ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 108 เปลี่ยนไป&โตขึ้น
ภายในรถม้าของแจนด์ลาสที่กำลังพาตัวซิคฟรีสเดินทางกลับจักรวรรดิ
บนรถม้าตอนนี้มีแจนด์ลาสกับซิคฟรีสกำลังหันหน้าเข้าหสกันอยู่ โดยทางซิคฟรีสก็นั่งเงียบไม่ได้พูดอะไร และกำลัังพยามหลับตาเพื่อไม่ให้มองหน้าของแจนด์ลาสที่กำลังนั่งเยื้องที่ฝั่งตรงข้ามของตน สาเหตุที่ซิคฟรีสพยามหลบตาอยู่มันก็เป็นเพราะคำพูดของตัวเองก่อนที่จะออกมาจากเมืองกลับสภาพตอนนี้มันต่างกันลิบลับ แถมระหว่างที่ทำงานแบบทาสที่เมืองทาเลสก็ต้องเจอกับหลายเรื่องทำให้ซิคฟรีสรู้สึกละอายใจอย่างมาก เมื่อได้มานั่งต่อหน้าของแจนด์ลาสในตอนนี้
' ไม่คิดเลยว่าบารอนไมล์จะกล้าทำกับองค์ชายแบบนี้ ' แจนด์ลาสคิดขณะที่กวาดสายตามองซิคฟรีสด้านหน้าด้วยความสงสารและเห็นใจ เพราะสภาพของซิคฟรีสตอนนี้อย่าเรียกว่าองค์ชายเลย สภาพตอนนี้มันยิ่งกว่าชาวนาตามหมู่บ้านชนบทสะอีก เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเศษฝุ่นมากมาย ใบหน้าที่เคยสะอาดเกลี้ยงเกลาก็มีหนวดเคางอกออกมามาให้เห็นได้ประปราย
ถึงแม้ว่าแจนด์ลาสยังมีความโกรธซิคฟรีสในเรื่องที่ปล่อยมอนเตอร์จากคริสตันมาทำลายอณาเขตของตัวเองก็จริง แต่เมื่อเห็นสภาพของซิคฟรีสตอนนี้ทำให้แจนด์ลาสใจอ่อนลงทันที เพราะตั้งแต่เกิดมาซิคฟรีสก็ใช้ชีวิตในฐานะองค์รัชทายาทผู้ที่จะได้ขึ้นเป็นราชาของจักรวรรดิตั้งแต่เด็ก แต่กลับต้องมาทำงานหนักขนาดนี้ แถมโดนทหารของตัวเองทรยศตอนอยู่ในเมืองปล่อยให้ทำงานหนักคนเดียว มันก็ไม่ได้แปลกเลยที่แจนด์ลาสเห็นซิคฟรีสมาตั้งแต่เด็กจะรู้สึกสงสารและเห็นใจ มากกว่าความโกรธที่มีอยู่
' ถึงจะรู้สึกแบบนั้นแต่เรื่องทั้งหมดองค์ชายก็เป็นคนทำเอง ไม่อยากคิดเลยว่าเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนปลดออกจากตำแหน่งผู้สืบทอดจะเป็นยังไง เฮ้อ~ ' แจนด์ลาสยังคงมองซิคฟรีสด้วยความเป็นกังวลอยู่เต็มอก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นตัวของแจนด์ลาสก็ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อไมล์ยังมีตัวตนอยู่ ถ้าเกิดจักรวรรดิผิดคำพูดกับไมล์แจนด์ลาสเองก็ไม่คิดจะอยู่จักรวรรดิอีกต่อไปเช่นกัน เพราะถ้าสู้กันฝ่ายชนะมันต้องเป็นไมล์ที่มีสุดยอดอาวุธกับทหารแน่นอนอยู่แล้ว
" เจ้าจะร่วมมือในการโจมตีสหราชอณาจักรกับบารอนนั่นเหรอ? "
ซิคฟรีสถามออกมาขณะที่กำลังหลับตาอยู่
" ใช่ครับ!
" เจ้าคิดว่าพวกนั้นมันจะแบ่งอณาเขตให้หรือไง ถ้าพวกมันสามารถ.. ไม่สิ! บารอนนั่นมันต้องสามารถชนะสงครามกับทางสหราชอณาจักรได้แน่ ข้าว่าเจ้าน่าจะกลับไปเตรียมกำลังรบเพื่อรอสู้กับมันดีกว่า เพราะข้าคิดว่าถ้ามันได้สหราชอณาจักรประเทศของเราต้องเป็นรายต่อไปที่พวกมันจะบุกเข้ามาแน่ "
หลังจากที่ได้ฟังซิคฟรีสพูดออกมาแจนด์ลาสก็มีความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตจะได้เห็นด้านนี้ของซิคฟรีสที่สามารถวิเคราห์สถาณการณ์ของสงครามได้แบบนี้ ถ้าเป็นเวลาปกติซิคฟรีสก็คงโวยวายและสั่งให้แจนด์ลาสไม่ต้องช่วยเหลือในสงครามครั้งนี้ไปแล้ว ' รู้สึกว่าที่เปลี่ยนไปไม่ใช่ร่างกาย แต่ที่เมืองนั้นสอนเรื่องอื่นให้กับองค์ชายด้วยสินะ ...ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้องค์ชายขึ้นเป็นราชาอยู่หรอกเพราะถ้าเป็นองค์ชายที่รับรู้ถึงความลำบากแบบนั้นต้องสามารถเปลี่ยนแปลงจักรวรรดิได้แน่ เฮ้อ~ ' แจนด์ลาสคิดด้วยความรู้สึกเสียดายหลังจากที่ได้เห็นซิคฟรีสด้านหน้าในตอนนี้ แล้วก็เริ่มพูดต่อ
" โฮ่ะ โฮ่ะ ...รู้สึกว่าที่ท่านไปอยู่ที่เมืองนั้นมาท่านจะเปลี่ยนไปนะครับองค์ชาย "
" ข้าเองก็คิดแบบนั้น ตัวข้าตลอดมาไม่คิดเลยว่าต้องไปใช้ชีวิตในที่อย่างนั้น ได้สัมผัสถึงชีวิตผู้คนทั้งมนุษย์,เอลฟ์,คนแคระ ในระหว่างที่ข้าเดือนร้อนคนของข้าไม่มีใครช่วยเหลือเลยสักคน แต่กลับได้พวกนั้นช่วยเหลือเอาไว้ ทั้งเรื่องของที่พักแล้วก็เรื่องของอาหาร ทั้งๆที่พวกนั้นก็รู้ถึงสิ่งที่ข้าทำดีแต่ก็ยังให้ความช่วยเหลือข้าแบบนั้นอีก "
ซิคฟรีสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาซิคฟรีสต่างก็โดนสั่งไปทำงานแทบทุกอย่างในเมือง เพราะปลูก! สร้างรางรถไฟ! ผลิตน้ำตาล! ด้วยเหตุนี้ก็เลยได้พบกับพวกคนแคระและเอลฟ์ที่ทำงานกันอยู่ และได้พวกนี้ช่วยเหลือทั้งอาหารและที่พัก ต่างจากทหารของตัวเองที่เมืองเพราะพอซิคฟรีสไม่มีอำนาจและเป็นเพียงแค่เชลยสงคราม พวกทหารไม่มีใครสนใจเลย แถมยังดูถูกดูแคลนสารพัด
' ทัศนคติเรื่องของการเหยีดเผ่าพันธ์ก็เปลี่ยนไปด้วยเหรอเนี่ย สุดยอดไปเลย! ' แจนด์ลาสยังคงแปลกใจกับเรื่องที่ซิคฟรีสพูดออกมาอีก เพราะปกติแล้วคำว่าเอลฟ์หรือคนแคระจะไม่ออกมาจากปากของซิคฟรีสเด็ดขาด แต่มันจะเป็นอมนุษย์ เพราะซิคฟรีสโดนปลูกฝังมาโดยคนของจักรวรรดิว่ามนุษย์คืนสิ่งมีชีวิตที่สูงสุด เผ่าอื่นนอกจากมนุษย์มันก็เป็นเพียงอมนุษย์ หรือไม่ก็เป็นเพียงมอนเตอร์เท่านั้น
" เห็นท่านเป็นแบบนี้ข้ารู้สึกสบายใจขึ้นมาก ถ้างั้นก็คงบอกเรื่องที่ข้าลำบากใจได้ละ- "
" ถ้าเรื่องการตัดสิทธิ์ในตำแหน่งราชาของจักรวรรดิไม่ต้องบอกหรอก ตัวข้าเข้าใจถึงเรื่องนั้นดีเพราะตลอดระยะเวลาที่ข้าทำงานข่าวเรื่องข้อเสนอของบารอนไมล์มันลือไปทั่วเมือง ข้าทำใจเอาไว้แล้ว "
" แล้วท่านจะทำยังไงต่อจากนี้? "
แจนด์ลาสถามด้วยความเป็นห่วงต่อทันที เพราะถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจที่ซิคฟรีสรู้เรื่องที่ตนเองหนักใจอยู่ไปแล้ว และไม่อารมณ์เสียใส่ตน แต่ตอนนี้แจนด์ลาสก็เริ่มชินกับความคิดที่่โตขึ้นของซิคฟรีสตอนนี้ไปบ้างแล้วเช่นกัน
" ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่วงคิดว่าคงจะออกไปใช้ชีวิตคนเดียวละมั้ง เพราะข้าเข้าใจว่าต่อให้เรามีเงินหรืออำนาจขนาดไหนมันก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าเราจะมีความสุข เพราะข้าได้เห็นมากับตาแล้ว "
ขณะที่พูดออกมาซิคฟรีสก็พรางยิ้มด้วยรอยยิ้มมีความสุขออกมาเล็กน้อย ' แบบนี้ไหวแน่! ' แจนด์ลาสเมื่อเห็นใบหน้าของซิคฟรีสตอนนี้ก็มีความรู้สึกมั่นใจขึ้นมากกับเรื่องที่ตนเองคิดเอาไว้ ตัวแจนด์ลาสนั้นเข้าใจดีว่าเรื่องคำพูดสามารถโกหกกันได้ แต่ใบหน้ายิ้มแบบมีความสุขของซิคฟรีสอย่างตอนนี้ไม่สามารถโกหกได้แน่นอน จึงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
" องค์ชายข้ามีทางเลือกให้ท่านอยู่ แต่ก่อนที่ข้าจะบอกท่านข้าอย่างให้ท่านเสร็จพิธีสละตำแหน่งที่กำลังจะจัดขึ้นที่พระราชวังก่อน "
แจนด์ลาสพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง ขณะที่พูดอยู่ก็พรางคิดไปด้วย ' ถ้าเป็นแบบนี้สิ่งที่เราหวังเอาไว้ก็สามารถเป็นจริงได้ เพราะถึงแม้ท่านซิคฟรีสจะไม่สามารถเป็นราชาก็ตาม แต่ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้อยู่ หึหึ ' ในหัวของแจนด์ลาสตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจกับเรื่องที่ตนได้เจอ
จากนั้นซิคฟรีสก็ตอบว่า " อ่า ข้าจะรอฟังก็แล้วกัน! " จากนั้นก็หลับตาต่อและใช้หัวพึงไปกับขอบของรถม้าเพื่อพักผ่อน
จากใจนักเขียน. เรื่องหลังจากนี้จะเริ่มอธิบายแบบบุคคลที่ 3 นะครับ เพราะมันต้องตัดฉากหลายฉากมากเพื่อทำให้เนื้อเรื่องสามารถเดินสนุก ตามจริงเวลาเป็นไมล์ผมก็อยากเขียนบุคคลที่ 1 เพราะจะได้อธิบายความคิดออกมาได้มากกว่าแต่ผมคิดว่ามันอาจขัดกันเลยเลือกเขียนแบบนี้ ...ถึงแม้ว่าจะไม่ถนัดบุคคลที่ 3 แต่ก็จะพยามเขียนงานให้ออกมาสุดความสามารถครับ