ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 163 ประลอง
ตอนที่ 163 ประลอง
“ข้ามีข้อเสนอบางอย่างที่เป็นทางออกของเรื่องนี้ได้ ก็คือการตัดสินด้วยวิธีแบบโบราณของอาณาจักรเวลาขุนนางไม่ลงลอยหรือไม่ชอบใจกัน ซึ่งตอนนี้มันเลิกใช้ไปนานแล้วก็จริงแต่ทางข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้มันกลับเอามาใช้ได้”
“นี่หรือว่ากำลังพูดถึงสิ่งนั้น…”
เวกเตอร์พูดแบบท่าทางตกใจ
“ท่านเอาจริงงั้นเหรอท่านดยุค ถ้าใครพลาดก็หมายถึงจบเลยนะสำหรับการประลองเพื่อตัดสินว่าใครเป็นฝ่ายถูก”
เมสันต์ไม่ได้มีท่าทางตกใจอะไรมากมาย แต่กลับถามเพื่อยืนยันวีนัสแทนเพื่อเป็นการยืนยัน
“แน่นอน ถ้าคิดมาดีแล้วถ้าพวกท่านทั้งสามเห็นด้วยเรื่องนี้มันก็ง่ายขึ้นเยอะ”
สำหรับการตัดสินที่ทั้งสามคนกำลังพูดถึงกันอยู่ก็คือการตัดสินแบบต่อสู้ เพราะในอดีตอาณาจักรมีขุนนางน้อยใหญ่ตามประเทศมากมายทำให้เกิดการกะทบกระทั่งกันอยู่บ่อยครั้งมันก็เลยเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขด้วยการให้ขุนนางสู้กันเอง เพื่อลดการเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างขุนนางสองคน
แต่ทว่า
เมื่ออาณาจักรสามารถควบคุมได้และอำนาจกลับมาอยู่ในมือของราชากฎพวกนี้ก็ยกเลิกไป และเมื่อมีปัญหาระหว่างขุนนางเกิดขึ้น ตัวราชาหรือไม่ก็คนของราชวงศ์ก็จะเดินทางไปเพื่อตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้นแทนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นใครผิดหรือใครถูก
ทำให้กฎประลองระหว่างขุนนางยกเลิกไป!
แต่ตอนนี้วีนัสกลับต้องการใช้มันอีกครั้งเพื่อตัดสินในการชิงตำแหน่งผู้นำกับทั้งสองคน จากนั้นไม่นาน ระหว่างที่บรรยากาศในห้องกำลังเงียบสนิทวีนัสก็เริ่ม
“ถ้าพวกท่านสองคนไม่เห็นด้วยข้าคิดว่าคงต้องให้พวกท่านสละสิทธิ์แล้วละ เพราะทางข้าได้ส่งคนของข้าให้ไปประกาศกับทหารของพวกท่านเรียบร้อยว่าจะเกิดการต่อสู้แบบนี้ขึ้น พูดขนาดนี้แล้วก็น่าจะรู้นะว่ามันจะเป็นยังไง”
ทั้งเวอเตอร์และเมสันต์ตอนนี้ต่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาเมื่อได้ยิน เพราะทั้งสองคนรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองได้เดินตามแผนของวีนัสเรียบร้อยแล้ว
‘ชิ! ไม่คิดเลยคนอย่างมันจะมาไม้นี้’
เวกเตอร์คิดในใจ
‘ตอนนี้ถ้าปฏิเสธมันออกไปได้เกิดปัญหาแน่ เราพลาดไปที่ตอบรับคำเชิญของมัน’
เมสันต์คิดด้วยความรู้สึกเจ็บใจ
ตอนนี้ทั้งสองคนต่างก็รู้ดีถ้าปฏิเสธข้อเสนอเรื่องการประลองนี้ไปมันต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่ภายในกองทัพแน่นอน เพราะพวกทหารเองต่างก็เชื่อมั่นในแม่ทัพของตัวเองกันทั้งนั้นการที่ปฏิเสธก็ไม่ต่างอะไรกับการกลัว
เมื่อเป็นแบบนั้น ความเชื่อใจของทหารก็จะลดลงทันที ดีไม่ดีอาจมีการก่อกบถในกองทัพด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลแบบนี้ทั้งคู่จึงไม่มีทางเลือกและพากันตอบออกมาแบบน้ำเสียงเจ็บใจว่า
“ตกลงข้ารับข้อเสนอนั้น”
“ทางข้าเองก็เหมือนกัน”
‘เรียบร้อยทุกอย่างเป็นไปตามแผน หึหึ!’ วีนัสคิดด้วยความพอใจหลังจากได้รับคำตอบ จากนั้นจึงเริ่มพูดต่ออีก “ถ้างั้นเรื่องประลองเอาเป็นวันพรุ่งนี้ช่วงเช้า และการประลองจะเป็นการประลองแบบกลุ่มไปเลยเพราะจะได้ไม่มีใครได้เปรียบหรือว่าเสียเปรียบในการประลอง”
เมื่อวีนัสพูดจบดยุคทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องทันที แบบไม่ได้ตอบกลับอะไรเพราะในใจของดยุคทั้งสองคนต่างก็ไม่ชอบวีนัสเต็มที่กันอยู่แล้วกับเรื่องที่วีนัสได้ทำลงไป เพราะการทำแบบนี้มันไม่ใช่ข้อเสนอแต่มันเป็นการบังคับต่างหาก
อีกอย่าง เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบมันก็แสดงออกมาให้เห็นแต่แรกอยู่แล้ว เพราะตัวของวีนัสเป็นทหารที่ผ่านสงครามมามากมาย ต่างจากดยุคทั้งสองที่อาณาเขตสงบสุขจึงไม่ได้รบอะไรมาก เรื่องนี้เองก็รวมอยู่ในแผนเหมือนกันเพราะถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองชนะแน่นอนวีนัสก็คงไม่ท่าประลองแบบนี้หรอก
############
ณ ลานจอดรถม้า
หลังจากที่เวกเตอร์กับเมสันต์เดินออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์ทั้งสองคนก็เดินมาถึงจุดที่รถม้าของตัวเองกำลังจอดเอาไว้อยู่ รอบรถม้าของทั้งสองคนต่างก็มีทหารหลายสิบคนยืนอยู่เพื่อเป็นทหารคุ้มกัน
บรรยากาศโดยรอบเองก็ไม่ใช่บรรยากาศเมืองแต่มันกลับเป็นป่าไม้ขนาดใหญ่ที่มองไปทางซ้ายหรือขวาก็เป็นป่าทั้งนั้น
แล้ว
“เดี๋ยวก่อนท่านเมสันต์”
“มีอะไรท่านเวกเตอร์ ท่านต้องการอะไรจากข้าอีก”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ… ไม่สิ! รู้สึกว่าต้องพูดว่าที่ข้าต้องการจากท่านมันก็เป็นเรื่องนั้นแหละ”
ท่าทางของเวกเตอร์ที่กำลังมองเมสันต์หลังพูดจบเป็นหน้าตาที่ดูจริงจังมาก เพียงมองก็สามารถเข้าใจได้ว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญ ‘คงกำลังจะคุยเรื่องที่วีนัสมันพูดกับเราสินะ’
เมสันต์วิเคราะห์ถึงเป้าหมายแววตาจริงจังที่กำลังมองมาทางตน จากนั้นก็ตอบว่า “ตกลงถ้างั้นก็ไปคุยที่รถม้าของข้าแล้วกัน เดี๋ยวข้าจะไปส่งท่านที่ค่ายทหารของท่านเอง เพราะงั้นหลังออกจากที่นี่ประมาณ 10 นาที พวกเราจะเจอกันที่นั่นท่านออกไปกับคนของท่านก่อนเลย”
หลังตอบเมสันต์ก็เริ่มเดินตรงไปยังรถม้าของตัวเอง “ตะ ตกลง” เวกเตอร์ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ทางเวกเตอร์ก็ต้องจำใจเดินขึ้นไปเพื่อคุยเพราะคนที่เปิดประเด็นเรื่องนี้ก็คือเวกเตอร์ การที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อที่จะได้เจรจาเรื่องนี้ก็ไม่แปลก
อีกอย่างเพื่อที่จะเพิ่มโอกาสชนะให้ตัวเอง ยังไงก็ต้องยอม
จากนั้นทหารทัพของเวกเตอร์ก็เดินทางกลับไปยังทัพของตัวเองตามคำสั่ง และทางเวกเตอร์ก็ขึ้นไปบนรถม้าของเมสันต์แบบที่ได้ตกลงกันเอาไว้
เมื่อขึ้นมาบนรถม้าทั้งสองคนก็นั่งมองหน้ากันคนละฟัง เมื่อทั้งสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันได้ไม่นาน
“ท่านมีข้อเสนออะไรมอบให้ข้า เชิญบอกมาก่อนได้เลยเพราะทางข้าเองก็ไม่ได้สนใจตำแหน่งราชาอะไรขนาดนั้นด้วย ยิ่งตอนนี้สหราชอาณาจักรไม่ได้ปกครองประเทศแล้วด้วยแต่ก็ขอออกตัวเอาไว้ก่อนแล้วกัน …ข้อเสนอที่ท่านกำลังจะพูดออกมาก็ขอให้มันเป็นข้อเสนอที่ข้าทิ้งตำแหน่งราชาด้วยละ”
เมสันต์ก็เริ่มพูดโดยแสดงจุดยืนของตัวเอง
เวกเตอร์ที่ได้ฟังก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา พร้อมกับพรางคิดในใจไปด้วยว่า ‘นี่มันพูดเรื่องจริงเหรอเนี่ย? แต่ช่างเถอะ ถ้ามันแสดงจุดยืนแบบนี้เรื่องทั้งหมดก็ง่ายขึ้นเยอะเลย!’
ถึงจะยังแปลกใจอยู่บ้างแต่เวกเตอร์ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะการที่ได้ยินเรื่องแบบนี้มันก็ทำให้แผนของเวกเตอร์ที่วางเอาไว้ง่ายขึ้นเยอะ จากนั้นจึงเริ่มเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าปั้นยิ้มว่า “ก่อนอื่นข้าคงไม่มีข้อเสนอที่ดีพอหรอก เพราะงั้นเชิญท่านบอกมาได้เลยว่าต้องการอะไรบ้าง ถ้าไม่เกินกำลังข้ารับรองว่าท่านจะได้มันแน่นอน” พูดจบก็ได้คิดในใจต่อ ‘เวลานี้แกเอาไปเถอะไม่ว่าจะเป็นอะไร เพราะเดี๋ยวยังไงข้าได้เป็นราชาของอาณาจักรข้าก็จะชิงทุกอย่างกลับคืนมาเอง ไอโง่! หึหึ!’