ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 151 ผิดจากที่คาดเอาไว้
ตอนที่ 151 ผิดจากที่คาดเอาไว้
ณ ห้องพักผ่อนของไมล์ภายในรถไฟ
ภายในห้องขนาดเล็ก 2x2 เมตร ของไมล์ตอนนี้ ก็มีไมล์กำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนพร้อมกับกำลังมองแผนที่ของอาณาจักรด้วยหน้าตาแบบเคร่งเครียดอยู่ ซึ่งตัวแผนที่ก็มีจุดสีแดงวงเอาไว้เต็มไปหมดเหมือนกับว่าเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง
‘มากกว่าที่คิดเอาไว้มากเลย ไม่คิดเลยว่าพวกขุนนางที่ยอมเข้าร่วมกับไคเซอร์โดยตอบรับข้อความเข้าร่วมสงครามกับไคเซอร์จะเยอะขนาดนี้’
ไมล์มีความรู้สึกแปลกใจกับผลที่มันออกมานิดหน่อย
เพราะแผนที่ด้านหน้าของไมล์ตอนนี้ก็คือแผนที่การรวบรวมอาณาเขตของพวกขุนนางที่ประกาศตัวเข้าร่วมกองทัพกับไคเซอร์ ซึ่งมันก็มีจำนวนมากพอสมควรเรียกได้ว่าอาณาเขตทางเหนือเป็นดินแดนเดียวที่มีขุนนางทรยศมากกว่า 80% เพราะอาณาเขตอื่นของอาณาจักรมีเพียง 40 - 60 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่ทรยศ ส่วนพวกที่เหลือยังคงยืนฝั่งราชวงศ์ของอาณาจักร
แถมในส่วนกำลังรบส่วนใหญ่
ก็เริ่มรวมตัวกันเพื่อจะมาสมทบกับไคเซอร์ที่กำลังเดินทางเมืองหลวงกันแล้วด้วยเช่นกัน
‘ถ้าเป็นแบบนี้การที่จะยึดเมืองหลวงคืนมาจากพวกเหล่าสามดยุคทรยศคงไม่ยากแบบที่เราคิดเอาไว้ ถึงแม้ว่าตอนนี้แผนรวมผู้คนของพวกมันจะสำเร็จแต่ก็คงร่วมผู้คนได้ไม่กี่ล้านคนเท่านั้น’
ไมล์ยังคงคิดด้วยความสบายใจ
เพราะตอนนี้แผนทุกอย่างดูง่ายไปหมด การแทรกแซงของสหราชอาณาจักรก็หยุดไปแล้ว แถมยังมีขุนนางที่อยู่ฝั่งเดียวกับตนจำนวนมากอีกทำให้แผนทุกอย่างรู้สึกลงตัวอย่างมาก
แต่ระหว่างที่กำลังสบายใจอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตครับท่านไมล์ ตอนนี้มีเรื่องที่พวกเราไม่สามารถตัดสินใจได้ครับ”
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา ต่อด้วยเสียงของทหารพูดแบบเกร็งๆ เล็กน้อย
เพราะก่อนที่ไมล์จะเข้ามาในห้องเมื่อไม่กี่นาทีก่อนก็ได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งเรื่องการโจมตีและเรื่องต่างๆ จากนั้นจึงเข้ามาพักผ่อนในห้องโดยก่อนเข้ามาก็ได้สั่งกับพวกทหารเอาไว้ด้วยว่า [ถ้าไม่มีเรื่องจริงอย่ารบกวนเด็ดขาด] ส่วนเหตุผลที่สั่งออกไปก็เพราะไมล์ไม่ได้พักผ่อนมา 2 วัน ติดต่อกัน จึงต้องการจะพักผ่อน แต่ยังไม่ทันได้นอนปัญหาก็มาสะแล้ว ทำให้ไมล์รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมากโดยแสดงออกมาทางสีหน้าแบบคนหัวเสีย
แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมา
‘ให้ตายสิ! ให้พักผ่อนหน่อยไม่ได้หรือไงมันมามีเรื่องอะไรนักหนา เฮ้อ~’
ไมล์คิดด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ
จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูห้อง
เมื่อเปิดออกก็ได้พบกับทหารที่กำลังยืนก้มหน้าอยู่เล็กน้อยแล้วมีเหงื่อออกตามร่างกายส่วนใบหน้าจำนวนพอประมาณ ‘เหงื่อแบบนี้แปลว่าเป็นเรื่องเร่งรีบเหมือนกันสินะ ถึงได้รีบมาหาเรา! มันจะมีเรื่องอะไรนักหนา…’
ไมล์คิดเมื่อเห็นเหงื่อของทหาร
จากนั้น
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก”
ก็เริ่มถามแบบใจเย็น เพราะตัวของไมล์ทันทีที่เห็นท่าทางของทหารด้านหน้าก็เข้าใจดีว่าทหารรู้สึกไม่ดีเช่นกันที่มาตามตนแบบนี้ โดยดูจากท่าทางที่แสดงออกมาให้เห็น
“คือว่า… เมื่อครู่มีจอมเวทย์หนีออกมาจากป้อมอีกแล้วครับ”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็เอามันไปขังรวมกับคนก่อนหน้านี้เลยเรื่องของพวกมันข้าจะเก็บเอาไว้ให้องค์ชายไคเซอร์ตัดสิน”
“คือว่า…”
“มีปัญหาอะไรอีก?”
ไมล์เริ่มถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ เพราะเมื่อครู่ก็สั่งเรียบร้อยไปแล้วแต่ทหารก็ยังยืนอยู่แล้วอ้ำอึ้งเหมือนกับไม่กล้าพูดออกมาอีก เลยเริ่มมีความรู้สึกไม่พอใจเกิดขึ้นมา
“จำนวนครั้งนี้มันมาเยอะมากครับ เห็นบอกว่าเป็นจอมเวทย์ทั้งหมดของป้อมรักษาการณ์ชั้นนอกเลย”
“เห่ะ?!?!!?”
เมื่อได้ยินทหารตอบไมล์ก็อุทานพร้อมทำสีหน้าแปลกใจทันที ‘จอมเวทย์หมดป้อมเดินทางออกมาเลย เหอะๆ ตอนแรกก็คิดเอาไว้อยู่หรอกว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาดนี้ หึหึ! แบบนี้เรื่องทั้งหมดมันก็ง่ายขึ้นเยอะเลยสิ’
เรื่องจอมเวทย์หนีออกมาเพราะกลัวตาย
ไมล์เองก็คิดเอาไว้แล้วเช่นกัน เพราะถ้าดูจากการกระทำของเฮอร์เมสที่ฆ่าทูตแล้วเอาหัวเสียบไว้ตามกำแพงแล้วก็เหมือนกับว่ามันวางแผนให้ไมล์โจมตี และหนีเอาตัวรอดหลังจากที่จอมเวทย์ที่ป้องกันป้อมตายกันหมด
ซึ่งเรื่องนี้เอง
ตัวของจอมเวทย์ก็รู้กันดี และไมล์ก็เข้าใจด้วยว่าเหล่าจอมเวทย์ต้องเข้าใจและกลัวตาย หรือห่วงชีวิตตัวเองจึงต้องหนีออกมากันบ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะหนีออกมากันทั้งหมดแบบนี้ แถมยังหนีออกมาก่อนเริ่มการโจมตีระลอกสองอีก
“เข้าใจแล้วถ้างั้นก็พาข้าไปพบกับพวกนั้นหน่อย มีเรื่องอยากคุยกับพวกมันเอาไว้ ก่อนที่พวกมันจะเข้าใจอะไรผิดกันว่าพวกมันอยู่ตำแหน่งอะไรกัน”
“ครับท่าน!”
############
ณ ด้านนอกรถไฟ
เวลานี้เป็นเวลาช่วงกลางคืน ท้องฟ้ามืดสนิท อากาศเองก็เริ่มหนาว แต่ว่าถึงช่วงนี้จะเป็นช่วงกลางคืนอยู่ก็จริง แต่ตามจุดที่ไมล์เดินออกมาก็มีแสงสว่างจากครกไฟที่พวกทหารถือเอาไว้มากมายเพื่อล้อมพวกจอมเวทย์ที่เดินทางออกมาจากป้อมเอาไว้แทบทุกทิศทาง
ตอนนี้
พวกจอมเวทย์ที่เดินทางออกมาจากอยู่ในท่าทางวิตกกังวล เพราะรอบตัวตอนนี้ต่างก็เต็มไปด้วยพวกทหารถือปืนและทหารถือดาบมากมายล้อมกรอบเอาไว้อยู่
จนกระทั่งไมล์เดินมาถึง
“ข้าต้องการคุยกับหัวหน้าของพวกเจ้า ส่งตัวแทนออกมาหนึ่งคน”
“ข้าเองครับท่านบารอน!”
เมื่อไมล์เริ่มพูดแวนสันก็ยกมือและเดินออกมาจากพวกลุ่มจอมเวทย์ทั้งหมดด้วยท่าทางเกร็งๆ พร้อมกับความคิดในใจว่า ‘นี่นะเหรอบารอนที่เขาลือกัน เป็นเพียงบารอนหนุ่มที่อาณาเขตสุ่มเสี่ยงกับการล่มสลาย แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถพัฒนาอาณาเขต และกำลังอาวุธจนทัดเทียมดยุคใหญ่ของประเทศได้ ’
ระหว่างที่เดินออกมาด้านหน้าแวนสันก็วิเคราะห์เรื่องของไมล์ในใจแบบแปลกใจเล็กน้อยกับไมล์ที่ยืนอยู่ แล้วเมื่อแวนสันหยุดด้านหน้าไมล์ก็เริ่มถามว่า….