ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 147 เรื่องถึงหู
ตอนที่ 147 เรื่องถึงหู
ณ ห้องควบคุมรถไฟส่วนหน้า
มีทหารหนึ่งนายกำลังเล่าเรื่องราวที่สังเกตการณ์ให้ไมล์ฟังอยู่ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับทูตอย่างชิลล์และพวกทหารคุ้มกันที่ส่งไปเพื่อเจรจาเข้ายึดป้อมโดยดี แต่กลับโดนฆ่าตายแบบเลือดเย็นหลังจากที่พยามจะเดินทางกลับ ส่วนตัวของทหารที่กำลังรายงานไมล์อยู่ก็เป็นกลุ่มทหารสังเกตการณ์ที่ส่งไปเพื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ และดูเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่แบบห่างๆ
ซึ่งหน้าที่หลักก็มีอยู่สองอย่างด้วยกัน
1.มารายงานเพื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจนทูตไม่สามารถกลับมารายงานเรื่องการเจรจาได้ อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นกับชิลล์ตอนนี้
2.สังเกตท่าทางว่าทูตที่ส่งไปมีท่าทางทรยศ หรือพยามร่วมมือกับศัตรูมากเกินไปหรือป่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นมากในการตรวจสอบ
ทุ๊บ!!!
“นี่พวกมันกล้าทำขนาดนั้นเลยหรือไง ชิ!!!”
ไมล์ที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดใช้กำปั้นขวาที่กำเอาไว้แบบเจ็บใจทุบลงไปที่ผนังของรถไฟอย่างเต็มแรง จากนั้นก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดังมาก เสียงที่พูดหลังทุบกำแพงไปดังจนพวกทหารภายในห้องควบคุมต่างหันมามองด้วยแววตาแปลกใจกันทั้งห้อง
เพราะที่ทหารรายงานเมื่อครู คนที่ได้ยินมีเพียงไมล์คนเดียวในห้องเท่านั้น
‘-ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกทูตที่ส่งไปแน่เลยท่าทางแบบนั้น?’
‘-อะไรที่ทำให้ท่านไมล์โกรธแบบนั้นอีกละ นี่พวกมันทำอะไรกับทูตที่ส่งไป?’
‘-ได้ยินแบบนี้รู้สึกไมดีเลย…’
ทหารพากันคิดในใจหลังจากที่ได้เห็นท่าทางของไมล์ที่แสดงออกมา เมื่อได้ยืนคุยกับทหารที่เข้ามารายงานสักพัก ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกทหารจะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จริง แต่พวกทหารก็สามารถเดาได้จากท่าทางของไมล์ที่แสดงออกมาให้เห็นทั้งท่าทาง และสีหน้าที่กำลังโกรธจัด แล้วเรื่องที่ทำให้ไมล์อยู่ในท่าทางแบบนี้ได้พวกทหารต่างรู้ดีว่าต้องเกี่ยวกับชีวิตคนแน่
จากนั้นไม่นานระหว่างที่ในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ ไมล์ที่สามารถระงับอารมณ์ความโกรธของตัวเองได้ก็เริ่มออกคำสั่งกับทหารที่ด้านหน้าของตนต่อ “ข้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว เจ้าออกไปแล้วก็ตามหัวหน้าทหารดัสมาหาข้าด้วย พวกเราจะเริ่มจัดการขั้นเด็ดขาดกับพวกมัน”
“ครับท่าน”
ทหารเมื่อตอบรับคำสั่งก็เดินออกไปจากห้องทันที
ระหว่างนั้นไมล์ก็พรางคิดในใจว่า ‘ฉันให้โอกาสแกยอมแพ้แล้วนะ ถ้าต้องการนองเลือดทางนี้เองก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน หึ’
ถึงแม้ว่าตอนนี้ไมล์จะทำท่าทางปกติแล้วก็ตาม แต่ในใจตอนนี้เต็มไปด้วยไฟที่กำลังลุกไหม้เพราะความโกรธ โดยกำลังโกรธและมีความรู้สึกปิดอยู่อยู่เต็มอก เกี่ยวกับการส่งทูตและทหารคุ้มกันหลายสิบคนไปตายป่าวแบบนั้น
…
….
…..
ในเวลาต่อมา
ดัสก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้ากำลังโกรธ ซึ่งตัวของดัสเองก็ได้ฟังเรื่องราวจากทหารที่รายงานไมล์ทั้งหมดด้วยแล้วเช่นกันเกี่ยวกับการที่ทูตโดนฆ่าและเอาหัวเสียบเอาไว้บนกำแพง เมื่อได้ยินความรู้สึกของดัสก็โมโหไม่ต่างจากไมล์เมื่อรู้เรื่องทั้งหมด
เมื่อเดินถึงด้านหน้าของไมล์
“หน้าตาแบบนั้นแปลว่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้วสินะ”
“ครับท่าน! ข้าได้ฟังเรื่องกับทหารสังเกตการณ์หมดแล้วท่านสั่งมาได้เลยว่าจะให้ข้าทำอะไรกับพวกมัน!!!”
ถึงน้ำเสียงการตอบของดัสจะเป็นแบบธรรมดา แต่ตอนนี้ไมล์สามารถสัมผัสได้ถึงความตั้งใจแบบเต็มเปี่ยมจากดัสมาก ‘ครั้งนี้หมอนี่เองก็คงโมโหเหมือนกันสินะถึงพูดออกมาแบบนี้ แล้วไหนจะแววตาที่กำลังโกรธจัดนั้นอีก’
ปกติแล้ว
ตัวของดัสจะไม่ชอบฆ่าคนหรือทำสงครามอย่างมาก เวลาไมล์สั่งให้ไปจัดการงานอย่างการฆ่าคนก็จะพยามเลี่ยงการฆ่าให้มากที่สุดเพราะตัวของดัสเข้าใจความหมายของชีวิตดี เพราะเคยเป็นเพียงสามัญชนมาก่อนทำให้รู้ว่าการฆ่าคนหนึ่งคนก็จะมีคนอีกมากที่ได้รับผลกระทบ
แต่ทว่า
ท่าทาง แววตาและความรู้สึกของดัสตอนนี้ต่างออกไปจากปกติมาก ต่างจนขนาดไมล์สัมผัสถึงมันได้และรู้ได้ทันทีว่าครั้งนี้ดัสมันต้องการจัดการกับเฮอร์เมสที่เป็นคนบงการเรื่องทั้งหมดจริงๆ
“ถ้างั้นพวกเราจะเริ่มโจมตีแบบเต็มรูปแบบ แต่ก่อนหน้านั้นข้ามีงานอะไรบางอย่างให้เจ้าทำก่อน ถ้าพวกเราโจมตีตอนนี้มันยังสามารถหนีไปได้อยู่ และถ้าเรื่องมันเป็นแบบนั้น ตัวการอย่างเฮอร์เมสก็รอดแต่พวกทหารที่โดนบังคับให้สู้ก็ต้องตายแทนแบบนั้นก็เหมือนเราฆ่าผิดคน”
“ท่านจะให้ข้าทำอะไรครับ?”
หลังถามดัสก็พรางคิดในใจอีก ‘เรื่องที่ท่านไมล์พูดออกมาก็ถูกต้อง ถ้าขืนโจมตีตอนนี้พอป้อมรักษาการณ์สู้ไม่ไหวหรือไม่สามารถต้านได้ ขุนนางและพวกนายทหารระดับสูงพวกมันก็แค่ถอยหลนลงไปที่ป้อมรักษาการณ์ระดับกลาง หรือถ้าป้อมกลางแตกมันก็ไปป้อมในอยู่ดี แต่ท่านไมล์จะเราทำยังไงนี่สิ???’
ดัสเข้าใจเรื่องทั้งหมดที่ไมล์บอกดี
แต่ทว่าที่ยังไม่เข้าใจตอนนี้ก็คือไมล์จะให้ตนทำอะไร เพราะจากที่ดัสลองคิดก็ยังไม่เข้าใจความคิดของไมล์ที่พูดออกมา
“ออม้ไปปิดทางหนีของมันสะ!”
“เอ่ะ?!?!?! ท่านไมล์แบบนั้นทำได้งั้นเหรอครับ ไหนท่านบอกว่าการที่จะเดินทางข้ามไปมันลำบากไม่ใช่เหรอ???”
“เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก แต่ยังไงก็ต้องทำหรือเจ้าอยากให้มันหนีไปได้หรือไง?”
“มะ ไม่ครับ”
ดัสตอบด้วยน้ำเสียงแพรว
ส่วนเรื่องการออมเพื่อดักทางมันสามารถทำได้ยากก็จริง เพราะมันก็ต้องสู้กับพวกมอนเตอร์ ไม่ก็ต้องเจอระยะทางแสนยากลำบากอย่างการปีนเข้าไปเพื่อออม้ไปดักทางด้านหลังของป้อมแบบไมล์สั่ง แล้วการที่จะขนของอย่างปืนใหญ่ไปด้วยมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอนเพราะงั้นตัวของดัสที่รู้ดีว่าการเอาทหารออมไปโดยเอาแค่ปืนไปสู้อาจจะอันตรายเกินไป
ถึงแม้ว่าปืนจะมีอานุภาพทำลายรุนแรง และมีระยะโจมตีไกล แต่ทว่าเมื่อเจอกับจำนวนทหารที่มากกว่ามันก็จะแพ้ทันที
อีกอย่าง
การออม้ไปเอาคนไปด้วยมากก็ไมได้ เพราะมันจะกลายเป็นการผิดสังเกตุจนทำให้พวกที่อยู่ในป้อมรู้ตัวได้อีก
‘ท่านไมล์คิดอะไรอยู่ทำไมถึงได้สั่งอะไรแบบนี้’
ดัสคิดด้วยความรู้สึกแคลงใจกับคำสั่งที่ได้รับ แต่ระหว่างนั้นเองไมล์ก็พูดต่ออีกว่า “เอาสิ่งนั้นไปด้วยแล้วกัน อาวุธใหม่ที่พึ่งส่งมาถ้าเจ้าเอาไปแล้วทำตามแผนของข้าต่อให้มีคนเพียงพันหรือสองพันคนก็สามารถต้านกับพวกทหารของเฮอร์เมสที่มีนับหมื่นหรือแสนคนได้แบบสบายๆ แน่นอน
“ครับ ข้าจ้เริ่มเตรียมการเดินทางทันที!”
ดัสตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจแล้วเดินออกจากห้องทันที สีหน้าต่างออกไปจากเมื่อกี้มาก ระหว่างที่เดินออกก็พรางคิดในใจไปด้วยความมั่นใจว่า ‘ถ้ามีสิ่งนั่นที่ส่งมาจากเมืองเมื่อไม่กี่วันก่อนละก็ สามารถเอาอยู่ได้แน่’