ตอนที่แล้วบทที่ 589 โกหกสีขาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 591 พบกัน

บทที่ 590 ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น(ตอนฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 590 ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

เมื่อไม่นานมานี้ โจวเฟยเฟยรู้สึกปวดหัวมาก เมื่อเธออายุมากขึ้น เรื่องการมีคู่ครองและมีคนมาขอเธอแต่งงานก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้เธอมากนัก เพราะอย่างน้อยสำหรับผู้ชายที่ต้องการมาหมั้นหมายดูตัวกับเธอ พ่อแม่ของเธอจะพูดคุยสอบถามความรู้สึกและสอบถามความคิดเห็นของเธอด้วย

นอกจากนี้ ผู้ชายส่วนใหญ่ที่พ่อสื่อแม่สื่อพยายามจับคู่มาให้ดูตัว เป็นเพียงลูกของนักการเมืองหรือข้าราชการท้องถิ่นเท่านั้น ตระกูลของพวกเขาเทียบไม่ได้เลยกับตระกูลโจว หรือแม้บางคนจะเป็นลูกหลานของตระกูลข้าราชการเก่าแก่แต่ก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมากนัก แล้วคนเหล่านั้นจะเข้าตาพ่อกับแม่ของเธอได้อย่างไร

หรือแม้แต่บรรดาคุณชายตระกูลร่ำรวยที่มาไล่ตามจีบเธอก็มีไม่มากที่จะผ่านเกณฑ์พื้นฐานของพ่อแม่เธอ!

ดังนั้นในช่วงเวลานี้ แม้ว่าโจวเฟยเฟยจะปวดหัวแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอมีปัญหา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหนักใจและหมดหนทางมากที่สุดก็คือ เมื่อเร็วๆนี้ ลูกชายและน้องชายของผู้บริหารระดับสูงในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงต่างค่อยๆ ล้ำเส้นเธอ แต่เนื่องจากตัวตน สถานะ หรือหน้าตาในสังคม ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ มันทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะล่วงละเมิดเธออย่างโจ่งแจ้งมากนัก นั่นจึงทำให้โจวเฟยเฟยพอที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ได้

แต่เธอก็รู้ดีอยู่แล้วว่า พวกคุณชายเสเพลและนายน้อยเอาแต่ใจที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดล้วนแล้วแต่เป็นไอ้สารเลวที่ทาเคลือบด้วยทองและหยก พวกเขาคือหมาป่าในคราบมนุษย์! และในไม่ช้าความอดทนอันน้อยนิดของพวกนั้นก็จะหมดลง จากนั้นตัวตนที่เป็นสัญชาตญาณดิบของหมาป่าก็จะถูกเปิดเผยออกมา และเมื่อถึงเวลานั้น ด้วยพลังอำนาจและอิทธิพลในมือ พวกเขาสามารถบดขยี้โจวเฟยเฟยจนแม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือได้!

และที่สำคัญ คนพวกนั้นยังต้องการทั้งเงินและผู้หญิง!

โจวเฟยเฟยเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยงามและมีเสน่ห์ เธอเป็นคนตัวสูงที่มีหน้าอกและสะโพกอวบอิ่มโดดเด่น นั่นจึงทำให้เธอมีทรวดทรงที่ดึงดูดเพศตรงข้ามเป็นอย่างมาก บวกกับความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่ของตระกูลโจวและเครือข่ายความสัมพันธ์ที่น่าทึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายหลายคนต่างต้องการเธอ!

อย่างไรก็ตามโจวเฟยเฟยไม่สามารถปฏิเสธคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

ในอีกด้านหนึ่ง ภูมิหลังของตระกูลและอิทธิพลของคนเหล่านั้นทำให้โจวเฟยเฟยไม่กล้าทำให้พวกเขาขุ่นเคือง และในทางกลับกัน ผู้ชายเหล่านั้นสามารถเป็นพลังช่วยส่งเสริมให้ตระกูลโจวแข็งแกร่งขึ้นและก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ และเมื่อพ่อแม่กับผู้อาวุโสของโจวเฟยเฟยเห็นถึงช่องทางนี้ ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกาย และมักจะยุยงส่งเสริมให้โจวเฟยเฟยและคุณชายเหล่านั้นออกไปเดินเล่นทำความรู้จักกันบ้างหากพวกเขาไม่มีอะไรทำ...

คนโง่ก็ยังรู้ว่าพวกเขาหมายถึงอะไร!

อย่างไรก็ตาม โจวเฟยเฟยไม่เต็มใจที่จะทำแบบนั้น ดังนั้นเธอจึงซ่อนตัวอยู่แต่ในบริษัททุกวันเพื่อทำงานหนักจะได้หลีกเลี่ยงการตามตื๊อจากผู้ชายเหล่านั้น

ในความเป็นจริงแล้ว ทุกครั้งที่เธอนึกถึงคนเหล่านั้น เธอก็อดสั่นสะท้านในใจไม่ได้ แววตาของพวกเขาเวลาที่จ้องมองเธอ ไม่มีความรู้สึกอื่นใดนอกจากต้องการเห็นเธอในสภาพที่เปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยตัณหา

แม้เธอจะรู้ดีว่ารูปร่างของเธอนั้นมีเสน่ห์ในแบบที่ผู้หญิงควรจะมีมากเกินไป เป็นรูปร่างที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเร่าร้อนและเย้ายวนชนิดที่ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความปรารถนาทางกามารมณ์ตั้งแต่แรกเห็น สิ่งเหล่านี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคุณชายผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น

“เฮ้ออ....”

โจวเฟยเฟยถอนหายใจเบาๆ “ฉันหวังว่าระหว่างเรากับตระกูลเหอจะมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกันมากขึ้นโดยเร็ว บางทีอิทธิพลจากเหอหงเหว่ยอาจจะช่วยให้เราหนีจากฝูงหมาป่าที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้ได้ แต่ถ้าหากเหอหงเหว่ยและตระกูลโจวไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันเพียงพอ บางทีฉันอาจจะถูกพวกนั้นบดขยี้จนตายจริงๆก็ได้...”

แม้ว่าคุณชายและนายน้อยทั้งหลายในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงจะเป็นผู้มีอำนาจในแวดวงของทางการหรือเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเหอหงเหว่ย อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่สามารถทำตัวหยิ่งยโสได้ และถ้าโจวเฟยเฟยได้ชื่อว่าเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของเหอหงเหว่ย เธอก็เชื่อว่าคนเหล่านั้นจะต้องไว้หน้าเหอหงเหว่ยบ้างไม่มากก็น้อย!

“ฉันไม่รู้ว่าต้องร่วมมือกับเหอหงเหว่ยถึงขั้นไหน เหอหงเหว่ยถึงจะเต็มใจช่วยเหลือฉันในเรื่องนี้...” โจวเฟยเฟยถอนหายใจแล้วยิ้มอย่างขมขื่นให้กับตัวเอง “แต่แค่ตอนนี้เราได้ร่วมมือกับเหอหงเหว่ยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว เหลือแค่ว่าเราจะร่วมมือกันได้อีกไกลแค่ไหนเท่านั้น...”

โจวเฟยเฟยไม่คิดว่าเหอหงเหว่ยจะคิดกับเธอฉันชู้สาวเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ดังนั้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน เธอจึงไปที่เหยียนจิงเพื่อพบกับเหอหงเหว่ยเป็นการส่วนตัว

แต่อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่พบว่าแววตาของเหอหงเหว่ยก็มีความปรารถนาในร่างกายของเธอเช่นกัน แต่เธอก็แอบชื่นชมเหอหงเหว่ยมากอยู่ดี เพราะไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำ เขายังคงรักษาพฤติกรรมที่เป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่เป็นการล่วงเกินเธอเลยแม้แต่น้อย!

และนั่นก็ทำให้โจวเฟยเฟยได้ตระหนักว่า แม้ว่าเหอหงเหว่ยเองก็ชอบผู้หญิงสวยๆไม่ต่างจากผู้ชายธรรมดาทั่วไป แต่เขาก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง เขาไม่ยอมให้ตัวเองชอบผู้หญิงที่เต็มไปด้วยจุดประสงค์และผลประโยชน์ในตอนที่เข้าหาเขา

โจวเฟยเฟยต้องการใช้ประโยชน์จากพลังอำนาจของเหอหงเหว่ย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเหอหงเหว่ยไม่ลดตัวลงมาเพื่อแลกกับอะไรแบบนั้น เขามุ่งเน้นแค่เพียงธุรกิจอย่างจริงจังจริงๆเท่านั้น

ดังนั้นโจวเฟยเฟยจึงทำได้แค่เพียงหวังว่า เธอและเหอหงเหว่ยจะสามารถร่วมมือกันต่อไปแบบนี้ได้เรื่อยๆ อย่างน้อยก็ช่วยยับยั้งพวกคุณชายและนายน้อยจอมเสเพลที่มีเจตนาไม่ดีต่อเธอ!

ไม่รู้ว่าทำไม เวลาที่ฉันคิดถึงเหอหงเหว่ย มันถึงได้มีใบหน้าที่เย็นชาของอีกคนหนึ่งผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่เรื่อย บนใบหน้านั้นมีดวงตาคู่หนึ่งที่ลึกล้ำเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า รอยยิ้มที่เฉลียวฉลาดเย็นชาและมั่นใจในตัวเองเช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขา

จี้เฟิง!

ชายหนุ่มที่ใช้ตะเกียบแทงทะลุฝ่ามือของโจวซื่อหลินน้องชายของเธออย่างไร้ความปรานีโดยที่ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น!

โจวเฟยเฟยต้องยอมรับว่า ตั้งแต่เธอเริ่มรู้จักชื่นชอบผู้ชาย เธอก็เรียนรู้วิธีที่จะเป็นเหมือนผู้ชายที่ชื่นชอบผู้หญิงสวย และในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่นชอบผู้ชายหล่อ เธอได้พบกันคนสองคนที่มีเสน่ห์และหล่อเหลาเพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อยในหัวใจ (อิหยังวะ?!)

.....จี้เฟิงและเหอหงเหว่ย!

คนสองคนนี้ หนึ่งในนั้นดูสุภาพและภูมิฐาน เป็นคนอัธยาศัยดีมีความอ่อนโยน อีกคนหนึ่งเป็นคนที่แสดงตัวตนออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะดูเข้าถึงยาก แต่มันกลับมีเสน่ห์ที่ไม่สามารถอธิบายได้

น่าเสียดายที่จี้เฟิงดูเหมือนจะไม่ชอบตระกูลโจว โดยเฉพาะโจวซื่อหลินและเขาก็ไม่คิดที่จะซ่อนความรังเกียจนั้นเลยแม้แต่น้อย และสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นให้เห็นกับตาของเธอเองมาแล้ว เขาพร้อมที่จะโต้กลับ และเป็นการโต้กลับที่โหดร้ายและดุเดือดมาก!

เธอได้พบกับจี้เฟิงสองครั้ง แต่ทั้งสองครั้งจี้เฟิงมีวิธีตอบโต้ที่ไม่เหมือนใคร และเป็นวิธีการที่แย่มาก!

“เฮอะ...”

โจวเฟยเฟยส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจออกมาจากริมฝีปากสีแดงของเธอ จากนั้นเธอสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเพื่อดึงสติและกลับมาสนใจเอกสารที่อยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง

ต๊อก—! ต๊อก—! ต๊อก—!

ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้นที่ด้านนอกประตู โจวเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและคิดในใจว่า หลังจากนี้เธอควรปรึกษากับผู้บริหารและหุ้นส่วนระดับกลางของบริษัท ว่าด้วยเรื่องการใส่ส้นสูง หากใครใส่ส้นสูงมาทำงาน ต้องห้ามวิ่งภายในบริษัทเด็ดขาด... เพราะมันส่งเสียงดังน่ารำคาญมาก!

แต่เสียงนั้นก็ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานของเธอ

“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” เสียงเคาะประตูดังขึ้น

โจวเฟยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย “เข้ามา!”

“แอ๊ดดดด~!”   (ประตูบริษัทใหญ่ดังม๊ากกก)

ประตูถูกผลักเปิดออกและพนักงานหญิงที่อยู่ฝ่ายบริการลูกค้าก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางเร่งรีบและพูดขึ้นว่า “คุณหนูโจวคะ คุณหนูโจว เมื่อสักครู่นี้มีคนโทรมา...”

ผู้หญิงคนนี้เป็นพนักงานฝ่ายบริการลูกค้าที่เพิ่งรับโทรศัพท์และเธอก็รีบพูดสิ่งที่เธอเพิ่งรับสารมา

“อาชญากรรม?! มีคนถามว่าต้องการช่วยชีวิตซื่อหลินอยู่หรือเปล่างั้นเหรอ?!” ใบหน้าของโจวเฟยเฟยเคร่งเครียดขึ้นทันทีและถามว่า “เธอได้ถามชื่อของคนๆนั้นไว้หรือเปล่า?”

“โอ้ จริงด้วยค่ะ ดูเหมือนเขาจะบอกว่าเขาชื่อจี้... จี้เฟิง!”

“ชื่ออะไรนะ?!” โจวเฟยเฟยตกใจขึ้นอย่างกะทันหัน “จี้เฟิง?!”

“ใช่ค่ะใช่! เขาให้บอกคุณหนูด้วยค่ะว่าเขาชื่อจี้เฟิง!” พนักงานฝ่ายบริการไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูโจวถึงได้มีท่าทีตื่นตระหนกมากนัก

“แล้วทำไมเธอไม่รีบมารายงานให้เร็วกว่านี้?!” โจวเฟยเฟยยืนขึ้นทันที “เธอมีข้อมูลการติดต่อของเขาหรือเปล่า? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?!”

ใบหน้าของพนักงานบริการดูเหวอมากในตอนนี้ เธอกำลังไล่นึกคำพูดของเธออยู่ว่าเธอได้พูดอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นการล่วงเกินจี้เฟิงคนนั้นไปมากแค่ไหน เพราะดูจากท่าทีของคุณหนูโจวแล้ว ผู้ชายคนนั้นคงทำให้เธอถูกไล่ออกได้ง่ายๆ

“นี่! มัวยืนเงียบทำไม ได้ยินที่ฉันถามหรือเปล่า?!” โจวเฟยเฟยถามอย่างรีบร้อน

“คะ? อ๋อ มีค่ะมี! มีหมายเลขผู้โทรอยู่ในบันทึกการให้บริการลูกค้า นี่คือหมายเลขไอดีของเขา...” พนักงานหญิงฝ่ายบริการลูกค้ากล่าวอย่างรวดเร็ว

“ไว้ฉันจะกลับมาชำระบัญชีกับเธอ!” โจวเฟยเฟยทิ้งประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะวิ่งออกไปทันที โดยที่ลืมไปว่าเธอยังสวมรองเท้าส้นสูงอยู่ ตอนนี้ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่เหลือเพียงพนักงานหญิงฝ่ายบริการลูกค้ายืนอยู่คนเดียวด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว

ในเวลานี้โจวเฟยเฟยไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยอย่างเรื่องที่ว่าเธอสวมรองเท้าอะไรวิ่ง จี้เฟิงโทรมาบอกด้วยตัวเองเกี่ยวกับเรื่องของซื่อหลิน มันจะต้องไม่ใช่เรื่องที่โทรมาอำกันเล่นแน่ๆ และเขาก็ถูกปฏิเสธถึงสามครั้ง....

โจวเฟยเฟยไม่ต้องการยั่วยุลูกหลาน*ตระกูลขุนนางที่แท้จริง เพราะตราบใดที่พวกเขาเอ่ยปาก พวกเขาก็สามารถฆ่าคนได้แล้ว!

จี้เฟิงมองไปที่โทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่สายสุดท้ายที่เขาวางไปจนถึงตอนนี้ผ่านไปเกือบสองนาทีแล้ว

“ตระกูลโจวนี่ยิ่งใหญ่จริงๆแฮะ ดูเหมือนว่าฉันจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มคนธรรมดาสามัญที่ไม่ควรค่าพอที่จะได้คุยกับพวกเขา!”  จี้เฟิงแค่นเสียงและโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

“Rrrrrrr~!” โทรศัพท์มือถือของจี้เฟิงดังขึ้นทันที

จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตลกแล้ว!

จี้เฟิงบ่นอยู่ในใจและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก “ใคร?!”

“จี้? จี้เฟิง?” มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นจากปลายสาย เสียงนี้เป็นเสียงที่ไพเราะเต็มไปด้วยเสน่ห์ แต่ฟังน้ำเสียงคุณก็สามารถจินตนาการได้ว่าอีกฝ่ายสวยมากขนาดไหน

จี้เฟิงมั่นใจในทันทีว่านี่คือเสียงของโจวเฟยเฟย

แต่เขาก็ยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่ใคร?!”

“จี้เฟิง นี่ฉันเอง โจวเฟยเฟย!” ในอีกด้านหนึ่ง โจวเฟยเฟยแทบจะร้องไห้ แน่นอนว่าเธอได้ยินน้ำเสียงของจี้เฟิงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา เห็นได้ชัดว่าที่เขาถูกตัดสายและไม่ได้รับการตอบรับที่ดีพอในก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่พอใจมาก แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ!

“โจวเฟยเฟย ฉันมีละครที่นำแสดงโดยโจวซื่อหลิน น้องชายของเธออยู่ในมือของฉันตอนนี้ ส่วนเนื้อหาและรายละเอียดฉันไม่อยากจะพูดเท่าไหร่นัก แต่เอาเป็นว่าเธอจะต้องสนใจมันมากแน่ๆ!” จี้เฟิงพูดเข้าประเด็นทันที

โจวเฟยเฟยตกใจทันที แม้ว่าเธอพอจะเดาอะไรบางอย่างได้ แต่ในใจกลับแอบโล่งใจอยู่พอสมควร ที่จี้เฟิงบอกว่ามันเป็นละครที่นำแสดงโดยโจวซื่อหลิน มันคงเป็นคลิปที่เขาถูกแอบถ่ายสักคลิปหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร อย่างมากก็คงจะกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลโจวบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับอาชญากรรม.... ใช่มั้ย?

แต่เนื่องจากจี้เฟิงดูจริงจังกับเรื่องนี้มาก เธอก็อดไม่ได้ที่จะเล่นตามน้ำไปและกล่าวว่า “จี้เฟิง คุณต้องการอะไร ขอแค่คุณบอกฉันมาคำเดียว!”

จี้เฟิงได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูผ่อนคลายของโจวเฟยเฟยเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “อย่าเพิ่งถามว่าฉันต้องการอะไร... ฉันอยากให้เธอมาดูเนื้อหาของละครเรื่องนี้ซะก่อน มันสุดยอดมาก ตัวเอกเล่นได้เลวสมบทบาทจริงๆ.... และถ้าเธอได้เห็นเนื้อหาของละครเรื่องนี้แล้ว เราค่อยมาคุยกันอีกทีว่าจะเอายังไง!”

เมื่อฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยคำถากถางเยาะเย้ยของจี้เฟิง โจวเฟยเฟยก็ตระหนักแล้วว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ และคงไม่ใช่เรื่องที่จะเคลียได้ง่ายๆอย่างที่เธอคิด!

…จบบทที่ 590~❤️

ชนชั้นขุนนาง (ทางการ/ข้าราชการ )เป็นชนชั้นทางสังคมที่อยู่รองลงมาจากชนชั้นเจ้า ชนชั้นนี้ถือครองสิทธิ์หรือชื่อเสียงมากกว่าชนชั้นอื่นในสังคมเป็นส่วนใหญ่ มีการสืบทอดสิทธิ์จากรุ่นสู่รุ่น สิทธิ์ของขุนนางอาจหมายถึง ความได้เปรียบเหนือกว่าชนชั้นอื่น หรืออาจเป็นเกียรติยศ ซึ่งมีบริบทแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด