ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 148 สองความคิด
ตอนที่ 148 สองความคิด
ณ ภายในห้องขนาดใหญ่ในป้อมรักษาการณ์ชั้นนอกของเฮอร์เมส
ตัวห้องเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มากขนาดความกว้างของมันคงประมาณ 20x20 เมตร ในแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตามผนังห้องถูกสร้างขึ้นมาจากหินอย่างดีเอามาเรียงต่อกันและมีครกไฟเป็นตัวให้แสงสว่างตามผนังทำให้ห้องถึงมีขนาดใหญ่ก็ตาม แต่ก็สว่างเหมือนกับอยู่ด้านนอกแบบช่วงกลางวัน ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีแสงจากพระอาทิตย์ข้ามาเลย
กลางห้อง
ก็มีตัวโต๊ะยาวขนาดใหญ่ตั้งเอาไว้ พร้อมกับพวกทหารสวมชุดเกราะหนักยืนเรียงกันและกำลังถกเถียงกันไปมาแบบหาข้อสรุปไม่ได้ราวกับว่ากำลังจะตีกันเพราะเรื่องไม่ลงรอย ที่หัวโต๊ะขนาดใหญ่ก็มีเฮอร์เมสกำลังยืนหลับตากอดอกอยู่ในหน้าตาไม่พอใจเพื่อฟังทหารกำลังเถียงกัน
“-พวกเราต้องยอมแพ้ดีกว่า เราไม่มีทางสู้ได้หรอก”
“-เจ้าจะบ้าหรือไงตอนนี้พวกเรายังไม่ได้แพ้สักหน่อย”
“-ใช่แล้วถ้าอยากยอมแพ้ก็ออกไปเลยสิ ถ้ายอมก้มหัวให้มันพวกเราก็คงไม่ต่างจากพวกขุนนานอาณาเขตทางเหนือ ถ้าต้องเป็นแบบนั้นข้ายอมตายดีกว่าแทนที่จะได้รับความเห็นใจปัญญาอ่อนแบบนั้น”
เสียงทหารพากันพูดออกมาแบบเสียงดังลั่นห้อง โดยตอนนี้ความคิดกำลังแตกออกเป็นสองส่วนกับพวกทหารยศสูงที่กำลังประชุมกันอยู่ 1.ยอมแพ้ 2.สู้ต่อ ซึ่งจำนวนพวกทหารระดับสูงที่จะยอมแพ้กับทหารที่กำลังคิดจะสู้ก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่นัก ก็เลยทำให้ไม่สามารถลงรอยกันได้จนเกิดปัญหาเป็นปากเสียงขึ้น
จนเวลาผ่านไปสักพัก
“พวกเจ้ากำลังพูดผิดเรื่องกันหรือป่าว!”
เฮอร์เมสที่ยืนเงียบไปสักพักหลังจากที่ฟังเหล่าทหารเถียงกันเริ่มพูดขึ้น พร้อมกับกวาดสายตามองพวกทหารที่กำลังเถียงกันอยู่ด้วยแววตาไม่พอใจ ทางเหล่าทหารเมื่อได้ยินเสียงของเฮอร์เมสจากที่กำลังเถียงกันอยู่พวกทหารก็เงียบลงทันที
แล้วก็มีคนสวนขึ้นมา
“ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรท่านเฮอร์เมส?”
คนที่พูดออกมาตอนนี้ก็คือ เจค เป็นหัวหน้าของเหล่าทหารที่มีความคิดยอมแพ้ให้กับกองทัพของไคเซอร์ที่กำลังบุกอยู่ตอนนี้
จากนั้นอีกคนที่ยืนอยู่ตำแหน่งเดียวกันแต่คนละด้านก็พูดต่อ “เจ้านั่นแหละต้องการอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้คิดยอมแพ้แบบนั้น?”
อีกคนที่พูดออกมาต่อจากเจคก็คือ จาคอป เป็นหัวหน้าของเหล่าทหารที่มีความคิดต่อสู้กับกำลังรบของไคเซอร์ที่กำลังบุกเข้ามา
อย่างที่รู้
ตอนนี้ทหารระดับสูงแบ่งออกเป็นสองฝ่าย และชายสองคนที่กำลังส่วนกันอยู่ก็เป็นแกนนำในการพูดคุยความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายทำให้บรรยากาศในห้องตอนนี้ยิ่งกดดันเข้าไปอีก
“ก็ถึงได้พูดอยู่นี่ไงว่าพวกเจ้ากำลังเถียงผิดเรื่อง”
เฮอร์เมสตะโกนเสียงแข็งอีกครั้ง จากนั้นก็พรางคิดในใจว่า ‘ให้ตายสิเรียกว่าช่วยวางแผนแต่ดันมาเถียงเรื่องยอมแพ้กับไม่ยอมแพ้สะได้ ไอพวกปัญญาอ่อนนี่ อย่าจะฆ่าพวกทหารฝั่งเจคให้มันหมดอยู่หรอกแต่ถ้าทำแบบนั้นในป้อมต้องเสียหายมาแน่ ชิ’
เฮอร์เมสรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมากกับสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะตัวของเฮอร์เมสตัดสินใจไม่ยอมแพ้ตั้งแต่ออกไปฆ่าทูตที่ส่งมาแล้ว
แต่ทว่า
ถ้าฆ่าทหารฝั่งเจคที่เป็นพวกคิดจะยอมแพ้ไป ก็ไม่ได้เป็นเรื่องดี เพราะทหารกว่าครึ่งในป้อมก็เป็นคนของพวกนี้ และถ้าพวกนี้โดนฆ่าทหารที่รับใช้ก็จะต่อต้านและนั่นมันก็อาจจะทำให้เกิดสงครามภายในป้อมได้
เฮอร์เมสจึงพยามระงับอารมณ์เอาไว้
“ถ้างั้นท่านช่วยอธิบายมาก่อนทำไมท่านต้องฆ่าทูตที่ทางนั้นส่งมาด้วย ท่านเองก็จะรู้ไม่ใช่หรือไงว่าถ้าพวกเรายังสู้ต่อมันรังแต่จะเพิ่มความเสียหายให้กับป้อมรักษาการณ์แห่งนี้ และมันก็มอันตรายต่อชีวิตพวกเราด้วยเช่นกัน”
เจคเริ่มถามด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์ มองตรงไปทางเฮอร์เมส
“แล้วมันยังไง”
“เอ่ะ?!!?!?!”
“ข้าถามว่าแล้วมันยังไง นี่พวกเจ้าคิดว่าเรื่องแค่นี้ข้าไม่คิดเอาไว้หรือยังไงหน้าที่ของพวกเราก็คือดูแลป้อมเอาไว้ …เท่าที่ไหว”
“เท่าที่ไหว???”
หน้าตาเจคเต็มไปด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง! ถ้าพวกเราไม่สามารถป้องกันได้ก็เพียงแค่อยู่เท่านั้นเจ้าจะมาจริงจังอะไรตอนนี้ ยังไงสะพวกเราก็แค่ถอยกลับไปยังป้อมชั้นกลางเท่านั้น แล้วที่ข้าเรียกพวกเจ้ามานี้ก็เพื่อมาวางแผนถอยทัพกัน ไม่ได้ให้มาเถียงเรื่องที่เถียงกันยอมแพ้หรือไม่ยอมแพ้สะหน่อย!”
หลังอธิบายถึงความตั้งใจทหารที่กำลังยืนอยู่ก็พากันทำสีหน้าแปลกใจออกมา ซึ่งแต่ละคนต่างก็กำลังแปลกใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เพราะตามปกติแล้วหน้าที่ของทหารประจำป้อมคือต้องทำยังไงก็ได้ให้รักษาตำแหน่งป้อมที่ได้รับหน้าที่ป้องกันเอาไว้
แต่ตอนนี้
ความคิดของเฮอร์เมสนั้นต่างออกไป แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีพวกทหารที่ชอบในความคิดของเฮอร์เมสด้วยเช่นกันเลยไม่มีใครพูดขัดอะไร อีกอย่าง ทหารยศสูงตอนนี้ต่างก็เป็นขุนนางที่ทรยศต่ออาณาจักรทำให้ความคิดที่จะทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับพวกมัน
“นะ นั่นสินะครับ”
เจคเห็นด้วยกับสิ่งที่ได้ยิน
“สมแล้วนะครับที่เป็นท่านเฮอร์เมสสามารถคิดเรื่องสุดยอดแบบนี้ได้”
จาคอปพูดตามแบบชอบใจ
‘ไอบ้าพวกนี้มันก็แค่อยากรอดเท่านั้นแหละ หึ! ถ้าหยุดเถียงเรื่องไร้สาระอย่างการยอมแพ้เรื่องก็จบไปนานแล้วไม่น่าเสียเวลาเลย อีกอย่างตัวเราเองก็ไม่มีความจำเป็นอะไรขนาดนั้นที่ต้องรักษาป้อมเอาไว้เราก็แค่รอให้จอมเวทย์ตายเกือบหมดแล้วสั่งถอยทัพสะก็จบ’
เฮอร์เมสคิดในใจหลังจากที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เพราะหลังจากที่อธิบายเหตุผลไปพวกทหารยศสูงด้านหน้าก็มีท่าทางใจเย็นลงและเริ่มพูดจากันรู้เรื่องโดยตอนนี้เน้นวางแผนไปในเรื่องหาทางถอยทัพแบบแนบเนียนแทน
เพราะสำหรับโลกนี้
การแพ้สงครามหรือการถอยทัพมันเป็นเรื่องน่าอับอายก็จริง แต่ถ้าถอยแบบถูกวิธีหรือไม่ก็ถอยเพราะต้องถอยก็จะสามารถกู้หน้ากลับคืนมาได้ ด้วยเหตุผลเช่นนี้ พวกทหารในห้องหลังจากที่ได้ฟังเฮอร์เมสพูดถึงเจตนาที่แท้จริงก็พากันเริ่มวางแผนการถอยทัพแบบมีเกียติกันทันที
…
….
…..
ในเวลาต่อมา
ระหว่างที่กำลังวางแผนกันอยู่ ก็ได้มีทหารหนึ่งคนเดินเข้ามาในห้องตรงเข้าไปทางเฮอร์เมสที่กำลังยืนออกความคิดอยู่ด้วยท่าทางร้อนใจอะไรบางอย่าง ‘มันเป็นอะไรของมัน เข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจแบบนั้น???’
เฮอร์เมสคิดขณะที่เบนสายตามองทหารที่เดินเข้ามาหาตน
เมื่อเดินถึงทหารก็เอียงตัวเข้าไปที่ข้างหูของเฮอร์เมสเล็กน้อย แล้วเริ่มพูดเสียงแผ่วเบาเพื่อให้เฮอร์เมสได้ยินคนเดียวว่า…