97-98
3/6
Ep.97
พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น สีหน้าของเสิ่นอี้ดูตกใจมาก เขามองไปยังฉู่เซวียนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เขาจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าเด็กคนนี้ที่เป็นแค่เลเวล 4 เท่านั้น กลับสามารถทำร้ายเว่ยโฉวในเลเวล 5 ขั้นปลายจนบาดเจ็บสาหัสได้ในกระบวนท่าเดียว ยิ่งไปกว่านั้นพลังโจมตีของใบมีดเมื่อครู่ที่เขาเป็นคนหยุดไว้ มันทะลุขีดจำกัดของเลเวล 5 ไปเรียบร้อยแล้ว!
อย่างไรก็ตาม ตัวต้นเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้น เวลานี้กำลังยิ้มแป้นราวกับทั้งหมดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
เสิ่นอี้ยิ้มแหยในใจ ขณะที่ภายนอกกล่าวออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฉู่เซวียน การโจมตีเมื่อกี้เป็นฝีมือนายจริงๆน่ะหรอ? ”
“จริงแท้แน่นอน” ฉู่เซวียนพยักหน้าหนักแน่น
ฟู่ววว!
เสิ่นอี้สูดผ่อนลมหายใจแรง ตอนนี้เขากระจ่างแจ้งแล้วว่านิมิตแห่งสวรรค์และปฐพีในเขตตะวันออกในวันก่อนถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร คงเป็นฝีมือของคนตรงหน้าเขาไม่ผิดพลาดแล้ว
ย้อนกลับไปตอนที่เห็นปรากฏการณ์นี้ เดิมเสิ่นอี้คิดว่าในฐานเทียนหัวคงมีเทพสงครามอีกคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคาดเดาผิดไป
ต่อมา เสิ่นอี้หันไปมองเว่ยโฉวที่นอนอยู่กับพื้นราวสุนัขตาย ในสายตาไม่อาจปกปิดความรู้สึกรังเกียจเอาไว้ได้ สำหรับคนที่คิดฆ่าผู้อื่นทั้งๆที่ตนเป็นฝ่ายผิด เขาเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด
ยังไงก็ตาม เว่ยโฉวยังคงเป็นผู้ใช้พลังเลเวล 5 ขืนปล่อยให้เขาตาย ทางกองทัพจะสูญเสียมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้นเว่ยโฉวคนนี้ก็ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา หากเกิดอะไรขึ้นจะมีอีกหลายปัญหาตามมา
เมื่อคิดได้แบบนี้ เสิ่นอี้เอ่ยขึ้นทันที
“เล่ยซาน รบกวนพาเว่ยโฉวไปหาถังมู่หยูที ดูซิว่าเธอจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้ไหม”
“เหล่าหลี่ คุณก็ไปกับเขาด้วย”
ทั้งสองรับคำ หลังจากทำความเคารพเสิ่นอี้ ทั้งคู่ก็ช่วยกันอุ้มเว่ยโฉวออกไปจากที่นี่ทันที
อย่างไรก็ตาม ดูจากสภาพตอนนี้แล้ว ควรดีใจกับเว่ยโฉวที่ตอนนี้เจ้าตัวหมดสติไป เพราะจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก
‘แต่จะพูดก็พูดเถอะ ชื่อถังหมู่หยูเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลยแฮะ ’
ฉู่เซวียนที่อยู่ข้างๆพอได้ยินคำพูดของเสิ่นอี้ ก็อดย้อนคิด จมหายเข้าไปในความทรงจำไม่ได้
เห็นสีหน้าสงสัยของฉู่เซวียน เสิ่นอี้พอจะทราบว่าเรื่องอะไร เลยอธิบายให้ฟัง “ถังมู่หยูคือผู้รักษาเลเวล 4 ของกองทัพเรา ทักษะทางการรักษาของเธอเป็นที่ชื่นชมแม้กระทั่งในหมู่เทพสงคราม”
“ร้ายกาจขนาดนั้นเชียว?” ได้ยินแบบนั้น ฉู่เซวียนพูดด้วยความประหลาดใจ “งั้นถ้าถึงมือเธอ เจ้าเว่ยโฉวก็มีโอกาสรอดน่ะสิ”
เสิ่นอี้พยักหน้า แล้วกล่าวว่า “ด้วยความสามารถของถังมู่หยู ควบคู่ไปกับความสามารถในการฟื้นตัวของเว่ยโฉว มีโอกาส 9 ใน 10 ที่แขนเขาจะงอกกลับมา”
“อย่างงั้นหรอ” ฉู่เซวียนพึมพำ ท่าทีผิดหวังแสดงออกบนใบหน้าเขาอย่างไม่เก็บงำ
ที่แท้เว่ยโฉวก็ยังกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้ รู้งี้ตอนใช้ท่าผ่ามิติฉันควรเล็งที่หัวดีกว่า ฉู่เซวียนคิดในใจ
“ถึงฉันจะพูดแบบนั้น แต่นายไม่จำเป็นต้องแสดงออกว่าผิดหวังชัดเจนขนาดนี้ก็ได้” เห็นสีหน้าของฉู่เซวียน เสิ่นอี้เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้
“พี่ใหญ่เสิ่นล้อเล่นแล้ว อันที่จริงผมเป็นห่วงความปลอดภัยของหัวหน้าหน่วยเว่ยต่างหาก เพราะเขาเป็นถึงผู้ใช้พลังเลเวล 5 ผมรู้ดีว่าเขามีความสำคัญต่อกองทัพของเรามากขนาดไหน แล้วจะคาดหวังให้เขารักษาไม่หายได้ยังไง?”
‘ฉันเชื่อก็บ้าแล้ว!’ เสิ่นอี้ลอบด่าในใจ
“อะแฮ่ม!” เสิ่นอี้กระแอม ก่อนมองมายังฉู่เซวียน ค่อยๆพูดอย่างช้าๆ
“ฉู่เซวียน นายพึ่งทำเรื่องใหญ่โตในกองทัพ น่ากลัวว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีทั้งสำหรับนายและฉัน”
4/6
Ep.98
“ที่พี่ใหยญ่สิ่นพูดมามันหมายความว่ายังไงกัน” ฉู่เซวียนพอได้ฟัง ก็มีท่าทีไม่พอใจทันที
“หัวหน้าเว่ยได้รับบาดเจ็บเพราะผม ดังนั้นผมเป็นคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเสิ่นอี้แข็งทื่อทันใด ‘มันจะไม่เกี่ยวกับฉันได้ยังไง ฉันเป็นคนพานายมา แต่ในเวลาแค่ไม่ถึงครึ่งวัน นายก็อาละวาดจนเกิดเรื่องใหญ่โตแบบนี้ ขืนฉันปล่อยให้นายอยู่ในกองทัพต่อไป วันหน้าไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก ถึงตอนนั้นฉันได้ถูกเหล่าฉินดุแน่’
“ฉู่เซวียน ในความเห็นของฉัน ฉันว่าตอนนี้นายควรกลับไปก่อน” เสิ่นอี้ถอนหายใจ เอ่ยอย่างอับจนปัญญา
เมื่อเห็นท่าทีของฉู่เซวียนที่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ สีหน้าของเสิ่นอี้หมองลงทันที “นี่คือคำสั่ง!”
มองไปยังสีหน้าห้ามปฏิเสธของเสิ่นอี้ ฉู่เซวียนรู้ดีว่าขืนอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ ได้แต่จำใจตอบ “รับทราบ!”
สรุปก็คือ ฉู่เซวียนได้อยู่ในพื้นที่ของกองทัพได้ไม่ถึงครึ่งวัน เขาก็ถูกเสิ่นอี้ไล่ออกมาซะแล้ว
แต่ในความเป็นจริงมันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น เพราะอย่างน้อยตอนนี้ฉู่เซวียนยังคงอยู่ในสถานะทหาร
อย่างไรก็ตาม ระหว่างเดินทางกลับ ฉู่เซวียนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
เพราะตอนที่เขาฆ่าเว่ยฉี ตนยังไม่ทันได้ฟิวชั่น ศพอีกฝ่ายก็กลายเป็นขี้เถ้าไปแล้วจากผลพวงของท่าผ่ามิติ ขณะเดียวกันเว่ยโฉวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ตาย
หรือก็คือ ในกองทัพเขามีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ฉู่เซวียนคิดว่าต่อให้เขาฆ่าเว่ยโฉวได้ แต่เรื่องนี้มันคงไม่จบลงง่ายๆอยู่ดี
ระหว่างกำลังจมอยู่ในความคิด ฉู่เซวียนก็เดินทางมาถึงที่ตั้งของฐานกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าแล้ว
“อ้าว นั่นพี่ชายฉู่นี่ พี่ไม่ได้ไปเข้ากับกองทัพหรอกหรอ ทำไมกลับมาเร็วจัง?”
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าประตู ฉู่เซวียนก็พบหลิงเอ๋อที่กำลังเดินผ่านไปอย่างรีบร้อน แต่พอเห็นหน้าเขา เธอเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ฉู่เซวียนยิ้ม บอกไปว่า “วันนี้เป็นวันหยุดของกองทัพ ฉันเลยได้กลับมาก่อนเวลา”
“อ๋อ ...” หลิงเอ๋อพยักหน้าว่าเข้าใจ “งั้นฉันจะไปบอกหัวหน้าเฉียวให้”
“ไม่รบกวนดีกว่า ฉันจะไปหาเขาเอง” ฉู่เซวียนยิ้ม จากนั้นไปเจอเฉียวหลวนที่ห้องโถงใหญ่ แล้วเล่าสั้นๆถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในกองทัพ
แม้ ฉู่เซวียนจะอธิบายเพียงสั้นๆ แต่เฉียวหลวนพอจับใจความหลักๆของเรื่องที่เกิดขึ้นได้
เห็นท่าทางพยายามกลั้นหัวเราะของเขา ฉู่เซวียนถึงกับพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง
...
หลายวันถัดมาไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรเกิดขึ้น
ฉู่เซวียนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในกลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า ที่เขาทำก็แค่สอนการต่อสู้แก่เหล่าสมาชิกในกลุ่ม อีกอย่างก็คือแกล้งหลิงเอ๋อ เวลาที่เห็นเด็กสาวหน้าแดงและรีบวิ่งหนีไปอย่างร้อนรน มันทำให้เขาต้องหัวเราะออกมาทุกที
ส่วนเจียงฮ่าว หลังจากได้รับการฝึกฝนจากเฉียวหลวน พลังรบของเขาดีขึ้นมาก จนในที่สุดสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้ใช้พลังเลเวล 2 ได้สำเร็จ อีกทั้งยังถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆของเลเวล 2
ช่วงเวลานี้ เสิ่นอี้ไม่ได้ติดต่อหาฉู่เซวียนให้กลับไปยังกองทัพเลย ราวกับว่าเขาถูกลืมไปแล้ว
ฉู่เซวียนว่างๆไม่มีอะไรทำเลยไปที่สนามประลองเป็นครั้งคราว และผู้เข้าประลองส่วนใหญ่มีแต่พวกอวดดี มีหลายคนไม่เชื่อข่าวลือและดูถูกฉู่เซวียน
อย่างไรก็ตาม หลังจากจัดการเก็บกวาดและจับผู้ใช้พลังเลเวล 4 หลายคนมาฟิวชั่น ก็ไม่มีใครกล้าท้าทายเขาในฐานะเทพมรณะอีก
ทุกวันผ่านพ้นไปด้วยดี
แต่สำหรับฉู่เซวียน แบบนี้มันจืดชืดเกินไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เขากำลังไขว่คว้า--
--คือจุดสูงสุดของโลกใบนี้!