ตอนที่แล้วWS บทที่ 391 ต่อสู้อีกครั้ง PART 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 393 พิชิตหอคอยแห่งรูนอีกครั้ง PART 1

WS บทที่ 392 ต่อสู้อีกครั้ง PART 2


กำลังโหลดไฟล์

“ฮือ ฮือ ฮือ…”

เสียงร้องไห้ที่น่าขนลุกและหนาวเหน็บเริ่มดังขึ้น ดวงตาสีแดงเลือดในฝ่ามือของเมอร์ลินเริ่มบวมเล็กน้อยราวกับเลือดหยด

ในเวลาเดียวกัน ภาพลวงตาอันน่าสยดสยองก็เริ่มปรากฏขึ้นในจิตใจของเมอร์ลินทีละน้อย จิตใจของเขารับมันไม่ไหวอีกต่อไป เนื่องจากพลังจิตระดับห้าของเขาไม่เพียงพอที่จะต้านทานการกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืด

นี่คือปฏิกิริยาตอบโต้จากดวงตาแห่งความมืด พลังเชิงลบที่รุนแรงซึ่งทำให้เมอร์ลินสูญเสียสติเกือบทั้งหมด พลังนั้นน่าสะพรึงกลัวนี้แม้แต่จิตใจที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าของเมอร์ลินก็ไม่สามารถต้านทานได้

ในช่วงเวลานี้เองที่เมอร์ลินจำคำแนะนำของพ่อมดลีโอได้ เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมพ่อมดลีโอต้องปิดผนึกรูปแบบที่สามขึ้นไป เขาบอกว่าถ้าจำเป็นอย่าปลดผนึกมันเด็ดขาด มิฉะนั้น เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืด

ตอนนี้เมอร์ลินกำลังจะโดนดวงตาแห่งความมืดกลืนกิน

เมอร์ลินส่งเสียงคำรามต่ำและทั้งร่างของเขาถูกแสงสีดำทะมึนห่อหุ้มคล้ายรังไหม สายตาของเขาบิดเบี้ยวและการแสดงออกของเขาบิดเบี้ยวซึ่งดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม การกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืดไม่ใช่สิ่งที่สามารถต้านทานได้ด้วยพลังจิตเพียงอย่างเดียว แถมสติของเมอร์ลินค่อย ๆ จางหายไปอีกและแม้แต่จิตวิญญาณของเขาก็กำลังจะดับลง

เมื่อวิญญาณของเขาดับสนิทแล้ว เมอร์ลินก็จะกลายเป็นศพเดินได้ ร่างกายของเขาจะกลายเป็นเพียงอาหารสำหรับดวงตาแห่งความมืดและจะถูกกลืนกินโดยสมบูรณ์

นักเวทย์ส่วนใหญ่ที่ฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดเสียชีวิตเนื่องจากการกลืนกินของดวงตาแห่งความมืด

*เปรี๊ยะ*

ทันใดนั้น ภายในจิตใต้สำนึกของเมอร์ลิน แม็กซิมแห่งไฟที่เฉื่อยชาก่อนหน้านี้ก็กะพริบเล็กน้อย เปลวเพลิงของมันแผดเผาอย่างต่อเนื่อง ส่องสว่างทำให้จิตใต้สำนึกของเขาสว่างขึ้นอีกครั้งด้วยแสงที่เจิดจ้า

นั่นไม่ใช่ทั้งหมด พลังอันเงียบงันและสงบของแม็กซิมแห่งไฟยังขยายไปถึงดวงตาแห่งความมืดทำให้พลังเชิงลบทั้งหมดที่ปล่อยออกมาจากดวงตาแห่งความมืดสลายไปในทันที ราวกับว่าพลังเชิงลบถูกเปลวเพลิงเผาผลาญออกไป หลังจากปล่อยคลื่นพลังไฟออกมาก็เกิดเสียงกรีดร้องจนแสบหู

ในเวลานี้ ใบหน้าอันน่าสยดสยองปรากฏขึ้นทีละภาพในจิตใจของเมอร์ลิน ใบหน้าของผีดูและฟังดูเหมือนกำลังถูกทรมาน ด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวและเสียงกรีดร้องที่บาดหู

รอบ ๆ เมอร์ลิน ออร่าที่ร้อนแรงลุกโชนขึ้นราวกับเปลวไฟที่ดุร้ายปกคลุมร่างกายของเขา ออร่าที่มืดและเย็นของดวงตาแห่งความมืดหายไปในทันที

สติของเมอร์ลินค่อย ๆ กลับคืนมา เมื่อเขาเห็นแม็กซิมแห่งไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา เขาก็เข้าใจได้ในทันที

“แม็กซิมแห่งไฟสามารถปราบปรามดวงตาแห่งความมืดได้งั้นหรือ?”

การกลืนกินของดวงตาแห่งความมืดนั้นน่าเกรงขามอย่างแท้จริง สติของเมอร์ลินเกือบจะจมลงไปถึงก้นบึ้งและใกล้จะทำให้เขากลายเป็นศพเดินได้

อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังของแม็กซิมแห่งไฟ ดูเหมือนว่ามันจะสามารถระงับดวงตาแห่งความมืดได้ นอกจากจะช่วยเมอร์ลินแล้ว ยังช่วยให้เขาควบคุมดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สามได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

"ดวงตาแห่งความมืด จงทำลาย!”

เมอร์ลินไม่มีเวลาคิด เวลาที่เขาใช้ไปเพื่อเอาชนะการกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืดอาจดูเหมือนยาวนาน แต่ในความเป็นจริง มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งหมายความว่าใบมีดมิติของไคลส์กำลังจะเคลื่อนเข้าสู่ร่างกายของเมอร์ลิน

ดังนั้น เมอร์ลินจึงใช้รูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืดในทันที

ทันใดนั้น แสงสีแดงเข้มก็พุ่งออกมาจากดวงตาแห่งความมืด ปกคลุมด้านหน้าร่างกายของเมอร์ลิน เป็นอีกครั้งที่พลังลึกลับทั้งสองได้ปะทะกัน

*บูม!*

พลังการสลายตัวของดวงตาแห่งความมืดเทียบได้กับพลังฟาดฟันของใบมีดมิติ พลังทั้งสองเป็นรูปแบบที่สามของพลังปีศาจแพนโดร่าแบบพิเศษ ดังนั้นต่างจึงไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน

"นี่มัน? อย่าบอกนะว่าคุณสามารถใช้รูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืดได้”

สีหน้าของไคลส์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ

เนื่องจากไคลส์ได้ฝึกฝนใบมีดมิติ ด้วยพลังที่พิเศษของมัน เขาจึงรู้ดีว่ามันทรงพลังเพียงใด เป็นไปไม่ได้ที่นักเวทย์จะฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าแบบพิเศษรูปแบบที่สามได้ก่อนที่จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่

หากรูปแบบที่สามของมันถูกใช้งาน นักเวทย์จะต้องเผชิญกับพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงกลัว อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเมอร์ลินจะบ้าบิ่นกว่าที่คิดและดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ด้วย

“หรือเป็นเพราะดวงตาแห่งความมืดถูกส่งตรงจากพ่อมดลีโอถึงเมอร์ลิน?”

ไคลส์รู้สึกลังเลเป็นครั้งแรก เมื่อพ่อมดลีโอใช้ดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สามก่อนหน้านี้ มันได้ทำให้เขาหวาดกลัวจนถึงกระดูกสันหลังแล้ว เขารู้ดีว่าพ่อมดลีโอสามารถใช้ดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สี่ได้

ไคลส์ไม่ชอบพ่อมดลีโออย่างยิ่ง เนื่องจากพ่อมดลีโอเป็นหนึ่งในพ่อมดเพียงไม่กี่คนที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับใบมีดมิติของเขาได้

สถานการณ์ ณ ตอนนี้ ไม่ว่าใครต่างก็มองว่าเมอร์ลินถูกกดดันอย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีใครคาดคิดว่า นักเวทย์ระดับสามอย่างเมอร์ลินจะมีแม็กซิมแห่งไฟในจิตใต้สำนึกของเขา

พลังแห่งแม็กซิมจะถูกครอบครองโดยจอมเวทย์ในตำนานเท่านั้น!

แม้ว่าเมอร์ลินจะใช้พลังของแม็กซิมแห่งไฟโดยตรงไม่ได้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าแม็กซิมแห่งไฟก็มีความรู้สึกนึกคิดเช่นกัน ดังนั้น เมื่อสติของเมอร์ลินกำลังจะจมลงอย่างสมบูรณ์ มันก็ตอบสนองเพื่อปราบปรามดวงตาแห่งความมืดและหยุดการกลืนกินของมัน

มันคือการรวมกันของความบังเอิญและเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ทำให้เมอร์ลินสามารถใช้ดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สามและป้องกันการโจมตีของไคลส์ได้

เมอร์ลินยกมือขึ้นเพื่อตรวจสอบดวงตาแห่งความมืดที่ติดอยู่ในฝ่ามือของเขา เขายังคงเห็นใบหน้าแปลก ๆ ในตอนนั้นได้ ท่ามกลางใบหน้าอันน่าสยดสยอง เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจที่เห็นใบหน้าของพ่อมดลีโอด้วย!

เมอร์ลินรู้อยู่ในใจว่าใบหน้าผีเหล่านี้เป็นของเหยื่อที่พ่อมดลีโอสังหารโดยใช้ดวงตาแห่งความมืด อย่างไรก็ตาม พวกเขาถูกดูดกลืนเข้าไปในดวงตาแห่งความมืดด้วยวิธีพิเศษและกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังเชิงลบที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงดวงตาแห่งความมืด

ยิ่งมีคนถูกฆ่ามากเท่าไหร่ พลังด้านลบของดวงตาแห่งความมืดก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงสามารถใช้ดวงตาแห่งความมืดในรูปแบบต่าง ๆ ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักเวทย์จะต้องต้านทานพลังเชิงลบหล่านี้ หากไม่อาจต่อต้านได้ก็จะถูกกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืด

นี่คือความยากลำบากในการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด ด้วยความอันตรายของมัน จึงไม่มีใครกล้าพอที่จะฝึกฝนมัน

ย้อนกลับไปในตอนนั้น พ่อมดลีโอสามารถใช้รูปแบบที่สามได้อย่างอิสระ แต่เมื่อรูปแบบที่สี่ปรากฏขึ้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะใช้มัน ในที่สุด เขาสามารถใช้มันได้เพียงสองครั้งก่อนที่เขาจะถูกกลืนกินไปในที่สุด

แต่ไม่ว่าอย่างไร ณ จุด ๆ นี้ เมอร์ลินได้ผ่านช่วงวิกฤติไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องตอบโต้ ร่างกายทั้งหมดของเขาเปล่งประกายด้วยความผันผวนของพลังธาตุลม เขาจ้องมองที่ไคลส์อย่างแน่วแน่

“ไคลส์ ตอนนี้ถึงเวลาตายของแกแล้ว!”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ต่อจากนั้น เมอร์ลินก็ยกฝ่ามือขึ้นและดวงตาแห่งความมืดก็ปรากฏใบหน้าผีขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในอากาศ ภาพตรงหน้ามันแทบจะทำให้หัวใจหยุดเต้น

เมอร์ลินอยู่ในภาวะบ้าคลั่งอย่างแท้จริง เขาใช้อาศัยประโยชน์ที่แม็กซิมแห่งไฟกำลังปราบปรามดวงตาแห่งความมืด เขาตั้งใจที่จะทำลายผนึกที่พ่อมดลีโอทำไว้ในรูปแบบที่สี่

รูปแบบที่สี่ของดวงตาแห่งความมืดนั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่เมอร์ลินก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะเดินจากไปได้โดยปราศจากอันตราย ด้วยความสามารถปัจจุบันของเขา หากปราศจากการปราบปรามของแม็กซิมแห่งไฟ เขาจะถูกดวงตาแห่งความมืดกลืนกินไปในทันที

แม้จะมีการปราบปรามจากแม็กซิมแห่งไฟ รูปแบบที่สี่ก็เป็นสัตว์ร้ายที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเมอร์ลินไม่แน่ใจนักว่าแม็กซิมแห่งไฟจะสามารถปราบปรามมันได้หรือไม่

แต่ทว่าความปรารถนาที่จะฆ่าไคลส์ด้วยมือของเขานั้นแรงกล้าเกินกว่าที่เมอร์ลินจะสนใจความเป็นเหตุเป็นผลพวกนั้น เขาตัดสินใจที่จะเสี่ยงอีกครั้ง!

“รูปแบบที่สี่? นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ!?”

ในที่สุด ใบหน้าที่สงบของไคลส์ก็มีร่องรอยของความกลัวปรากฏขึ้น เขาชอบที่จะควบคุมสถานการณ์อยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงมีความมั่นใจเต็มที่ในทุกการต่อสู้ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร

แม้แต่เด็กอัศจรรย์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาต้องกังวล!

คราวนี้เมื่อเผชิญหน้ากับเมอร์ลินที่บ้าคลั่งซึ่งกำลังจะปลดปล่อยดวงตาแห่งความมืด รูปแบบที่สี่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง ไคลส์ก็เริ่มคิดที่จะถอยออกจากการต่อสู้ เขาจำได้ว่าพลังของพ่อมดลีโอแข็งแกร่งกว่าเขามาก แม้ว่าจะไม่ได้เผชิญกับมันโดยตรงก็ตาม

ไคลส์คุ้นเคยกับรูปแบบพิเศษที่สี่ของพลังปีศาจแพนร่า แบบพิเศษ แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์ระดับสี่และมีความสามารถที่สูงแต่เขาก็ยังไม่กล้าใช้รูปแบบที่สี่ของใบมีดมิติเลย

ดังนั้น คราวนี้ ไคลส์จึงตัดสินใจถอย!

*หวู่ม*

ไคลส์ถอยกลับอย่างรวดเร็วเนื่องจากเขามีพลังมิติ ในบรรดาคาถาทุกประเภท คาถามิติถือเป็นคาถาที่ลึกลับที่สุดและพิเศษที่สุด แม้แต่ในยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดของนักเวทย์ ก็แทบไม่พบนักเวทย์ธาตุมิติเลย

ดังนั้น หลังจากที่ไคลส์ใช้เวทย์มนตร์มิติ ทั้งเขาและดาบสีเงิน ฮิวลีเออร์ก็ค่อย ๆ จางหายไปราวกับม่านควันบาง ๆ ในไม่ช้าร่างทั้งสองก็หายไปอย่างสมบูรณ์

สิ่งที่เหลืออยู่คือเสียงของไคลส์ “ดวงตาแห่งความมืดเป็นพลังต้องสาป เมอร์ลิน คุณสูญเสียโอกาสที่จะเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดไปแล้วและคงไม่มีทางได้เป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ คุณไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันอีกต่อไป!”

เสียงก้องกังวานอย่างต่อเนื่องในป่าทึบแต่ยังคงชัดเจนกับหูของพวกเขาอย่างอธิบายไม่ได้

*อึก!*

การเคลื่อนไหวของเมอร์ลินก็หยุดชะงักลงเช่นกัน สีหน้าเจ็บปวดปรากฏขึ้นและเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ตอนนี้ ไคลส์ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเขาอีกต่อไปแล้ว เขายังหยุดพยายามปลดผนึกของพ่อมดลีโอบนรูปแบบที่สี่ของดวงตาแห่งความมืด

นั่นคือพลังที่แม้แต่พ่อมดลีโอก็ควบคุมไม่ได้ เขาใช้รูปแบบที่สี่ได้เพียงสองสามครั้งก่อนที่เขาจะตาย การใช้ดวงตาแห่งความมืดโดยที่ไม่คิดให้ดี อาจจะนำไปสู่หายนะในตอนท้าย

โชคดีที่พลังเวทย์ของเมอร์ลินอ่อนแอกว่าผนึกที่พ่อมดลีโอวางไว้เล็กน้อย มิฉะนั้น หากผนึกจะแตกออกและดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สี่ถูกปล่อยออกมา เมอร์ลินจะต้องพึ่งพาแม็กซิมแห่งไฟอย่างเต็มที่เพื่อปราบปรามการกลืนกินของมัน

หากพลังงานของแม็กซิมแห่งไฟไม่เพียงพอที่จะปราบปรามดวงตาแห่งความมืด เมื่อพลังงานของมันหมดลงเมื่อไหร่ เขาก็จะถูกดวงตาแห่งความมืดกลืนกินทันที!

เมอร์ลินตรวจสอบผนึกของดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สี่ มันยังไม่แตกแต่มีรอยร้าวเล็กน้อยและเมอร์ลินก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่รออยู่ภายในรูปแบบที่สี่ของดวงตาแห่งความมืดซึ่งกำลังเล็ดลอดผ่านรอยแตก

แค่ร่องรอยพลังเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่รั่วไหลออกมาก็เพียงพอแล้วที่จะเขย่าเมอร์ลินสั่นไปทั่วตัว ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่พ่อมดลีโอก็ไม่สามารถต้านทานการกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืด รูปแบบที่สี่ได้

รูปแบบที่สี่ของพลังปีศาจแพนโดร่า แบบพิเศษ สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยโดยนักเวทย์ที่มีระดับเจ็ดขึ้นไป ในทางกลับกัน หากใช้รูปแบบที่สี่โดยต่ำกว่าระดับที่เจ็ด ตัวนักเวทย์ก็จะจบลงด้วยชะตากรรมที่คล้ายคลึงกันกับพ่อมดลีโอ

เมอร์ลินหวังพึ่งการปราบปรามจากแม็กซิมแห่งไฟ เขาจะลองทำลายผนึกของรูปแบบที่สี่ของดวงตาแห่งความมืด อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ปลดผนึกรูปแบบที่สามออกแล้ว แม็กซิมแห่งไฟก็ยังคงปราบปรามดวงตาแห่งความมืดอย่างต่อเนื่อง เมอร์ลินตกใจมากเมื่อพบว่าแม็กซิมแห่งไฟ ค่อย ๆ ลดลงทีละน้อย

แม้ว่ากระบวนการจะช้ามากแต่ก็ลดน้อยลงอย่างแน่นอน มันเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการใช้แม็กซิมแห่งไฟเพื่อปราบปรามดวงตาแห่งความมืด รูปแบบที่สาม เมื่อพิจารณาจากสภาพของแม็กซิมแห่งไฟแล้ว เมอร์ลินคาดเดาว่า มันจะคงแบบนี้ไว้ได้อีกสองสามปีเท่านั้น

หากแม็กซิมแห่งไฟหายไปอย่างสมบูรณ์ในเวลาไม่กี่ปีและเมอร์ลินยังไม่ได้เป็นนักเวทย์ระดับสี่ เมอร์ลินก็จะต้องเผชิญกับอันตรายถึงตาย

“พ่อมดเมอร์ลิน คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

เมื่อเห็นว่าไคลส์จากไปแล้ว พ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาตรวจสอบอาการของเมอร์ลิน พวกเขาเห็นเมอร์ลินใช้พลังของดวงตาแห่งความมืด

พลังของดวงตาแห่งความมืดนั้นทรงพลังมากจนแม้แต่ไคลส์ก็ยังกลัวที่จะถอยหนี ดังนั้นพ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ จึงมีร่องรอยของความอิจฉาอยู่บนใบหน้าของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าดวงตาแห่งความมืดเป็นพลังต้องสาป พวกเขายังต้องการพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้!

บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมในทุกยุคสมัยจึงมีนักเวทย์ที่ยังคงกระตือรือร้นที่จะฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด ด้วยพลังของมัน จะทำให้นักเวทย์ที่ฝึกฝนมีพลังที่น่าเกรงขาม!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด