ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 132 การเลือกของพวกขุนนาง
ตอนที่ 132 การเลือกของพวกขุนนาง
“ท่านตอบไม่ตรงคำถามของข้าท่านบารอน” แลนด์ดรอฟพูดขัดทันทีหลังจากที่ได้คำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามที่ตัวเองถามไป เพราะทางแลนด์ดรอฟไม่ต้องการที่จะรู้เรื่องพวกนี้ แต่ที่ต้องการก็คือไมล์จะทำอะไรกับพวกขุนนางด้านหลังของตนต่างหาก
‘ไอเด็กนี่มันได้ความกวนประสาทมาจากพ่อหรือไง เฮ้อ~’ ไมล์คิดด้วยความเหนื่อยใจหลังจากที่ได้ยินเสียงของแลนด์ดรอฟพูดกับตนอีกครั้ง เพราะตามปกติแล้วเด็กอายุแค่นี้เมื่อต้องเสียพ่อที่เป็นที่พึ่งไป แถมยังมาเห็นพวกขุนนางโดนประหารต่อหน้าแบบนี้อีกต้องกลัวไปแล้ว
แต่แลนด์ดรอฟนั้นต่างออกไป
ท่าทาง!
แววตา!
คำพูด!
ไม่ได้แสดงออกถึงความกลัวหรือความไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย แถมยังกล้าพูดกับไมล์ ทั้งๆที่ขุนนางคนอื่นกลัวจนไม่กล้าพูดกันด้วย ทำให้ไมล์รู้สึกแปลกใจกับแลนด์ดรอฟที่ตัวเองคิดเอาไว้นิดหน่อย ‘ตอนแรกนึกว่าจะโดนเลี้ยงมาแบบทำอะไรไม่เป็นเพราะมีพ่ออย่างแลนด์เนอร์ แต่เราคงคิดผิดไปแล้วสินะ’
“ทางที่ 1 ข้าจะให้พวกขุนนางทรยศอย่างพวกเจ้าทั้งหมดเดินทางออกนากอาณาจักรซึ่งจะไปประเทศไหนก็แล้วแต่พวกเจ้าเลย เพียงแต่ว่า จะสามารถนำสมบัติติดตัวไปได้เพียง 10% ของทั้งหมดเท่านั้น และอย่างที่รู้พวกที่เลือกทางนี้ก็จะโดนถอดยศขุนนางด้วย”
เมื่อเริ่มพูดพวกขุนนางก็ตั้งใจฟังแบบใจจดใจจอ
“ทางที่ 2 พวกเจ้ายอมตายกันสะ! …แต่หลังจากนั้น พวกเจ้าทุกคนก็จะทำประโยชน์ให้กับตระกูลตัวเองเพราะการตาย โดยองค์ชายจะไม่ฆ่าหรือทำลายตระกูลของพวกเจ้าทั้งหมด แต่จะยังให้ผู้สืบทอดตระกูลของพวกเจ้าขึ้นปกครองแทนทั้งหมดกับพวกขุนนางที่ยอมตายเพื่อรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำไป”
เมื่อไมล์พูดจบ
พวกขุนนางต่างก็เงียบสนิทอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ความเงียบมันต่างออกไป เพราะตอนนี้พวกขุนนางส่วนมากภายในห้องต่างก็ทำสีหน้าคิดหนักออกมา เหมือนกับว่ากำลังเจอกับเรื่องที่ตัดสินใจยากอยู่หลังจากที่ได้ฟังข้อเสนอทั้งสองอย่างที่ไมล์ได้พูดออกมาเมื่อครู่
ถ้าตายตระกูลก็ยังคงอยู่
ถ้าหนีตัวเองก็ยังมีชีวิต
สำหรับพวกขุนนางแล้วสองข้อนี้มันมีน้ำหนักพอตัวอยู่เหมือนกัน เพราะความผิดทั้งหมดมันก็เกิดขึ้นกับตัวเองที่ได้ทำอาไว้จะยอมรับโทษมันก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่ทว่าการยอมรับโทษกับเรื่องแบบนี้ก็เท่ากับว่าตัวเองต้องตาย ทั้งๆถ้าหนีออกไปใช้ชีวิตกับครอบครัวของตนก็ได้เพียงแค่ทิ้งยศขุนนาง แถมเงินถึงจะแค่หนึ่งส่วนสิบของทั้งหมดก็คงทำให้สามารถใช้ชีวิตสบายไปตลอดชีวิตไม่ต้องทำงานอะไร ถ้าใช้จ่ายอย่างมีหัวคิด
เรื่องพวกนี้
มันก็เลยทำให้เหล่าขุนนางตัดสินใจยากอย่างที่เห็น จึงแสดงสรหน้าคิดหนักออกมากัน
‘ข้อเสนอพวกนี้มันคล้าย… ไม่สิ! ที่บารอนไมล์มันพูดออกมาเหมือนกับข้อเสอนที่มันเสนอให้กับพ่อของเราเลยไม่มีผิด’ แลนด์ดรอฟคิดในใจ
“สำหรับใครที่ตัดสินใจเลือกข้อที่ 1 ให้ยกมือขึ้นข้ามีเวลาให้ 5 วินาที” ไมล์เริ่มพูดกดดันหลังจากที่เงียบไปสักพัก แล้ว “5”
“4”
“3”
ขณะที่เวลากำลังลดลงพวกขุนนางบางคนก็ยกมือขึ้นมาบ้างแล้ว ซึ่งพวกที่รับข้อหนึ่งการเดินทางออกจากประเทศพร้อมกับครอบครัวนั้นก็ได้มีมากว่า 80% ของพวกขุนนางทั้งหมดเข้าไปแล้ว
“2”
“1”
“หมดเวลา!!!” ไมล์กระแทกเสียงกับการพูดครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เริ่มกวาดสายตามองพวกขุนนางด้านหน้าพร้อมกับพรางคิดไปด้วย ‘เป็นแบบที่คิดเอาไว้ไม่มีผิดพวกมันเห็นแกตัว แล้วคิดว่าจะเอาตัวรอดอย่างเดียวเลย หึหึ!’ สำหรับสิ่งที่ไมล์กำลังเห็นที่ด้านหนาตอนนี้ก็คือพวกขุนนางทั้งหมดพากันยกมือขึ้นมา เพื่อเลือกข้อที่ 1 ตามที่ไมล์ต้องการเอาไว้ทั้งหมด
จากนั้น
“องค์ชายเชิญท่านดำเนินการต่อเถอะครับ ทางข้าไม่มีอะไรต้องทำที่นี่แล้วตัวข้าขอตัวไปดูพวกทหารก่อสร้างรถไฟก่อน” เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วไมล์ก็หันไปพูดกับไคเซอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้บัลลังก์
‘อะไรกันอยากจะไปก็ไปเลยหรือไง เหอะๆ’ ไคเซอร์คิดด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ แต่ก็เข้าใจดี และไม่ได้ว่าอะไรเพราะสิ่งที่ไมล์ได้ทำเอาไว้มันก็ทำไคเซอร์สามารถจัดการได้ง่ายขึ้นเช่นกัน จากนั้นจึงตอบกลับไปว่า “ได้! เชิญท่านไปจัดการได้เลยท่านบารอน”
“ครับ”
เมื่อคุยจบ
ไมล์ก็เดินออกจากห้องโถงทันที่ท่ามกลางความไม่พอใจของพวกขุนนางที่จิกสายตามองไมล์ก่อนออกไปจากห้อง จากนั้นทางไคเซอร์ก็เริ่มดำเนินการตามแผนที่ไมล์ได้วางเอาไว้ทันที โดยการไล่ขุนนางทั้งออกหมดและให้พวกทหารควบคุมอย่างใกล้ชิดในการเก็บสมบัติออกไปเพียง 10% ส่วนสมบัติทั้งหมดที่เหลือ 90% ไคเซอร์ก็ยึดเป็นสมบัติของประเทศทั้งหมด!
‘เฮ้อ~ แบบนี้อณาเขตทางเหนือจะเป็นยังไงต่อละเนี่ย’ ไคเซอร์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์รู้สึกหนักใจเมื่อลองมาคิดถึงอนาคตของอณาเขตทางเหนือเวลานี้ เพราะหลังจากที่ไคเซอร์ไล่พวกขุนนางที่เหลือออกไปจากประเทศ และเมื่อเอาจำนวนพวกที่โดนประหารก่อนหน้าทั้ง 25 คน มาแล้วร่วมแล้วละก็
ขุนนางในอณาเขตทางเหนือเหลือเพียงไม่ถึง 20% ของทั้งหมดด้วยซ้ำ
ซึ่งถ้ายังปล่อยเอาไว้แบบนี้อณาเขตทางเหนือในพื้นที่ไร้ขุนนางปกครองก็จะกลายเป็นดินแดนนอกกฎหมาย ซึ่งก็หมายความว่า จะกลายเป็นพื้นที่มีปัญหาแทน เพราะถึงแม้ว่าจะมีทหารของพวกขุนนางอยู่ก็จริงแต่เมื่อพวกมันไม่มีเจ้านายให้รับใช้
โดยส่วนมากพวกมันก็จะแต่งตั้งตัวเองขึ้นมา แล้วตามกฎของอาณาจักรคนธรรมดาไม่สามารถเป็นขุนนางได้ ซึ่งก็คือ พวกทหารที่มีอำนาจก็จะปกครองพื้นที่แต่ไม่ใช่ขุนนาง ก็เหมือนกับว่าพวกมันก็คือพวกโจรที่จะทำให้อณาเขตมีปัญหานั่นเอง
ด้วยเหตุผลแบบนี้
มันก็เลยทำให้ไคเซอร์กำลังนั่งคิดด้วยใบหน้าหนักใจอยู่บนเก้าอี้บัลลังค์ตอนนี้ แต่เมื่อผ่านไปสักพักหลังจากหนักใจไคเซอร์ก็พูดออกมาต่อด้วยน้ำเสียงพรึมพรำเหมือนกับคนกำลังพูดอยู่คนเดียว “เอาเถอะ! เรื่องนี้ปล่อยให้บารอนไมล์จัดการก็แล้วกัน เพราะยังไงเรื่องนี้เขาก็คงวางแผนเอาไว้แล้วเช่นกัน”