ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 124 สองทาง
" 1.ตาย! 2.รอด! ข้าอยากให้ท่านจำเอาไว้เพียงเท่านี้ เพราะถ้ายังสู้ต่อสิ่งที่รู้อยู่ก็มีเพียงความตายเท่านั้น แต่ถ้ายอมแพ้แล้วเดินทางออกจากอาณาจักรไปก็จะรอด และข้าจะให้เพียงทางเลือกสองทางกับท่านเท่านั้นไม่มีอย่างอื่นโปรดจำเรื่องตรงนี้เอาไว้ด้วย จะไม่มีข้อเสนอ! จะไม่มีเจรจา! จะไม่มีการต่อ- "
" เดี๋ยวก่อน!!! " ระหว่างที่ไมล์กำลังพูดอยู่แลนด์เนอร์ก็ขัดพร้อมกับชูมือขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ไมล์หยุดพูด จากนั้นก็ได้เริ่มพูดต่อ " เรื่องยอมแพ้ข้ายอมแพ้อยู่แล้ว แต่ทางข้าอยาก... ไม่สิ! ข้าต้องการขอร้ององค์ชายในฐานะตระกูลของข้าสักอย่างได้ไหม เพราะยังไงตรกกูลของข้าก็ภัคดีต่ออาณาจักรมาหลายร้อยปี "
" แล้วตอนนี้ องค์ชายได้อยู่ที่นี่ไหม... "
ไมล์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันที พร้อมกับพรางคิดไปด้วย ' ไม่คิดเลยว่ามันจะพูดคำพวกนี้ออกมา [ข้อร้องในฐานะตระกูล ] หึหึ! ได้ยินแบบนี้คิดถึงเรื่องที่ไคเซอร์พูดตอนอยู่ที่เมืองเลย แต่ยังไงก็ลองฟังหน่อยแล้วกัน '
แล้ว
" เจ้าต้องการจะขอร้องอะไรถ้าเรื่องมันไม่มากเกินการตัดสินใจของข้า ตัวข้าจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่จำเป็นต้องไปถึงองค์ชายไคเซอร์หรอก "
หลังจากที่ไมล์พูดออกมาแลนด์เนอร์ก็ทำสีหน้าร้อนรนออกเล็กน้อย ' เอาไงดีพูดกับมันจะดีไหม คนอย่างเราต้องมาพูดขอร้องกับมันเนี้ยนะ!!! ' ถึงแม้ว่าตอนนี้แลนด์เนอร์จะหมดทางเลือกแต่เรื่องที่คนระดับดยุคมาขอร้องขุนนางมนก็ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อยู่ดี เพราะงั้นก็เลยแสดงสีหน้าความลังเลใจออกมา
" รีบพูดมา! ถ้าไม่พูดเรื่องก็จบเพียงเท่านี้ "
ไมล์ที่เห็นท่าทางลังเลของแลนด์เนอร์ก็พูดด้วยน้ำเสียงแข็งเพื่กดดันให้พูด
หลังจากที่พูดสองทางเลือกให้แลนด์เนอร์ฟังไป ทางไมล์ก้ง็ไม่คิดว่าแลนด์เนอร์จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เพราะถ้าเป็นตามที่ไมล์คำนวณเอาไว้แลนด์เนอร์มันต้องเลือกทางรอด และเดินทางออกจากอาณาจักรทันทีตามที่ไมล์พูดไป
แต่ตอนนี้มันกลับบอกว่าจะขอร้องแทน มันก็เลยทำให้เกิดความสงสัยออกมา ทำให้ไมล์เร่งเอาคำตอบจากแลนด์เนอร์ที่กำลังลังเลอยู่
จากนั้น
" ข้าพร้อมที่จะเดินออกนอกประเทศนี้ทันทีแต่ว่า ลูกของข้า หมอนั่นไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยเพราะงั้นอยากให้องค์ชายมอบตำแหน่งผู้ปกครองอณาเขตของข้าให้กัับหมอนั่นด้วย "
' โห่ว! ไม่คิดเลยว่าคนอย่ามันจะห่วงลูกเป็นแบบนี้ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกคนโตของมันจะอายุ 13 ปี ถ้างั้นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรเพราะยังไงอณาเขตทางเหนือมันก็ต้องโดนเปลี่ยนแปลงหลังจากจบเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่แล้ว รับปากมันไปตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีผลอะไรกับแผนของเราที่วางเอาไว้หรอก ' ไมล์เริ่มคิดในใจหลังจากที่ได้ฟังแลนด์เนอร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ แบบคนที่กำลังข้อร้องคนอื่นอย่างอ้อนวอน และเมื่อดูจากท่าทางแล้วแลนด์เนอร์ก็คงไม่ได้วางแผนซ้อนแผนอะไรไว้แน่นอน
ส่วนเรื่องลูกชายของแลนด์เนอร์ก็เป็นเพียงเด็กอายุ 13 ปี
คิดยังไงก็ไม่น่าจะได้กลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ เพราะถึงยังไงกว่าที่จะสร้างปัญหาให้ได้อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายปี แต่นั่นก็หมายถึงว่าต้องมีชีวิตรอดจาการแย่งชิงอำนาจจากญาตของตัวเองด้วย
ถึงจะได้ขึ้นเป็นดยุคคนต่อไปอย่างแท้จริง เพราะถึงตอนนี้จะมอบตำแหน่งให้ไปก็ใช้ว่าจะได้เป็นผู้นำเลย เพราะมันมีญาตอีกจำนวนมากที่เป็นตระกูลสาขาคอยโอกาศกันอยู่เมื่อตัวแลนด์เนอร์ออกไป ตัวลูกชายที่ได้รับตำแหน่งดยุคต้องได้เจอกับเรื่องหนักหนาสาหัสแน่นอนกับการแย่งชิงต่ำแหน่ง
" ท่านแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะให้ลูกขึ้นเป็นดยุค "
" แน่นอน!
" ท่านก็น่าจะเข้าใจดีไม่ใช่หรือไงว่าหมอนั่นต้องโดนอะไรบ้างถ้ารับตำแหน่งต่อจากท่านแบบนี้ อายุน้อย! พ่อไม่อยู่! รอบตัวมีแต่คนไม่จริงใจ! ลูกของท่านต้องเจอกับเรื่องพวกนี้แน่ "
' แกไม่ต้องพูดข้าก็รู้ดี เพราะข้าเองก็ไม่ได้ต่างจากลูกของข้าหรอกกว่าที่จะขึ้นมาเป็นดยุคได้แบบนี้ แต่ถึงแบบนั้น ก็ยังมีคนแบบแกปรากฏตัวออกมาสะได้ ชิ! แลนด์เนอร์มีความรู้สึกไม่พอใจอยู่เต็มเปี่ยมแต่ทว่าถึงอยากจะพูดออกมาเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ เพราะเมื่อดูจากสถาณการณ์ในตอนนี้สิ่งที่ไมล์พูดออกมาทั้งหมดมันก็ไม่ได้มีอะไรผิดเลย เพราะหลังจากนี้เรื่องที่ไมล์พูดต้องเกิดขึ้นแน่
แต่ทางแลนด์เนอร์ก็เข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่แล้วเลยไม่ได้สวนอะไรกลับไป ได้แต่พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ แสดงให้เห็นว่าเข้าใจแล้ว หรือนี่คือการตัดสินใจของมันไปแล้ว ' ท่าทางแบบนัั้นแปลว่าเตรียมใจเอาไว้แล้วสินะ เฮ้อ~ เป็นเพราะองค์ชายตัวป่วนอย่างไคเซอร์แท้ๆ ที่ทำให้มันมีเวลาเตรียมใจ และมีเวลาคิดแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มันสู้อยู่หรอก... ' ไมล์คิดในใจถึงเรื่องที่ไคเซอร์ได้ทำพลาดไปที่ปล่อยเวลาล่วงเลยเป็นวันแบบนี้ เพราะถ้าตามปกติแล้วคนที่โดยเสนอข้อเสนอแบบนี้ถ้าไม่มีเวลาคิดทบทวนหรือตัดสินใจอะไรให้มันแน่นอน
โดยส่วนมากก็จะเลือกที่ปฏิเสธ เหมือนกับการขี่รถบนถนนแล้วโดนคนกวน***แล้วก็ลงมาต่อยกัน แต่พอต่อยกับเสร็จก็มาคิดทีหลังว่าถ้าไม่ทำอะไรก็คงไม่ต้องเสียเวลา หรือเสียชื่อเสียงกันหรอก
หลักการของเรื่องนี้เองก็คล้ายกัน แต่ครั้งนี้แลนด์เนอร์มีเวลาเตรียมใจก็เลยขอยอมแพ้ดักหน้าเอาไว้ ไม่อย่างงั้นไมล์ก็คงได้ฆ่ามันสมใจอยากไปแล้ว
" ถ้างั้นข้าจะไปรีบเตรียมตัวเดินทางออกจากประเศนี้ทันทะ- "
" เดี๋ยวก่อนสิ!!! แกคิดว่าเรื่องทั้หมดมันจบแล้วหรือไง "
ไมล์ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งขณะที่แลนด์เนอร์กำลังจะเดินกลับไป
ทำให้ตอนนี้แลนด์เนอร์แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา แล้วก็พรางคิดไปด้วย ' นี่มันเป็นอะไรอีก เรื่องทั้งหมดก็เจรจาจบไปแล้วไม่ใช่หรือไง??? ' ในหัวของแลนด์เนอร์เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจกับคำพูดของไมล์ที่พูดออกมาเมื่อครู่
แต่ตอนนี้ที่สามารถเข้าใจได้ก็คือมันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนที่ไมล์ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งแบบนั้น จากนั้นแลนดเนอร์ก็เริ่มถามว่า " เจ้าต้องการอะไรอีก เรื่องทั้งหมดมันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ??? "