
“หนึ่งข้ามีเวลาเท่าไหร่ในการตอบคำถามนี้ สองถ้าพวกเราตอบปฏิเสธท่านจะทำยังไงต่อกับประเทศแห่งนี้”
“หึ! คำตอบของแกมันก็ออกมาพร้อมคำถามแล้วไม่ใช่หรือไง ถ้าเอาตามตรงตัวข้าคงสังหารราชานี่ไปแล้วเมื่อได้ยินคำถามเมื่อครู่” สายตาของแวมไพร์เบนไปทางราชาพร้อมขยับดาบขึ้นเล็กน้อย “….แต่ว่าราชาปีศาจของพวกเราก็ได้กำชับเอาไว้ว่าให้เวลาพวกเจ้าได้ตัดสินใจ 1 เดือน ส่วนถ้าถามว่าจะทำอะไรถ้าไม่ยอมทำตามสิ่งที่บอก สิ่งที่รอพวกแกอยู่ก็มีเพียงความตายเท่านั้น!”
เมื่อพูดจบก็มีหยดเลือดจำนวนมากปกคลุมร่างกายของแวมไพร์เอาไว้ จนผ่านไปสักพักก็เต็มร่างกายทั้งตัว จากนั้นหยดเลือดทั้งหมดก็ระเหยเหมือนไอน้ำส่วนตัวของแวมไพร์เองก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน
‘นี่มันทำงานคล้ายเวทย์เคลื่อนย้ายเลย’ ไคเซอร์เข้าใจทันทีถึงสิ่งตรงหน้าเมื่อปีศาจแวมไพร์หายตัวไป
“ทหารจอมเวทย์ร่ายเวทย์ป้องกันการเคลื่อนย้ายอยู่ไหม?” ไคเซอร์เอ่ยถามทหารด้านข้างของตนทันทีหลังแวมไพร์หายตัวไป
โดยปกติแล้วในตัวพระราชวังหรือคฤหาสน์ของเหล่าขุนนาง จะมีการร่ายเวทย์ป้องกันการใช้เวทย์เคลื่อนย้ายเอาไว้ เพื่อป้องกันนักฆ่าหรือไม่ก็การโดนบุกแบบไม่ตั้งตัวอย่างที่ไคเซอร์กำลังเจออยู่ ถึงเวทย์จะเป็นเวทย์ที่ต้องใช้พลังมากแต่ในประเทศของมนุษย์ก็มีคนที่สามารถใช้มันได้อยู่บ้าง เลยต้องมีการป้องกันเอาไว้เพื่อความปลอดภัย
“มะ ไม่ได้ร่ายครับเพราะจอมเวทย์โดนสักพักหมด”
“นี่พวกแกเล่นบ้าอะไรกันอยู่ เรื่องสำคัญแบบนี้ไม่ทำไปเรียกพวกมันกลับมาแล้วมาร่ายเวทย์ทันที ไปเลย!!!” ไคเซอร์ตะโกนเสียงดังลั่นใส่ทหาร เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นอันดับแรก แต่ทว่ากลับโดนมองข้ามจึงรู้โมโหขึ้นมาเมื่อรู้ความจริงแบบนี้
“ครับท่าน!”
“ใจเย็นก่อนไคเซอร์โวยวายกับทหารตอนนี้ก็ไม่ได้อะไร” ราชากล่าวอย่างใจเย็น โดยสีหน้าเองก็แสดงถึงความวิตกออกมาอย่างชัดเจน ‘ตอนนี้เราต้องเตรียมรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด แล้วเมื่อครู่มันก็ใช้คำว่าทวีปซึ่งคนที่โดนเรื่องแบบนี้ไม่ใช่แค่พวกเราแน่’
ราชาเริ่มวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดเท่าที่จะสามารถจับใจความได้ เกี่ยวกับคำพูดของแวมไพร์ก่อนที่มันจะหายตัวไป
แต่ระหว่างนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“-รายงานจากหน่วยข่าวกรองเรื่องการรบกับสหราชอาณาจักรครับ!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาแล้วก็ตามด้วยเสียงของทหารแบบกำลังตื่นตกใจอะไรบางอย่าง ไคเซอร์กับราชาก็มองหน้าเข้าหากันด้วยความสงสัย
“เข้ามาได้!” ไคเซอร์ตอบรับเสียงของทหาร ‘ทางนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอีกละ ตอนนี้ปัญหาแค่ปีศาจแวมไพร์เมื่อครู่มันเอามาก็ลำบากพอแล้วนะ!’