ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 123 เริ่มการเจรจา
วันต่อมาช่วงเวลาเที่ยงตรง
ณ ทางเข้าด้านหน้าป้อมดีแลนด์
จุดนัดประขุมของทั้งสองฝ่ายนั้นถูกจัดขึ้นที่ด้านนอกของป้อมดีแลนด์ โดนระยะที่ห่างออกมามีไม่มากเท่าไหร่เพียงแค่พ้นรัศมี การโจมตีของผลธนูบนกำแพงเท่านั้น
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเจรจาก็เลยต้องทำแบบนี้ โดยตอนนี้กองทัพที่ทั้งสองคนเอามาด้วยก็มีจำนวนประมาณฝ่ายละ 50 คน ซึ่งเป็นจำนวนมาตฐานสำหรับโลกใบนี้เวลาเจรจานอกสถาณที่แบบที่กำลังจัดอยู่
ทั้งสองทัพตอนนี้ต่างกำลังจักดรูปแบบทัพเป็นแบบวงกลมและที่เว้นที่ว่างตรงกลงเอาไว้ให้ไมล์และแลนด์เนอร์ยืนอยู่ ซึ่งการทำแบบนี้มันก็เหมือนกับโล่มนุษย์ที่ป้องกันคนสำคัญ ทำให้ช่วยรับรองความปลอดภัยขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง แต่เมื่อทั้งสองทัพเดินเข้ามาหากันโดยมีระยะห่างต่อกันประมาณ 20 เมตร พวกทหารก็หยุดเดินกันทันที และเปิดช่องด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นทางออกให้คนตรงกลางเดินออกมา
เมื่อทั้งสองเดินออกมาก็เริ่มก้าวขาเข้าไปหากันอีกเพราะถ้าคุยในระยะ 20 เมตร มันเป็นไปไมไ่ด้เลยที่จะเรียกว่าเจรจาเรียกว่าตะโกนคุยก็อาจะเหมาะกว่า
แต่ถึงทั้งสองคนจะเดินเข้าไปหากันพวกทหารก็ไม่ได้ขยับตามไป โดยตามกฏพวกทหารต้องเว้นระยะห่างเอาไว้ด้านละ 10 เมตร เพื่อเป็นมารยาทในการเจรจาต่อผู้นำทัพ หรือผู้มีอำนาจทั้งสองคนที่กำลังจะเจรจากัน
เมื่อทางไมล์กับแลนด์เนอร์เดินได้ระยะห่างกันไม่เท่าไหร่
" ได้ยินข่าวลือมาตั้งมากมาย ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอตัวจริงในเวลาแบบนี้ ...บารอนไมล์ "
แลนด์เนอร์เริ่มพูดก่อนด้วยใบหน้ายิ้มแบบอ่อนๆ พร้อมกับพรางคิดในใจหลังพูดจบไปด้วย ' คิดเอาไว้แล้วว่ามันต้องตอบรับข้อเสนอของเรา หึหึ! แลนด์เนอร์รู้สึกพึงพอใจอย่างมากเมื่อเห็นไมล์ตอบรับข้อเสนอการเจรจาของตนแบบนี้
แต่ในใจจริงตัวของแลนด์เนอร์ก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันต้องเช่นนี้ ถึงได้เสนอว่าจะเจรจากับไมล์แทนที่จะคุยกับไคเซอร์
" เราอย่าเสียเวลาเลยดีกว่าท่านดยุค ท่านก็น่าจะรู้ดีว่าข้ามาเพราะอะไร "
" นั้นสินะ... เจ้าคงกำลังมีความสงสัย และเรื่องอยากฟังจากข้ามาก-"
" ถ้าเรื่องพ่อแม่ข้าไม่ต้องสนใจข้ายังไม่ได้พูดถึง ส่วนเรื่องที่ข้าสงสัยขอบอกเลยว่ามันไม่มีแล้ว ร่วมถึงเรื่องที่ท่านวางแผนยึดอาณาเขตทางเหนือเอาไว้ด้วย ข้ารู้หมดเพียงแต่ว่าไมพูดเท่านั้น "
ไมล์เริ่มพูดขณะที่แลนด์เนอร์กำลังจะพูดออกมา แต่หลังจากพูดจบสีหน้าของแลนด์เนอร์ที่กำลังมองไมล์ด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ เหมือนกับว่าเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะมันก็ได้เปลี่ยนไป
ใบหน้าของแลนด์เนอร์ตอนนี้เต็มไปด้วยความแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยินไมล์พูดกับตนเมื่อครู่
เพราะตามแหล่งข่าวแล้ว
เรื่องของการเตรียมการตัวทรยศอาณาจักร มันยังไม่โดนเปิดเผยให้ใครรู้เลยสักคน แม้ขนาดพวกขุนนางใกล้ชิดกับตัวของแลนด์เนอร์เองก็มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แถมยังโดนจับตามองอย่างเคร่งคัดไม่มีทางที่จะไปบอกไมล์ได้อย่างแน่นอน ' นี่มันรู้เรื่องแผนของเราได้ยังไงกัน??? ' ในหัวของแลนด์เนอร์เต็มไปด้วยความสงสัย
" เจ้ารู้แผนของข้าได้ยังไง? "
" ข้าเองก็มีหนทางของข้า "
ถึงแม้จะโดนถามไมล์ก็ตอบแบบส่งๆ โดยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
" ถ้างั้นพวกเราก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เจ้ากับองค์ชายไคเซอร์ต้องการยื้นข้อเสนออะไรใให้กับข้า ทำไมถึงได้เรียกออกมาคุยแบบนี้ แต่ทางข้าขอบอกเอาไว้ก่อนเลยแล้วกัน ว่าทางข้าเองก็พอรู้เป้าหมายของพวกเจ้าทั้งสองคนเช่นกัน ถ้าข้อเสนอที่เจ้าพูดออกมามันไม่ดีพอทางข้าเองก็คงไม่ยอมถอยให้ง่ายๆ เหอะ!"
แลนด์เนอร์ออกตัวออกมาก่อนว่าตัวเองเข้าใจเรื่องทั้งหมมดี ซึ่งสิ่งที่ได้พูดออกมาทั้งหมดก็ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น เพราะทางแลนด์เนอร์ก็ข้าใจดีว่าการเจรจานี้จัดขึ้นมาเพราะทางไคเซอร์และไมล์ ไม่ต้องการให้ป้อมดีแลนด์เสียหาย ถ้าไม่อย่างงั้นไมล์ก็คงใช้ปืนใหญ่พลังเวทย์ที่มีพลังทำลายมหาศาลทำลายป้อมไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอเจรจาอะไรแบบนี้
" หึหึหึ... รู้ทันงั้นเหรอ! เสนองั้นเหรอ! ...อย่ามาพูดจาปัญญาอ่อนแบบนี้สิ นี้คิดออกมาได้ยังไงที่ข้าจะมาทำเรื่องอะไรไร้สาระแบบนั้น ในหัวของท่านคงกำลังคิดว่าข้าไม่อยากทำลายกำแพงของป้อมดีแลนด์ด้วยเหตุผลที่ว่าข้าจะเก็บมันเอาไว้ใช้ประโยชน์สินะ "
" แล้วมันไม่ใช่หรือไง? "
แลนด์เนอร์ถามกลับด้วยใบหน้าไม่่พอใจเล็กน้อย
" ไอเรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก แต่ว่า ข้าไม่ได้มีความจำป็นอะไรที่ต้องรักษาป้อมดีแลนด์เอาไว้ขนาดนั้น เพราะยังไงเป้าหมายก็แค่ใช้เป็นฐานในการต่อสู้เพื่อยึดเมืองหลวงคืนเท่านั้น จะทำลายแล้วยึด หรือจะเข้ายึดเลย ค่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรมากหรอก "
' ตามจริงก็อยากเก็บเอาไว้ทำอย่างอื่นด้วยแหละ แต่ตอนนี้อะไรที่สามารถกดดันมันได้ก็ใช้ไปก่อน ' ไมล์คิดในใจขณะที่กำลังพูดอยู่ เพราะตามจริงสิ่งที่ไมล์พูดมันก็ขัดแย้งกับความคิดนิดหน่อย แต่ก็เพื่อกดดันแลนด์เนอร์การใช้คำพูดแบบนี้มันจะได้ผลดีที่สดไมล์ก็เลยเลือกใช้ทางนี้ในการพูดออกมา
หลังพูดจบ
ก็ดูเหมือนว่าแผนใช้คำพูดแบบไม่สนใจอะไรของไมล์มันจะได้ผลด้วย
เพราะเวลานี้แลนด์เนอร์แสดงสีหน้าซีดแบบไก่ต้มออกมาชัดเจน เหงือไหลออกมาเล็กน้อยเพราะความกดดัน ' ชิ! ไม่คิดเลยว่ามันจะมีความคิดแบบนี้ อย่างนี้มันก็เหมือนความคิดของพวกขุนนางปกติไม่ใช่หรือไง ใครกันที่บอกว่ามันเป็นห่วงสามัญชน... ' แลนด์เนอร์เริ่มรู้สึกหวั่นใจหลังจากที่ได้ยินไมล์พูดมา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาชื่อเสียงของไมล์ดีมาตลอดตั้งแต่เรื่องของเอลฟ์ เรื่องของหมู่บ้านมิลล์ ทำให้ข่าวลือเรื่องนิสัยที่เป็นห่วงสามัญชนถูกลือไปทัั่วประเทศ ตัวแลนด์เนอร์ก็เลยกล้าพูดว่าตัวเองรู้แผนทั้งหมดออกมา
แต่ทว่า
ผลที่ออกมาตอนนี้มันกลับต่างออกไป ทั้งคำพูด ท่าทาง และการกระทำของไมล์ที่แสดงออกมาให้เห็น คิดยังไงมันก็คือความคิดของขุนนางปกติที่เอาดีแต่ผลประโยชน์เข้าตัวเองเท่านั้น
" 2 ทาง! " ไมล์เริ่มพูดต่อโดยชูนิ้วมือข้างขวาขึ้นมาสองนิ้ว จากนั้นก็เริ่มพูดต่ออีกว่า " ข้ามีทางเลือกให้ท่านสองทาง และอยากให้เข้าใจใหม่ด้วยว่านี้ไม่ใช่ข้อเสนอแต่มันเป็นเพียงทางเลือกเท่านั้น " ไมล์เริ่มย้ำเกี่ยวกับคำพูดของตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง
" วะ... ว่ามา... "