ตอนที่แล้วต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 170 ออกหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 172 ความต้องการ

ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 171 สงสัย???


ตอนที่ 171 สงสัย???

“ข้าไล่พวกมันไปหมดแล้ว พูดมากอยู่นั่นแหละน่ารำคาญ” สีหน้าของเวโรนิก้าขณะพูดก็เบนไปหาไมล์เล็กน้อย ส่วนพวกขุนนางทั้งหมดก็โดนไล่ออกไปแบบที่เธอบอกจริงๆ

เมื่อได้ฟังทางไมล์ก็มองไปทางไคเซอร์ด้วยแววตาที่ต้องการให้ยืนยัน ทางไคเซอร์ก็ตอบเสียงแผ่วโดยท่าทางเกร็งๆ “เหมือนว่าพวกขุนนางกำลังยุยงให้ท่านพี่ลงโทษท่านตั้งแต่ที่แยกตัวมาแล้ว แต่พอมาถึงท่านพี่ก็ตะโกนด่าพวกนั้นใหญ่เลย”

“ไคเซอร์! อะไรเงียบได้ก็เงียบ” เวโรนิก้าเสียงแข็งใส่ไคเซอร์ที่เล่าเรื่องเมื่อครู่ให้ไมล์ฟังอยู่ เพราะเมื่อครู่พวกขุนนางได้พยามยุยงให้เธอลงโทษบารอนไมล์กันเป็นจำนวนมากเพราะเหล่าขุนนางที่ไม่พอใจไมล์มีจำนวนมาก

‘ไม่คิดเลยว่ายัยนี่จะช่วยเราด้วย’ ไมล์ยืนคิดด้วยความแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยิน โดยระหว่างที่กำลังคิดก็พรางมองเวโรนิก้าไปด้วย

“มีอะไร?” เวโรนิก้าที่หันมาสบตากับไมล์ถามด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์

“มะ ไม่มีอะไรครับ”

อื้ม! อย่าเข้าใจเรื่องเมื่อกี้ผิดด้วยล่ะ ข้าไม่ได้ยกโทษให้ท่านเรื่องการช่วยเหลือครั้งนี้ แต่รำคาญพวกขุนนางที่พยามสั่งข้านั้นเท่านั้นเอง”

เหอะๆ บอกไปตั้งหลายรอบแล้วยัยนี่ทำไมไม่รู้จักเข้าใจละเนี่ย… แต่ช่างมันเถอะตอนนี้สนใจเรื่องของราชาก่อนดีกว่า!’ ไมล์คิดในใจ จากนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับแล้วเดินไปที่ผนังของทางเดินแล้วพิงหลังเอาไว้เพื่อรอผลการรักษาของหมอในห้อง

สำหรับพวกหมอที่อยู่ในห้องก็คือพวกหมอฝีมือดีของไคเซอร์ตอนนี้ ซึ่งถ้าหมอในห้องไม่สามารถรักษาได้ในตอนนี้ภายในป้อมรักษาการณ์ก็คงไม่มีใครรักษาราชาได้อีกแล้ว ส่วนสาเหตุที่ไม่สามารถเข้าห้องไปดูการรักษาได้ก็เป็นเพราะสมาธิของหมอต้องอยู่ระดับสูงสุดในการรักษา

ซึ่งถ้าไคเซอร์หรือเวโรนิก้าเข้าไปในห้องพวกหมอต้องเกร็งเวลารักษาแน่นอน ก็เลยกำลังรอผลการรักษาอยู่ด้ายนอก ด้วยความรู้สึกร้อนใจกันทั้งสองคน ส่วนทางไมล์นั่นต่างออกไปเพราะกำลังคิดแผนรับมือในเรื่องที่เลวร้ายที่สุดแทน

‘ท่านพ่อจะเป็นอะไรไหมนะ แค่ธนูปักคงไม่เป็นอะไรสินะ’ ไคเซอร์คิดในใจด้วยความกังวล

‘ถ้าท่านพ่อเป็นอะไรไปไคเซอร์ต้องเป็นราชานะสิ แล้วประเทศนี้จะทำยังไง ปวดหัวจัง~ เวโรนิก้าคิดด้วยความวิตก เพราะตามลำดับแล้วถ้าราชาเป็นอะไรไปไคเซอร์ก็ต้องขึ้นครองราชย์ต่อทันที

ตัวของเธอเองก็เข้าใจดีว่าไคเซอร์ยังไม่พร้อมที่จะรับตำแหน่งราชาของอาณาจักร จากนั้นเธอก็เบนสายตาไปทางไมล์เล็กน้อยแล้วคิดในใจ ‘หรือจะให้… ไม่สิ! เรื่องนั้นเอาไว้หลังรู้ผลการรักษาก่อน แต่ถ้าท่านพ่อเป็นอะไรเราเองก็ต้องยอมเสียสละเพื่อประเทศนี้เหมือนกัน’

ทางด้านของไมล์ที่เห็นเวโรนิก้ากำลังมองตัวเองอยู่ก็สบตาไป แล้วเธอก็เบนสายตาหลบทันที ‘ไอท่าทางแบบนั้นมันอะไร สรุปยัยตัวป่วนนั้นจะเอาเรื่องเราให้ได้เลยหรือไง เฮ้อ~ เวลาเงียบหรือสงสัยก็เป็นผู้หญิงน่ารักอยู่หรอก แต่พออารมณ์เสียแบบนี้ชักเริ่มหมั่นไส้แล้วสิ หาเรื่องจับแต่งงานกับขุนนางสักคนไปเลยไหมแล้วก็บอกว่าถ้าไม่ยอมก็ไม่ช่วย หึ! ไมล์เองตอนนี้ก็ไม่พอใจกับท่าทางของเวโรนิก้าเช่นกัน ถึงท่าทางที่เธอแสดงออกมาต่อตนตั้งแต่เมื่อครู่ที่เดินทางมาถึง แต่ทว่าเพราะผลประโยชน์ที่จะได้รับก็เลยกำลังพยามทำตัวใจเย็นเอาไว้

….

…..

ในเวลาต่อมา

หลังจากพวกไมล์ยืนรออยู่ที่ด้านนอกห้องสักพักประตูห้องก็เปิดออก แล้วหมอที่เป็นหมอรักษาก็เดินออกมาจากห้องหนึ่งคนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ‘สีหน้าแบบนั้นคิดยังไงมันก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่’ ไมล์เข้าใจทันทีหลังจากที่เห็นสีหน้าของหมอที่แสดงออกมา ซึ่งทางเวโรนิก้าและไคเซอร์ก็มองหมอด้วยแววตาตกใจทั้งสองคน ‘สองคนนั้นก็คงดูออกเหมือนกันสินะ’ ไมล์เข้าใจทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของทั้งสองคน

“เป็นยังไงบ้าง!” เวโรนิก้าเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

หลังจากถามหมดก็ตอบออกมาว่า “ตอนนี้ราชายังมีชีวิตอยู่ครับองค์หญิง! แต่ว่า…” น้ำเสียงที่หมอตอบออกมาเต็มไปด้วยน้ำเสียงหนักใจ

“แต่อะไรรีบพูดมาสิ ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ทำไมเจ้าถึงทำสีหน้าแบบนั้น” ไคเซอร์ถามขึ้นด้วยเสียงที่ไม่พอใจ

ระหว่างนั้นไมล์ก็กำลังคิดในใจ ‘สองพี่น้องบ้านั่นกำลังถามบ้าอะไรกันอยู่ ไปตะโกนเสียงอารมณ์เสียใส่หมอแบบนั้นมันจะช่วยอะไรได้ ไม่ไหวๆ’

จากนั้นไมล์ก็เดินตรงไปด้านหน้าแล้วพูดออกไปว่า “องค์หญิง! องค์ชาย! พวกท่านทั้งสองคนใจเย็นก่อนแล้วรอฟังสิ่งที่หมอกำลังจะบอก ถ้าพวกท่านถามแบบไม่ให้เวลาตอบแบบนี้หมอเองก็คงตอบยาก แถมพึ่งเหนื่อยจากการรักษาราชามาด้วย แต่ยังต้องมาหนักใจกับพวกท่านอีกสองคนอีกเหรอ?”

ไมล์พูดจบทั้งไคเซอร์และเวโรนิก้าก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ ได้แต่ทำท่าทางรู้สึกผิดออกมา

จากนั้นทางหมอเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้ก็เริ่มพูด “ตอนนี้ราชาปลอดภัยไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตครับ แต่ทางราชาเสียเลือดไปพอสมควรระหว่างที่กำลังเดินทางมาเลยยังไม่ได้สติ อีกอย่างทางเราเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าราชาจะตื่นมาตอนไหนครับ” ระหว่างที่อธิบายหมอก็กวาดสายตามองทั้งสามคนด้านหน้าอย่างช้าๆ

จากนั้นไมล์ก็เริ่มถามต่อ “ถ้างั้นก็หมายความว่าถึงจะยังไม่ตายแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะตื่นมาสินะ”

“ทำนองนั้นครับท่านบารอน”

‘แบบนี้ชักเป็นเรื่องแล้วสิ! ถ้าราชาไม่ตื่นขึ้นมาแบบนั้นเราแผนของเราเองก็คงเดินหน้าต่อไปไม่ได้ถึงจะสามารถยึดเมืองหลวงคืนมาได้ก็เถอะ ถ้างั้นทางเลือกของเราตอนนี้ก็เหลืออยู่สองทาง หนึ่งปลิดชีวิตราชาแล้วให้ไคเซอร์ขึ้นแทน เพราะหลังจากสงครามเราต้องทำอะไรอีกหลายอย่างถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผู้นำประเทศก็มีแต่ต้องแยกอาณาเขตทางเหนือปกครองเอง ส่วนทางที่สองก็ต้องตะ… ไม่สิ! เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เพราะยังไงก็ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าที่จะยึดเมืองหลวงได้ อื้ม! รอก่อนดีกว่า’ ไมล์เริ่มวิเคราะห์กับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เพราะตามแผนของไมล์หลังจากยึดเมืองหลวงคืนได้มันคือการเริ่มต้นที่แท้จริง ด้วยเหตุผลนี้ การที่ไม่มีราชาผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเป็นคนอนุญาตก็เลยกลายเป็นปัญหาใหญ่

แต่ทว่าแทนที่จะรีบเดินตามแผนที่วางเอาไว้ ไมล์ก็เลือกที่จะรอก่อนเพราะเห็นแก่ความรู้สึกของไคเซอร์และเวโรนิก้า ที่เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอพูดมาก็หน้าเสียกันทั้งสองคน

ไม่นานนักเวโรนิก้าที่ตั้งสติได้ก็มองไปที่ไมล์ด้วยสีหน้าเหมือนกับว่าตัดสินใจได้

‘ท่าทางแบบนั้นมันอะไรอีกละ???’ ไมล์เกิดความสงสัยกับแววตาจองเวโรนิก้าที่กำลังมองตน เพราะแววตาที่กำลังมองตอนนี้เป็นแววตาที่จริงจังมากต่างจากแววตาที่ไม่พอใจจากปกติเมื่อครู่ ทำให้ไมล์เริ่มเป็นกังวลอย่างมากกับสิ่งที่เธอกำลังจะพูดออกมา และแล้วเธอก็เริ่มพูดว่า “ท่านบารอนข้าขอคุยกับท่านเป็นการส่วนตัวหน่อย!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด