ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 112 ต้องการ
ภายในห้องควบตุมรถไฟส่วนหน้า
เวลานี้ไมล์กำลังยืนสั่งพวกทหารอยู่เกี่ยวกับเรื่องการบุกเข้าไปในป้อม และกำลังวางแผนการบุกเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นในการบุกเข้าไปทำลายป้อมดีแลนด์ด้านหน้า รอบตัวของไมล์ตอนนี้ก็มีทหารที่เป็นหัวหน้าหน่วยแต่ละหน่วยยืนล้อมกันอยู่เพื่อรอฟังคำอธิบายที่ได้บอกไป
ระหว่างนั้น
" องค์ชายข้ามีรายงานเกี่ยวกับองค์ชายไคเซอร์มาครับ "
ดัสก็เดินข้ามาด้วยหน้าตาตื่น และพูดถึงเรื่องของไคเซอร์ ' คงใกล้มาถึงแล้วสินะ รู้สึกว่าทางนั้นเองก็เร่งเวลาเดินทางเหมือนกันถึงได้มากันเร็วแบบนี้ ' ไมล์คิดในใจทันทีหลังจากที่ได้ยินดัสพูดออกมา สำหรับกองทัพขององค์ชายไคเซอร์ที่กำลังจะเดินทางมาถึงนับว่าเดินทางมาเร็วกว่าปกติมาก เพราะปกติการเดินทัพทหารนับล้านคนแบบนั้นจะต้องใช้เวลาเตรียมการและเวลาพักพอสมควร แต่ไคเซอร์กลับรีบเดินมาถึงเร็วมาก
" เวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะเดินทางมาถึง "
" คาดว่าาอีกประมาณ 3 - 5 ชั่วโมง ก็น่าจะเดินทางมาถึงครับ "
" ถ้างั้นเจ้าก็ไปเตรียมการตอนรับองค์ชายเอาไว้ด้วย และเมื่อมาถึงแล้วก็พาตัวมาพบข้าเลย ข้ามีเรื่องต้องคุยกับองค์ชายไคเซอร์เกี่ยวกับสงครามกับดยุคแลนด์เนอร์นิดหน่อยดก่อนที่จะเริ่มบุก "
" ครับท่าน "
คุยจับดัสก็เดินออกไปจากห้องทันที ' เท่านี้เรื่องของการบุกเราก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ตามจริงก็ยังลังเลใจอยู่ว่าจะยิงปืนใหญ่พลังเวทย์เข้าไปเลยดีไหม เพราะยังไงก็สามารถยิงได้เพียงสี่ครั้งต่อวัน แต่เมื่อเป็นแบบนี้ก็รอไคเซอร์มาแล้วเริ่มแผนการบุกแล้วกัน ใจจริงทางเราเองก็ไมไม่ได้อย่างทำให้ป้อมเสียหายมากนักหรอก เพราะอาจต้องเอาไว้ใช้การอีกหลายอย่างในอนาคต หึหึ! ' สิ่งที่ไมล์กำลังต้องการจากการต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่การที่ชนะดยุคแลนด์เนอร์อย่างเดียวเท่านั้น
เพราะตัวป้อมดีแลนด์เรียกได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสนตร์สำคัญของอณาเขตทางเหนือเลยก็ว่าได้ และภายในป้อมไม่ได้มีเพียงทหารเท่านั้น แต่ยังมีผู้คนนับแสนคนอาศัยอยู่ แถมยังเป็นแหล่งค้าขายสำคัญของอณาเขตทางเหนือกับประเทศจักรวรรดิอีกด้วย ทำให้ถ้าทำลายไปจะเกิดผลเสียมากกว่าผลได้ ไมล์เลยรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อรู้ว่าไคเซอร์กำลังจะเดินทางมาถึง
" ท่านไมล์แล้วเรื่องโจมตีละครับ? "
หนึ่งในทหารที่วางแผนด้านหน้าพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย เพราะทางทหารเองก็ได้รับแผนกันทั้งหมดแล้วก่อนที่ไคเซอร์จะเดินทางมา แต่ไมล์กลับพูดว่าจะคุยกับไคเซอร์ก่อนเริ่มบุกไปเมื่อครู่ ทำให้พวกทหารพากันเกิดความสงสัยขึ้นมากับเรื่องที่ไมล์ได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าให้เริ่มโจมตีได้เลย และคนที่สงสัยก็ไม่ได้มีเพียงคนเดียวเพราะทหารที่กำลังยืนอยู่ต่างก็มองไปยังไมล์ด้วยสายตาเดียวกันเพราะต้องการคำตอบำหรับเรื่องนี้
แล้ว
" หยุดเอาไว้ก่อน พวกเราจะรอองค์ชายเดินทางมาถึงแล้วเริ่มกัน "
ไมล์ก้เริ่มเปลี่ยนคำสั่งของตัวเองเมื่อครู่ ' ตอนนี้ต้องรักษากำลังรบ และเก็บความลับไพ่บนมือเอาไว้ให้มากที่สุดก่อน เพราะตอนนี้ทางศัตรูเองก็น่าจะรู้เรื่องของเราไปเยอะแล้ว การใช้กำลังรบมั่วซั่วตอนนี้มันป่าวประโยชน์ เพราะงั้นใช้คนของไคเซอร์จัดการให้ดีกว่า ' เวลานี้ตั้งแต่ออกเดินทางมาปืนใหญ่พลังเวทย์ยังไม่ได้ใช้งานก็จริง แต่ข้อมูลเรื่องของมันก็เผยแพร่ออกไปให้คนอื่นได้รู้หมดแล้วถึงอนุภาพการทำลายของมัน บางครั้งอาจจะรู้ไปทั่วทวีปแล้วก็ได้เพราะงั้นไมล์จึงต้องปิดบังเรื่องของมันเอาไว้อย่างเรื่องที่ต้องใช้คนขนาดไหนอัดพลังเวทย์เข้าไปเพื่อใช้งานมัน 1 ครั้ง
##############
ทางด้านของไคเซอร์
ณ ด้านหน้าป้อมดีแลนด์
เวลานี้ไคเซอร์และกองทัพของตนก็ได้เดินทางมถึงที่ด้านหน้าค่ายแล้ว และกำลังเดินไปหาไมล์ที่รออยู่บนรถไฟเพื่อคุยเรื่องต่อจากนี้ โดยมีดัสกำลังเป็นคนเดินนำทางให้อยู่ ' นี่มันเรื่องอะไรกันทหารของท่านบารอนเพิ่มมาหรือป่าว? ไม่สิ! จำนวนค่ายใหญ่ขนาดนี้คิดยังไงมันก็ต้องเพิ่มมาแน่นอนแล้ว ไหนจะยังพวกทหารสวมเกราะเหล็กแบบนักรบทั่วไปอีก มันไม่น่าจะมาอยู่ในทัพท่านบารอนได้ไม่ใช่เหรอ แล้วพวกนี้มันมาจากไหนกัน? '
ไคเซอร์ที่เดินตามดัสอยู่เกิดความสงสัยในใจขึ้นหลังจากที่ได้เห็นจำนวนพวกทหารของไมล์มันมากกว่าปกติ เพราะค่ายที่ตั้งอยู่ตอนนี้เป็นเต๊นท์ขนาดเล็กหลายเต๊นท์ และบางจุดก็ตั้งแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน ราวกับว่าแบ่งฝ่ายกันอยู่แล้วยังขุดเกราะเหล็กที่ไม่ใช่ทหารของไมล์ใส่แน่นอนอีก ทำให้ไคเซอร์สงสัยอย่างมากว่ากลุ่มคนพวกนี้มาจากไหนกัน
แต่เมื่อไคเซอร์เดินผ่านทหารพวกที่ตั้งค่ายอยู่ก็ก้มหัวให้ทุกคน ซึ่งมันก็แสดงว่าพวกนี้ไม่ใช่เชลย หรือพวกคนของขุนนางทรยศกันแน่ เพราะเหตุผลนี้ไคเซอร์เลยยังไม่ได้ถามอะไรกับดัสที่เดินนำตัวเองอยู่
จนกระทั่ง
เดินถึงด้านหน้าทางขึ้นของรถไฟก็ได้เจอกับกลุ่มขุนนางสวมชุดเกราะยืนจับกลุ่มกันอยู่ ' พวกนั้นเป็นใคร ' ไคเซอร์รู็สึกแปลกใจเมื่อเห็นพวกขุนนางที่สวมเกราะยืนกันอยู่ สำหรับโลกใบนี้ผู้คนสามารถแบ่งออกแยกได้ทันทีว่าใครเป็นขุนนางใครเปนคนปกติเพราะพวกขุนนางจะมีตราของประเทศสลักเอาไว้ตามเกราะ ด้วยเหตุนี้เองไคเซอร์จึงรู้ได้ทันทีว่าพวกที่ยืนอยู่ด้านหน้าเป็นขุนนางของอณาจักร
ทางด้านของพวกขุนนางเมื่อเห็นไคเซอร์เดินทางมาก็พากันนั่งคุกเข่าลงกันทันทีเมื่อไคเซอร์เดินถึงด้านหน้า จากนั้นก็ได้มีขุนนางที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดพูดขึ้นมา " ข้ารู้สึกดีใจมากครับองค์ชายที่ท่านยังปลอดภัยอยู่ "
" อะ... อ่า "
ไคเซอร์ตอบด้วยน้ำสียงเกร็งๆ
" ...องค์ชายขุนนางพวกนี้เป็นพวกขุนนางที่เข้าร่วมกับเราระหว่างทางที่เดินมาที่นี่ครับ พวกทหาราสวมเกราะเองก็เป็นคนของขุนนางพวกนี้เช่นกัน... "
ดัสอธิบายให้ไคเซอร์ฟังแบบกระซิบ
' ออ~ แบบนี้เอง เท่านี้ก็อธิบายเรื่องของพวกทหารสวมเกราะที่เราเ็นตอนเดินเข้ามาได้แล้ว ตอนแรกก็แปลกใจอยู่หรอกว่าพวกทหารมันมาจากไหนกันนักหน้า ' ไคเซอร์สามารถเข้าใจได้ทันทีถึงสิ่งที่ดัสพูดกับตน เพราะทางไคเซอร์นั้นเป็นคนเขียนข้อความไปหาพวกนี้เองกับมือ แต่เนื้องจากไม่มีเวลารอข้อความตอบกลับทั้งหมดก็เลยไม่รู้ว่ามีใครเข้าร่วมบ้าง และถึงแม้จะรู้ ก็คงจำหน้าไม่ได้อีกเช่นกันเพราะไคเซอร์ไม่ได้สนใจอะไรพวกขุนนางขนาดนั้น แถมยังมีหลายร้อยคนอีกทั่วทั้งประเทศ เป็นใครก็จำหน้าไม่ได้หรอกแค่ชื่อกำลำบากมากแล้ว
จากนั้นไคเซอร์ก็พูดกับขุนนางด้านหน้าของตนว่า...