MDB ตอนที่ 28 แน่ใจนะว่าใช้ปากพูดออกมา?
ผู้ชายคนนี้มีพุงเล็กน้อยและเตี้ย อย่างไรก็ตาม เขามีออร่าอันทรงพลังและสวมเสื้อคลุมของพ่อครัว เขาเป็นหัวหน้าพ่อครัวผู้มีเกียรติเหลียวกู่
“ที่นี่เสียงดังมากจนข้าได้ยินถึงในครัว มันเกิดอะไรขึ้น?” เหลียวกู่ถามด้วยความกังวลเกี่ยวกับปัญหากับอาหารของเขา
เมื่อเห็นเหลียวกู่ จางไป่ลี่โพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็น เจ้าของร้านอาหารเห็นว่าเหลียงกู่กำลังพักผ่อนในระหว่างการเดินทางของเขา ดังนั้นเขาจึงขอความช่วยเหลือจากเขาและเชิญเขาให้นำเสนอทักษะการทำอาหารที่ร้านอาหารของพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งวันโดยหวังว่าจะเพิ่มชื่อเสียงให้ทางร้าน เนื่องจากปลามังกรน้ำส้มพรีเมียมเป็นอาหารจานเด่นของเหลียวกู่ ดังนั้นหากเหลียวกู่เห็นจานที่ถูกสับเปลี่ยน เขาจะต้องรู้ในทันทีอย่างแน่นอน
จางไป่หลี่จึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที
“ท่านเหลียว ท่านมาที่นี่ทำไม? มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ข้าจะจัดการมันเอง” จางไป่หลี่พยายามจะไล่เขาออก เขากลัวว่าเหลียวกู่จะค้นพบความจริง
เขาได้ยินมาว่ามีข่าวลือไปทั่วเกี่ยวกับเหลียวกู่ เขาอารมณ์เสียง่ายและเกลียดชังคนหลอกลวง
อย่างไรก็ตาม ความกลัวที่เลวร้ายที่สุดของจางไป่หลี่ก็เป็นจริง เหลียวกู่เดินผ่านเขาและตรงไปที่หลินจิน
ขณะที่กู่เมียงจงกำลังเตรียมตัวที่จะจากไป เขาก็มองเห็นเหลียวกู่และเผยรอยยิ้มออกมา
“ช่างเป็นวันที่ดีที่ข้าได้พบกับเพื่อนเก่าในต่างแดน ถึงข้าจะไม่อยากรบกวนพี่เหลียวแต่เนื่องจากเขาอยู่ที่นี่ ข้าจะไปทักทายเขา”
เมื่อพูดแล้วเขาก็เดินเข้าใกล้ที่เกิดเหตุด้วย
ในขณะนั้นเอง เสียงพูดคุยที่ทับซ้อนกันก็ปะทุขึ้นจากคนรอบข้าง รวมถึงลูกค้าด้วย ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับหลินจินเต็มไปในอากาศ ทำให้ดูเหมือนว่าเขาจงใจขอสู้
หลินจินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ใช่กับจ้าวหยิงและหลู่เสียวหยุน พวกเธอโต้เถียงกับผู้คนรอบ ๆ ความปั่นป่วนของพวกเขาก็ไม่ต่างเสียงหวีดแหลมของกาต้มน้ำที่กำลังเดือด แต่เมื่อเห็นว่าจ้าวหยิงกำลังจะร้องไห้ด้วยน้ำตาที่โกรธ หลินจินก็ส่ายหัว เขาพยายามโอนอ่อนต่อเหตุการณ์นี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ไม่เพียงแต่พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมรับที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเมนู พวกเขายังกล่าวหาหลินจินแทน
'เรื่องนี้ควรจะจบง่าย ๆ แต่พวกเขากลับไม่ยอมจบด้วยดี ก็ได้! มาทำให้เรื่องนี้บานปลายจนคุมไม่อยู่เลยดีกว่า!'
ในขณะที่หลินจินกำลังจะทำบางอย่าง ทันใดนั้น ชายอ้วนคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“คุณลูกค้า ข้าชื่อเหลียวกู่ ข้าเป็นคนเตรียมปลามังกรน้ำส้มพรีเมียมตัวนี้ ข้าขอถามได้ไหมว่า อาหารของข้ามีปัญหาอะไรหรือไม่?” เหลียวกู่ไม่ได้ทราบถึงรายละเอียดของเรื่องนี้ เขาได้ยินเพียงว่ามีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับปลามังกรน้ำส้มพรีเมียม เขาจึงมาถามด้วยความอยากรู้ ท้ายที่สุดเขาต้องการรักษาภาคภูมิใจในเมนูของเขาเท่านั้น
“นั่นพ่อครัวใหญ่เหลียว!”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นพ่อครัวที่เก่งที่สุดในโลก แม้แต่ราชวงศ์และขุนนางยังต้องจองให้เขาล่วงหน้าหกเดือนเพื่อชิมอาหารของเขา”
เมื่อได้ยินความคิดเห็นจากฝูงชน หลินจินก็ตระหนักว่าบุคคลนี้เป็นพ่อครัวใหญ่ที่ยอดเยี่ยมที่ทุกคนพูดถึง เขาทำความเคารพอย่างสุภาพและอธิบายเหตุการณ์อย่างละเอียด
“…และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสร้างปัญหาแต่การหลอกใครด้วยของปลอมนั้นมากเกินไป เมื่อข้าต้องการคำอธิบาย ข้ากลับได้รับข้อกล่าวหาจากผู้จัดการว่าข้าตั้งใจจะทานอาหารฟรี ถ้าไม่มีใครเต็มใจจะอธิบาย ข้า หลินจินยินดีที่จะนำสิ่งนี้ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่”
หลินจินดูจริงจัง เขาเปล่งรัศมีที่สง่างามและสูงส่ง คำพูดของเขาชัดเจนและสุภาพ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ฝูงชนมองว่าเขาไร้การศึกษาและเป็นผู้ประเมินจอมปลอม
หลังจากได้ยินเขา เหลียวกู่พยักหน้าแล้วหันไปหาปลามังกรน้ำส้มพรีเมียมสองจานแล้วขมวดคิ้ว
เขาเป็นใคร?
เขาเป็นพ่อครัวใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเพียงคนเดียว ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษคือปลามังกรน้ำส้มพรีเมียมซึ่งสามารถบอกความแตกต่างได้เพียงแค่เปรยตามอง
อย่างที่หลินจินได้กล่าวไว้ มีคนทำของปลอมเพื่อหลอกลูกค้า เหลียวกู่อาศัยอยู่ในร้านอาหารมาเกือบทั้งชีวิต ดังนั้นเขาจะพลาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างไร เขาจึงหันไปหาจางไป่ลี่ทันที
จางไป่หลี่กัดลิ้นของเขาและเลือดไหลออกจากปาก แน่นอนว่าเรื่องทุกอย่าง เขารู้อยู่แกใจดี
เหลียวกู่หันไปถามหลินจินว่า "ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่า ท่านค้นพบความจริงได้อย่างไร"
“ด้วยการกิน” หลินจินตอบอย่างตรงไปตรงมา
มันเป็นความจริง เขากินจานนั้นแต่เขาเห็นความแตกต่างเพราะพิพิธภัณฑ์ ไม่ใช่การทดสอบทางรสชาติ
“ปลาในจานทั้งสองมีขนาดเท่ากันและมีกลิ่นเหมือนกัน แต่วิธีการเตรียมและส่วนผสมต่างกัน ถ้าข้าชิมไม่ผิด มันคือปลาคาร์ปจากแม่น้ำคานห์ ลักษณะและเนื้อสัมผัสของปลาชนิดนี้คล้ายกับปลามังกรมาก ดังนั้นจึงได้รับเลือกให้เป็นของเลียนแบบ ข้าต้องยอมรับว่าปลาคาร์พจานนี้เตรียมมาอย่างดี แต่ก็ยังไม่ใช่ปลามังกร ถ้าข้ากินมันกับกวางตัวเมียอายุ 1 ปีจากสามเหลี่ยมมองโกเลียกับไก่เหลืองอายุ 3 ปีที่เต็มไปด้วยพลังงานจากแสงแดดที่ข้าสั่งไป ข้าอาจจะอ้วกหลังจากนั้นก็ได้หรือแย่กว่านั้น ถ้าฉันโชคไม่ดี ฉันอาจจะป่วยด้วยซ้ำ”
หลินจินอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับความกังวลของเขาในกรณีที่มีคนกล่าวหาว่าเขาไม่มีเหตุผลอีกครั้ง
เหลียวกู่ตกตะลึงจนไม่อยากจะเชื่อกับหูตัวเอง
หลินจินหยิบตะเกียบของเขาขึ้นมาและกัดปลามังกรน้ำส้มของจริงเข้าไป หลังจากชิมแล้วเขาก็พูดว่า
“จานนี้เป็นของแท้ น่าเสียดายที่ปลาตัวนี้กำลังออกไข่เต็มท้องของมัน ไข่ของปลามังกรมีรสขมและไม่เหมาะกับการปรุง ปกติแล้วพ่อครัวจะนำมันออกมาก่อนปรุง แต่ในจานนี้ปลายังกลมกล่อมและรสชาติดี นี่คงเป็นเพราะฝีมือของพ่อครัวถึงได้ดึงรสชาติที่แสนอร่อยออกมา”
ถึงตอนนั้น ทุกคนรอบตัวก็อ้าปากค้างอย่างครุ่นคิด “หนึ่งคำ เขาสามารถบอกอายุของส่วนผสม เพศ และแม้ว่ามันจะตั้งท้องได้เลยงั้นหรือ? นั่นใช่ปากจริง ๆ งั้นหรือ? ทำไมถึงสามารถบอกอะไรอย่างนี้ได้?'
เหลียวกู่พยักหน้าแล้วหันไปหาหลินจิน
ฝูงชนอ้าปากค้าง โดยเฉพาะจางไป่หลี่ เขาไม่มีความคิดแม้แต่น้อยว่าทำไมพ่อครัวเหลียวถึงแสดงท่าทีเช่นนี้ต่อหน้าเด็กเหลือขอคนนั้น
“เออ...พ่อครัวใหญ่เหลียว ท่าน…” หลินจินพูดไม่ออก
“อนุญาตให้ข้าขอบคุณเจ้าหนุ่มด้วย” เหลียวกู่กล่าว “ถ้าเจ้าไม่ได้เปิดเผยการหลอกลวงนี้ ชื่อเสียงของข้าอาจถูกทำลายในมือของผู้อื่นก็เป็นได้”
สิ่งนี้ทำให้กระจ่างเกี่ยวกับสถานการณ์ ตอนนี้ฝูงชนเข้าใจว่าหลินจินพูดถูกมาตลอดว่าร้านอาหารซิมโฟนีใช้ส่วนผสมปลอมเพื่อหลอกลูกค้า เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาหรือพยายามหาเรื่องกินฟรี หลังจากรู้ความจริงทุกคนในร้านก็เปลี่ยนฝั่งด่าทอร้านอาหารซิมโฟนีทันที
“หมายความว่าก่อนหน้านี้ปลามังกรน้ำส้มพรีเมียมนั้นเป็นของปลอม ไม่เพียงแต่พ่อครัวใหญ่เหลียวจะไม่ได้ทำ แม้กระทั่งส่วนผสมก็ถูกแทนที่ด้วย ร้านอาหารซิมโฟนีกล้าดียังไงมาหลอกลวงลูกค้า”
“ข้าคงจะคิดว่าผู้ชายคนนี้กำลังพ่นเรื่องไร้สาระออกมา ถ้าพ่อครัวใหญ่เหลียวไม่ได้มาที่นี่เพื่อตรวจสอบเป็นการส่วนตัว ทุกคนก็จะไม่มีทางรู้ความจริงอีกเลย ฮึ่ม! ข้าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว!”
ในขณะที่เขาเห็นกลุ่มคนที่กำลังโกรธเคือง เลือดของจางไป่หลี่แทบจะระบายออกจากร่างกายของเขา นิ้วของเขาสั่นเทา สถานการณ์มันพลิกกลับอย่างรวดเร็วจนไม่มีเวลาตอบสนอง เขาต้องการที่จะโต้กลับและปฏิเสธแต่พ่อครัวใหญ่ยืนยันคำพูดของหลินจินไว้ทั้งหมด ไม่มีใครจะเชื่อเขาอย่างแน่นอน
เมื่อคิดว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ลูกตาของจางไป่ลี่ก็เหลือกขึ้นไปข้างบนและเขาก็หมดสติไป จากนั้น ความโกลาหลตามมาอีกระลอกหนึ่ง
หลินจินยิ้มแย้มกับผลลัพธ์นี้ เขาต้องขอบคุณเหลียวกู่ ถ้าไม่ใช่เขา หลินจินคงแก้ต่างให้ตัวเองไม่สำเร็จ
“หนุ่มน้อย ทั้งหมดเป็นเพราะต่อมรับรสที่ไม่ธรรมดาของเจ้า ข้าควรจะขอบคุณเจ้าแทน หากเจ้าไม่เปิดเผยเรื่องนี้ ชื่อเสียงของข้าก็จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ข้าไม่มีทักษะอื่นใดนอกจากการทำอาหาร แต่ข้าภาคภูมิใจในอาหารของข้า ข้าทำให้พวกมันสมบูรณ์แบบมาทั้งชีวิต ข้ามาทำงานที่นี่แค่วันเดียวเพราะข้ารู้จักกับเจ้าของร้านอาหารซิมโฟนี แต่ใครจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ข้าต้องคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้และจะไม่ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้อีกเป็นครั้งที่สอง” เหลียวกู่พูดด้วยความตั้งใจ เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก
เพราะในฐานะพ่อครัว สิ่งนี้มันล้ำเส้นอย่างไม่ต้องสงสัย
จางไป่หลี่ผู้ซึ่งถูกบังคับให้ตื่นมาระยะหนึ่งแล้ว สิ่งแรกที่เขาได้ยินหลังจากตื่นขึ้นคือคำประกาศนี้ เขารู้สึกว่ามีเลือดพุ่งไปที่ศีรษะของเขาอีก มีอาการสะอึกและชายผู้นั้นก็หมดสติไปอีกครั้ง
ในขณะที่ไม่มีใครให้ความสนใจกับจางไป่หลี่เลย เหลียวกู่ก็เป็นมิตรกับหลินจินเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขาเผยความชื่นชมออกมา
ในฐานะปรมาจารย์ที่ทุ่มเทชีวิตอย่างเต็มที่ในการสร้างสรรค์ศิลปะการทำอาหารให้สมบูรณ์แบบ เป็นเรื่องยากสำหรับเหลียวกู่ที่จะพบกับคนที่สามารถลิ้มลองอาหารได้ในระดับนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกชื่นชอบหลินจินจากใจ
“พี่เหลียว ท่านยังแข็งแรงแม้จะผ่านไปหลายปี ข้ารู้สึกยินดีจริง ๆ ที่ได้พบท่านอีก” จู่ ๆ เสียงทุ้มดังขึ้น
เจ้าของเสียงก็คือปรมาจารย์ด้านการประดิษฐ์ตัวอักษร กู่เมียงจง!