WS บทที่ 392 ต่อสู้อีกครั้ง PART 2
“ฮือ ฮือ ฮือ…”
เสียงร้องไห้ที่น่าขนลุกและหนาวเหน็บเริ่มดังขึ้น ดวงตาสีแดงเลือดในฝ่ามือของเมอร์ลินเริ่มบวมเล็กน้อยราวกับเลือดหยด
ในเวลาเดียวกัน ภาพลวงตาอันน่าสยดสยองก็เริ่มปรากฏขึ้นในจิตใจของเมอร์ลินทีละน้อย จิตใจของเขารับมันไม่ไหวอีกต่อไป เนื่องจากพลังจิตระดับห้าของเขาไม่เพียงพอที่จะต้านทานการกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืด
นี่คือปฏิกิริยาตอบโต้จากดวงตาแห่งความมืด พลังเชิงลบที่รุนแรงซึ่งทำให้เมอร์ลินสูญเสียสติเกือบทั้งหมด พลังนั้นน่าสะพรึงกลัวนี้แม้แต่จิตใจที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าของเมอร์ลินก็ไม่สามารถต้านทานได้
ในช่วงเวลานี้เองที่เมอร์ลินจำคำแนะนำของพ่อมดลีโอได้ เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมพ่อมดลีโอต้องปิดผนึกรูปแบบที่สามขึ้นไป เขาบอกว่าถ้าจำเป็นอย่าปลดผนึกมันเด็ดขาด มิฉะนั้น เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืด
ตอนนี้เมอร์ลินกำลังจะโดนดวงตาแห่งความมืดกลืนกิน
เมอร์ลินส่งเสียงคำรามต่ำและทั้งร่างของเขาถูกแสงสีดำทะมึนห่อหุ้มคล้ายรังไหม สายตาของเขาบิดเบี้ยวและการแสดงออกของเขาบิดเบี้ยวซึ่งดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม การกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืดไม่ใช่สิ่งที่สามารถต้านทานได้ด้วยพลังจิตเพียงอย่างเดียว แถมสติของเมอร์ลินค่อย ๆ จางหายไปอีกและแม้แต่จิตวิญญาณของเขาก็กำลังจะดับลง
เมื่อวิญญาณของเขาดับสนิทแล้ว เมอร์ลินก็จะกลายเป็นศพเดินได้ ร่างกายของเขาจะกลายเป็นเพียงอาหารสำหรับดวงตาแห่งความมืดและจะถูกกลืนกินโดยสมบูรณ์
นักเวทย์ส่วนใหญ่ที่ฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดเสียชีวิตเนื่องจากการกลืนกินของดวงตาแห่งความมืด
*เปรี๊ยะ*
ทันใดนั้น ภายในจิตใต้สำนึกของเมอร์ลิน แม็กซิมแห่งไฟที่เฉื่อยชาก่อนหน้านี้ก็กะพริบเล็กน้อย เปลวเพลิงของมันแผดเผาอย่างต่อเนื่อง ส่องสว่างทำให้จิตใต้สำนึกของเขาสว่างขึ้นอีกครั้งด้วยแสงที่เจิดจ้า
นั่นไม่ใช่ทั้งหมด พลังอันเงียบงันและสงบของแม็กซิมแห่งไฟยังขยายไปถึงดวงตาแห่งความมืดทำให้พลังเชิงลบทั้งหมดที่ปล่อยออกมาจากดวงตาแห่งความมืดสลายไปในทันที ราวกับว่าพลังเชิงลบถูกเปลวเพลิงเผาผลาญออกไป หลังจากปล่อยคลื่นพลังไฟออกมาก็เกิดเสียงกรีดร้องจนแสบหู
ในเวลานี้ ใบหน้าอันน่าสยดสยองปรากฏขึ้นทีละภาพในจิตใจของเมอร์ลิน ใบหน้าของผีดูและฟังดูเหมือนกำลังถูกทรมาน ด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวและเสียงกรีดร้องที่บาดหู
รอบ ๆ เมอร์ลิน ออร่าที่ร้อนแรงลุกโชนขึ้นราวกับเปลวไฟที่ดุร้ายปกคลุมร่างกายของเขา ออร่าที่มืดและเย็นของดวงตาแห่งความมืดหายไปในทันที
สติของเมอร์ลินค่อย ๆ กลับคืนมา เมื่อเขาเห็นแม็กซิมแห่งไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา เขาก็เข้าใจได้ในทันที
“แม็กซิมแห่งไฟสามารถปราบปรามดวงตาแห่งความมืดได้งั้นหรือ?”
การกลืนกินของดวงตาแห่งความมืดนั้นน่าเกรงขามอย่างแท้จริง สติของเมอร์ลินเกือบจะจมลงไปถึงก้นบึ้งและใกล้จะทำให้เขากลายเป็นศพเดินได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังของแม็กซิมแห่งไฟ ดูเหมือนว่ามันจะสามารถระงับดวงตาแห่งความมืดได้ นอกจากจะช่วยเมอร์ลินแล้ว ยังช่วยให้เขาควบคุมดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สามได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
"ดวงตาแห่งความมืด จงทำลาย!”
เมอร์ลินไม่มีเวลาคิด เวลาที่เขาใช้ไปเพื่อเอาชนะการกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืดอาจดูเหมือนยาวนาน แต่ในความเป็นจริง มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งหมายความว่าใบมีดมิติของไคลส์กำลังจะเคลื่อนเข้าสู่ร่างกายของเมอร์ลิน
ดังนั้น เมอร์ลินจึงใช้รูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืดในทันที
ทันใดนั้น แสงสีแดงเข้มก็พุ่งออกมาจากดวงตาแห่งความมืด ปกคลุมด้านหน้าร่างกายของเมอร์ลิน เป็นอีกครั้งที่พลังลึกลับทั้งสองได้ปะทะกัน
*บูม!*
พลังการสลายตัวของดวงตาแห่งความมืดเทียบได้กับพลังฟาดฟันของใบมีดมิติ พลังทั้งสองเป็นรูปแบบที่สามของพลังปีศาจแพนโดร่าแบบพิเศษ ดังนั้นต่างจึงไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน
"นี่มัน? อย่าบอกนะว่าคุณสามารถใช้รูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืดได้”
สีหน้าของไคลส์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ
เนื่องจากไคลส์ได้ฝึกฝนใบมีดมิติ ด้วยพลังที่พิเศษของมัน เขาจึงรู้ดีว่ามันทรงพลังเพียงใด เป็นไปไม่ได้ที่นักเวทย์จะฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าแบบพิเศษรูปแบบที่สามได้ก่อนที่จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่
หากรูปแบบที่สามของมันถูกใช้งาน นักเวทย์จะต้องเผชิญกับพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงกลัว อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเมอร์ลินจะบ้าบิ่นกว่าที่คิดและดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ด้วย
“หรือเป็นเพราะดวงตาแห่งความมืดถูกส่งตรงจากพ่อมดลีโอถึงเมอร์ลิน?”
ไคลส์รู้สึกลังเลเป็นครั้งแรก เมื่อพ่อมดลีโอใช้ดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สามก่อนหน้านี้ มันได้ทำให้เขาหวาดกลัวจนถึงกระดูกสันหลังแล้ว เขารู้ดีว่าพ่อมดลีโอสามารถใช้ดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สี่ได้
ไคลส์ไม่ชอบพ่อมดลีโออย่างยิ่ง เนื่องจากพ่อมดลีโอเป็นหนึ่งในพ่อมดเพียงไม่กี่คนที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับใบมีดมิติของเขาได้
สถานการณ์ ณ ตอนนี้ ไม่ว่าใครต่างก็มองว่าเมอร์ลินถูกกดดันอย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีใครคาดคิดว่า นักเวทย์ระดับสามอย่างเมอร์ลินจะมีแม็กซิมแห่งไฟในจิตใต้สำนึกของเขา
พลังแห่งแม็กซิมจะถูกครอบครองโดยจอมเวทย์ในตำนานเท่านั้น!
แม้ว่าเมอร์ลินจะใช้พลังของแม็กซิมแห่งไฟโดยตรงไม่ได้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าแม็กซิมแห่งไฟก็มีความรู้สึกนึกคิดเช่นกัน ดังนั้น เมื่อสติของเมอร์ลินกำลังจะจมลงอย่างสมบูรณ์ มันก็ตอบสนองเพื่อปราบปรามดวงตาแห่งความมืดและหยุดการกลืนกินของมัน
มันคือการรวมกันของความบังเอิญและเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ทำให้เมอร์ลินสามารถใช้ดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สามและป้องกันการโจมตีของไคลส์ได้
เมอร์ลินยกมือขึ้นเพื่อตรวจสอบดวงตาแห่งความมืดที่ติดอยู่ในฝ่ามือของเขา เขายังคงเห็นใบหน้าแปลก ๆ ในตอนนั้นได้ ท่ามกลางใบหน้าอันน่าสยดสยอง เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจที่เห็นใบหน้าของพ่อมดลีโอด้วย!
เมอร์ลินรู้อยู่ในใจว่าใบหน้าผีเหล่านี้เป็นของเหยื่อที่พ่อมดลีโอสังหารโดยใช้ดวงตาแห่งความมืด อย่างไรก็ตาม พวกเขาถูกดูดกลืนเข้าไปในดวงตาแห่งความมืดด้วยวิธีพิเศษและกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังเชิงลบที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงดวงตาแห่งความมืด
ยิ่งมีคนถูกฆ่ามากเท่าไหร่ พลังด้านลบของดวงตาแห่งความมืดก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงสามารถใช้ดวงตาแห่งความมืดในรูปแบบต่าง ๆ ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักเวทย์จะต้องต้านทานพลังเชิงลบหล่านี้ หากไม่อาจต่อต้านได้ก็จะถูกกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืด
นี่คือความยากลำบากในการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด ด้วยความอันตรายของมัน จึงไม่มีใครกล้าพอที่จะฝึกฝนมัน
ย้อนกลับไปในตอนนั้น พ่อมดลีโอสามารถใช้รูปแบบที่สามได้อย่างอิสระ แต่เมื่อรูปแบบที่สี่ปรากฏขึ้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะใช้มัน ในที่สุด เขาสามารถใช้มันได้เพียงสองครั้งก่อนที่เขาจะถูกกลืนกินไปในที่สุด
แต่ไม่ว่าอย่างไร ณ จุด ๆ นี้ เมอร์ลินได้ผ่านช่วงวิกฤติไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องตอบโต้ ร่างกายทั้งหมดของเขาเปล่งประกายด้วยความผันผวนของพลังธาตุลม เขาจ้องมองที่ไคลส์อย่างแน่วแน่
“ไคลส์ ตอนนี้ถึงเวลาตายของแกแล้ว!”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ต่อจากนั้น เมอร์ลินก็ยกฝ่ามือขึ้นและดวงตาแห่งความมืดก็ปรากฏใบหน้าผีขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในอากาศ ภาพตรงหน้ามันแทบจะทำให้หัวใจหยุดเต้น
เมอร์ลินอยู่ในภาวะบ้าคลั่งอย่างแท้จริง เขาใช้อาศัยประโยชน์ที่แม็กซิมแห่งไฟกำลังปราบปรามดวงตาแห่งความมืด เขาตั้งใจที่จะทำลายผนึกที่พ่อมดลีโอทำไว้ในรูปแบบที่สี่
รูปแบบที่สี่ของดวงตาแห่งความมืดนั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่เมอร์ลินก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะเดินจากไปได้โดยปราศจากอันตราย ด้วยความสามารถปัจจุบันของเขา หากปราศจากการปราบปรามของแม็กซิมแห่งไฟ เขาจะถูกดวงตาแห่งความมืดกลืนกินไปในทันที
แม้จะมีการปราบปรามจากแม็กซิมแห่งไฟ รูปแบบที่สี่ก็เป็นสัตว์ร้ายที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเมอร์ลินไม่แน่ใจนักว่าแม็กซิมแห่งไฟจะสามารถปราบปรามมันได้หรือไม่
แต่ทว่าความปรารถนาที่จะฆ่าไคลส์ด้วยมือของเขานั้นแรงกล้าเกินกว่าที่เมอร์ลินจะสนใจความเป็นเหตุเป็นผลพวกนั้น เขาตัดสินใจที่จะเสี่ยงอีกครั้ง!
“รูปแบบที่สี่? นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ!?”
ในที่สุด ใบหน้าที่สงบของไคลส์ก็มีร่องรอยของความกลัวปรากฏขึ้น เขาชอบที่จะควบคุมสถานการณ์อยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงมีความมั่นใจเต็มที่ในทุกการต่อสู้ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร
แม้แต่เด็กอัศจรรย์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาต้องกังวล!
คราวนี้เมื่อเผชิญหน้ากับเมอร์ลินที่บ้าคลั่งซึ่งกำลังจะปลดปล่อยดวงตาแห่งความมืด รูปแบบที่สี่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง ไคลส์ก็เริ่มคิดที่จะถอยออกจากการต่อสู้ เขาจำได้ว่าพลังของพ่อมดลีโอแข็งแกร่งกว่าเขามาก แม้ว่าจะไม่ได้เผชิญกับมันโดยตรงก็ตาม
ไคลส์คุ้นเคยกับรูปแบบพิเศษที่สี่ของพลังปีศาจแพนร่า แบบพิเศษ แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์ระดับสี่และมีความสามารถที่สูงแต่เขาก็ยังไม่กล้าใช้รูปแบบที่สี่ของใบมีดมิติเลย
ดังนั้น คราวนี้ ไคลส์จึงตัดสินใจถอย!
*หวู่ม*
ไคลส์ถอยกลับอย่างรวดเร็วเนื่องจากเขามีพลังมิติ ในบรรดาคาถาทุกประเภท คาถามิติถือเป็นคาถาที่ลึกลับที่สุดและพิเศษที่สุด แม้แต่ในยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดของนักเวทย์ ก็แทบไม่พบนักเวทย์ธาตุมิติเลย
ดังนั้น หลังจากที่ไคลส์ใช้เวทย์มนตร์มิติ ทั้งเขาและดาบสีเงิน ฮิวลีเออร์ก็ค่อย ๆ จางหายไปราวกับม่านควันบาง ๆ ในไม่ช้าร่างทั้งสองก็หายไปอย่างสมบูรณ์
สิ่งที่เหลืออยู่คือเสียงของไคลส์ “ดวงตาแห่งความมืดเป็นพลังต้องสาป เมอร์ลิน คุณสูญเสียโอกาสที่จะเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดไปแล้วและคงไม่มีทางได้เป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ คุณไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันอีกต่อไป!”
เสียงก้องกังวานอย่างต่อเนื่องในป่าทึบแต่ยังคงชัดเจนกับหูของพวกเขาอย่างอธิบายไม่ได้
*อึก!*
การเคลื่อนไหวของเมอร์ลินก็หยุดชะงักลงเช่นกัน สีหน้าเจ็บปวดปรากฏขึ้นและเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ตอนนี้ ไคลส์ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเขาอีกต่อไปแล้ว เขายังหยุดพยายามปลดผนึกของพ่อมดลีโอบนรูปแบบที่สี่ของดวงตาแห่งความมืด
นั่นคือพลังที่แม้แต่พ่อมดลีโอก็ควบคุมไม่ได้ เขาใช้รูปแบบที่สี่ได้เพียงสองสามครั้งก่อนที่เขาจะตาย การใช้ดวงตาแห่งความมืดโดยที่ไม่คิดให้ดี อาจจะนำไปสู่หายนะในตอนท้าย
โชคดีที่พลังเวทย์ของเมอร์ลินอ่อนแอกว่าผนึกที่พ่อมดลีโอวางไว้เล็กน้อย มิฉะนั้น หากผนึกจะแตกออกและดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สี่ถูกปล่อยออกมา เมอร์ลินจะต้องพึ่งพาแม็กซิมแห่งไฟอย่างเต็มที่เพื่อปราบปรามการกลืนกินของมัน
หากพลังงานของแม็กซิมแห่งไฟไม่เพียงพอที่จะปราบปรามดวงตาแห่งความมืด เมื่อพลังงานของมันหมดลงเมื่อไหร่ เขาก็จะถูกดวงตาแห่งความมืดกลืนกินทันที!
เมอร์ลินตรวจสอบผนึกของดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สี่ มันยังไม่แตกแต่มีรอยร้าวเล็กน้อยและเมอร์ลินก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่รออยู่ภายในรูปแบบที่สี่ของดวงตาแห่งความมืดซึ่งกำลังเล็ดลอดผ่านรอยแตก
แค่ร่องรอยพลังเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่รั่วไหลออกมาก็เพียงพอแล้วที่จะเขย่าเมอร์ลินสั่นไปทั่วตัว ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่พ่อมดลีโอก็ไม่สามารถต้านทานการกลืนกินจากดวงตาแห่งความมืด รูปแบบที่สี่ได้
รูปแบบที่สี่ของพลังปีศาจแพนโดร่า แบบพิเศษ สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยโดยนักเวทย์ที่มีระดับเจ็ดขึ้นไป ในทางกลับกัน หากใช้รูปแบบที่สี่โดยต่ำกว่าระดับที่เจ็ด ตัวนักเวทย์ก็จะจบลงด้วยชะตากรรมที่คล้ายคลึงกันกับพ่อมดลีโอ
เมอร์ลินหวังพึ่งการปราบปรามจากแม็กซิมแห่งไฟ เขาจะลองทำลายผนึกของรูปแบบที่สี่ของดวงตาแห่งความมืด อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ปลดผนึกรูปแบบที่สามออกแล้ว แม็กซิมแห่งไฟก็ยังคงปราบปรามดวงตาแห่งความมืดอย่างต่อเนื่อง เมอร์ลินตกใจมากเมื่อพบว่าแม็กซิมแห่งไฟ ค่อย ๆ ลดลงทีละน้อย
แม้ว่ากระบวนการจะช้ามากแต่ก็ลดน้อยลงอย่างแน่นอน มันเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการใช้แม็กซิมแห่งไฟเพื่อปราบปรามดวงตาแห่งความมืด รูปแบบที่สาม เมื่อพิจารณาจากสภาพของแม็กซิมแห่งไฟแล้ว เมอร์ลินคาดเดาว่า มันจะคงแบบนี้ไว้ได้อีกสองสามปีเท่านั้น
หากแม็กซิมแห่งไฟหายไปอย่างสมบูรณ์ในเวลาไม่กี่ปีและเมอร์ลินยังไม่ได้เป็นนักเวทย์ระดับสี่ เมอร์ลินก็จะต้องเผชิญกับอันตรายถึงตาย
“พ่อมดเมอร์ลิน คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
เมื่อเห็นว่าไคลส์จากไปแล้ว พ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ ก็รีบเข้ามาตรวจสอบอาการของเมอร์ลิน พวกเขาเห็นเมอร์ลินใช้พลังของดวงตาแห่งความมืด
พลังของดวงตาแห่งความมืดนั้นทรงพลังมากจนแม้แต่ไคลส์ก็ยังกลัวที่จะถอยหนี ดังนั้นพ่อมดเอนเวียและคนอื่น ๆ จึงมีร่องรอยของความอิจฉาอยู่บนใบหน้าของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าดวงตาแห่งความมืดเป็นพลังต้องสาป พวกเขายังต้องการพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้!
บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมในทุกยุคสมัยจึงมีนักเวทย์ที่ยังคงกระตือรือร้นที่จะฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด ด้วยพลังของมัน จะทำให้นักเวทย์ที่ฝึกฝนมีพลังที่น่าเกรงขาม!