ตอนที่แล้วต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 143 ณ ป้อมรักษาการณ์ชั้นนอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 145 สาเหตุที่ออกมา

ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 144 มันเกิดอะไรขึ้นในนั้น


ตอนที่ 144 มันเกิดอะไรขึ้นในนั้น

“ข้าจะทดสอบอะไรหน่อย เจ้าแค่รอดูก็พอมีปัญหากับการตัดสินใจกับข้าหรือไง”

ไมล์ตอบดัสด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้ได้ทันทีว่ากำลังไม่พอใจ ส่วนทางดัสพอได้ฟังคำตอบและใบหน้าของไมล์ที่กำลังมองมาตอนนี้ก็ได้ตอบว่า “ครับท่าน” ด้วยน้ำเสียงเชื่อฟัง

จากนั้นไม่นาน

ปูม!!!!

ปืนใหญ่พลังเวทย์ก็เริ่มยิ่งออกไป ภายในรถไฟตอนนี้เต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือนจากการยิงออกไป แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงอะไรมากคนที่ยืนอยู่เพียงสั่นไปมาเพราะแรงสะเทือนเท่านั้น

บูม!!!

พลังจากปืนใหญ่พลังเวทย์เข้าเป้าแบบที่ตั้งเอาไว้ แต่ทว่าผลที่ออกมากำแพงของป้อมรักษาการณ์กลับไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยแม้แต่น้อย ตัวพลังเวทย์ที่เคลือบป้อมอยู่ก็วิ่งเข้ามาร่วมกันยังจุดที่ปืนใหญ่พลังเวทย์ยิงเข้าไปเมื่อครู่ และเหมือนกับว่ามันจะทำหน้าที่ป้องกันเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่มีพลังจากปืนใหญ่พลังเวทย์เข้าไปทำอะไรกำแพงป้อมได้เลย

“นั้นเป็นพลังต่ำสุดใช่ไหม?”

ไมล์หันไปถามทหารสื่อสาร

แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับเพราะทหารกำลังยืนทำหน้าตกใจมองไปยังกำแพงป้อมรักษาการณ์อยู่ ซึ่งท่าทางของทหารในห้องคบคุมเองก็ไม่ต่างอะไรกับทหารสื่อสาร แม้แต่ดัสเองก็ไม่ต่างกัน เพราะทุกคนต่างก็รู้พลังทำลายของปืนใหญ่พลังเวทย์ดีเพราะถึงแม้ว่ามันจะใช้พลังต่ำสุดในการโจมตี ก็สามารถทำลายกำแพงหนาอย่างดีได้ไม่ยากอะไร แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถทำอะไรป้อมด้านหน้าได้เลย

“ตั้งสติแล้วตอบคำถามมาก่อน!”

“คะ- ครับชะ… ใช่ครับท่าน”

ไมล์ย้ำอีกครั้งไปยังทหารสื่อสาร ทำให้ทหารได้สติกลับมาพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงตกใจ

“นี่มันอะไรครับท่านไมล์???”

ดัสพรึมพรำถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

“เจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามใครละ แต่ยังไงตอนนี้ก็สามรถยืนยันได้หนึ่งอย่างนั่นก็คือพวกมันสามารถป้องกันการโจมตีจากปืนใหญ่พลังเวทย์ได้”

หลังตอบไมล์ก็เริ่มคิดต่อ ‘เป็นแบบนี้ชักท่าไม่ดีสะแล้วสิ การที่พวกมันสามารถป้องกันพลังทำลายระดับต่ำได้ การจะป้องกันพลังทำลายระดับสูงได้ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรด้วย เฮ้อ~ แบบนี้ส่งทูตไปเจรจาก็เสียเวลาป่าว’

“สั่งยิ่งปืนใหญพลังเวทย์พลังงานสูงสุด!”

ไมล์เริ่มสั่งทหารสื่อสารอีกครั้ง

“คะ- ครับ”

หลังจากที่สั่งไปก็ได้มีทหารหนึ่งคนเดินเข้ามาในห้องควบคุมด้วยสีหน้าเร่งรีบ เหมือนกับว่าเจอกับอะไรที่มันตกใจมา เมื่อเดินถึงด้านหน้าของไมล์ทหารก็เริ่มพูดออกมาว่า “ท่านไมล์ตอนนี้มีจอมเวทย์ที่หนีออกมาจากป้อมขอพบกับท่านครับ”

“อะไรนะเอาใหม่?”

ไมล์ให้ทหารยืนยันเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน พร้อมกับคิดในใจไปด้วยว่า ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกละเนี่ย จอมเวทย์หนีออกมาแล้วยังต้องการมาเจอกับเราอีกนี่มันกำลังเล่นอะไรกันอยู่ ทำไมจอมเวทย์ต้องหนีออกมา? ทำไมมันถึงต้องหนีมาพบกับเราด้วย?’

ในหัวของไมล์ตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นก็หันไปทางทหารสื่อสาร

“หยุดการยิงก่อน รอคำสั่งของข้า”

“ครับ…”

‘ตอนนี้รอคุยกับจอมเวทย์ที่หนีออกมาก่อนดีกว่า ว่ามันหนีออกมาเพราะอะไร เพราะตอนนี้คิดยังไงมันก็ไม่ลงตัว ทำไมมันต้องมาเจอกับเราเวลานี้ด้วย???’

ไมล์ยังคนยืนคิดด้วยความสงสัยหลังสั่งหยุดการโจมตี

เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันอะไรได้ แถมปืนใหญ่พลังเวทย์พลังระดับสูงสุกจะสามารถทำลายกำแพงเวทย์ที่เคลือบป้อมเอาไว้ได้อยู่หรือป่าวก็ไม่รู้ไมล์จึงเลือกที่จะหยุดโจมตีก่อนเพราะตอนนี้มีเรื่องผิดปกติมากเกินไป

โดยเฉพาะจอมเวทย์ที่หนีออกมา!

จากนั้นทหารคนเมื่อครู่ก็พาชายสวมชุดคลุมสีแดงเดินเข้ามาในห้องควบคุม ผ้าคลุมสีแดงที่ใส่อยู่ในแสดงให้รู้ว่าเป็นจอมเวทย์ธาตุไฟ แล้วจอมเวทย์ที่กำลังเดินเข้ามาก็กำลังกวาดสายตาซ้ายทีขวาที่เพราะความกลัวอยู่

เมื่อเดินถึง

“เจ้าต้องการอะไรทำไมถึงได้ทำอะไรแบบนี้”

ไมล์ก็เริ่มถามเข้าเรื่องทันที

ทางด้านของจอมเวทย์เมื่อโดนถามก็เบนสายตาไปทางซ้ายทีขวาที่เหมือนกับกำลังจะสื่อออกมาว่าต้องหารให้พวกทหารออกไปจากห้อง ตัวของไมล์เมื่อเห็นท่าทางไม่น่าไว้ใจก็เริ่มตะโกนเสียงแข็งใส่ว่า “รีบพูดมา หรือไม่อยากพูดอีกแล้วตลอดชีวิต!!!”

“มะ- ไม่ครับท่าน”

“งั้นก็รีบบอกมาได้แล้วว่าแกมาทำอะไร… ไม่สิ! เพราะอะไรถึงหนีออกมาจากป้อมนั่น เริ่มจากตรงนั่นก่อนเลย แต่บอกเอาไว้ก่อนถ้าข้าจับได้ว่าโกหกหรือว่าพยามจะทำอะไรละก็ชีวิตของแกได้จบแน่”

ไมล์ถามต่อโดยชี้นิ้วไปที่ป้อมด้านหน้าผ่านหน้าต่าง

ทางด้านของจอมเวทย์เมื่อโดนถามก็พรึมพรำเหมือนกับคนที่พูดคนเดียวว่า “ไม่ออกก็ตายนะสิ!”

“อะไรพูดออกมาให้ดังกว่านี่ข้าไม่ได้ยิน”

ไมล์ถามต่อถึงแม้ว่าจะได้ยินสิ่งที่จอมเวทย์พูดออกมาแล้วก็ตาม

หลังจากที่ถามออกไปอีกครั้งในหัวของไมล์ก็เต็มไปด้วยความสงสัยมากกว่าเดิม ‘อะไรของมันไม่ออกมามันจะตายได้ยังไง นี่มันกล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับทางเราดีกว่าอยู่ในป้อมนั่นเลยเหรอ? มันเกิดอะไรขึ้นด้านในป้อมนั่นกันแน่???’

“ข้าออกมาก็เพื่อข้อเข้าร่วมกับองค์ชายไคเซอร์ครับ”

จอมเวทย์กล่าวด้วยน้ำเสี่ยงสั่นๆ พร้อมคิดในใจไปด้วยว่า ‘บารอนคนนี้มันน่ากลัวชะมัด ต่างจากที่คนเขาลือกันเลย ไหนบอกว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้านี่มันตัวแทนของปีศาจชัดๆ แต่มันก็ยังดกดว่าอยู่รอความตายในป้อมนั่นแหละนะ’

ขณะที่คิดสายตาของจอมเวทย์ก็มองไปยังป้อมที่พึ่งออกมา

“ถ้างั้นข้าคงถามกว้างเกินไปสินะ คนสมองน้อยอย่างแกก็เลยตอบไม่ตรงประเด็น ถ้างั้นเอาใหม่ก็แล้วกัน มัน-เกิด-อะไร-ขึ้น-ในนั้น!!!”

ไมล์กระแทกเสียงช่วงท้าย พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ป้อมรักษาการณ์ชั้นนอกอีกครั้ง ด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด