King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 262 สิ่งนั้น
ตอนที่ 262 สิ่งนั้น
บนรถม้า
หลังจากออกเดินทางมาจากคฤหาสน์ผมก็นั่งรถม้าออกมากับทั้งสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม เอ็ดเน่ตอนนี้กำลังทำสีหน้าดีใจเอามากๆ ชุดที่เธอสวมอยู่เป็นชุดไหม้สีทองลายลูกไม้ที่เหมาะกับสีผิวและสีผมของเธอเอามากๆ ถึงตอนนี้ยังเป็นเด็กอยู่ก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าอนาคต้องสวยกว่าเอรีน่าแน่นอน
ส่วนทางเอรีน่าก็ใส่เหมือนกัน แต่ชุดของเธอเป็นสีเขียวที่แตกต่างไปจากเอ้ดเน่อยู่นิดหน่อย แต่ถึงแบบนั้นโดยร่วมแล้วก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง
ส่วนผมก็สวมชุดเสื้อสีขาวแขนยาว กางเกงสีขาว แถมบนเสื้อยังมียศประดับอีกตั้งหลายอันแบบพวกทหารแม่ทัพใหญ่เวลาออกงานไม่มีผิดตอนแรกก็บอกไปแล้วว่าไม่จำเป็นที่ต้องแสดงตัวตนขนาดนี้
แต่เอรีน่าก็
[ไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องใส่]
พูดแบบนี้จนผมเองก็ไม่มีทางเลือกเลยต้องทำตามที่เธอสั่ง
“ท่านแม่ท่านคิดว่าพวกเราจะไปทันไหม?”
“แน่นอนสิเอ็ดเน่ ยังไงก็ทันถ้าไม่ทันพี่ของลูกก็คงหาทางทำอะไรได้เอง”
“นั่นสินะคะ~”
ทั้งสองคนคุยกันแบบนั้นได้มาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเธอกำลังพูดถึงอะไรอยู่ ถึงลองถามไปก็ได้คำตอบแบบบ่ายเบี่ยงตลอด เฮ้อ~ ถึงตอนแรกจะคิดว่าเงินสามารถแก้ปัญหาได้ก็เถอะ แต่เมื่อลองฟังทั้งสองคนพูดกันแบบนั้นแล้วผมคิดว่าทางผมคงคิดอะไรผิดไปหน่อยแล้วละ
…
…..
……
หลังจากที่นั่งมาสักพักรถม้าก็หยุดลงแล้วประตูรถม้าที่พวกเรานั่งมาก็เปิดออก นี่มันที่ไหน??? เป็นประโยคแรกที่เกิดขึ้นในหัวของผมเพราะเมื่อมองออกไปมันไม่ใช่งานเทศกาลเลยสักนิดแต่เป็นสถานที่แบบที่ไม่คิดจะเห็นในงาน… ไม่สิ! งานเทศกาลมันจำเป็นต้องมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ
ส่วนที่ผมเห็นตอนนี้ก็คือ สนามประลอง!
“พวกเรามาที่นี่ทำไม?”
ตกใจได้สักพักผมก็ถามคนเปิดประตูที่เป็นคนคุมรถม้าออกไป
“คือว่า…. ท่านเอ็ดเน่บอกให้มาไม่ใช่เหรอครับ???”
“ใช่แล้วข้าเป็นคนบอกเองท่านพี่!”
เอ็ดเน่แทรกขึ้นระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกันด้วยสีหน้ามั่นใจ และเดินลงรถม้าไป ทางเอรีน่าเองก็เช่นกันไม่ได้อธิบายอะไรให้ผมฟังแล้วเดินลงตามเอ็ดเน่ไปสะอย่างนั้น
เวลาแบบนี้คนเป็นแม่ต้องอธิบายหน่อยไม่ใช่หรือไง?
ผมคิดในใจกับท่าทางของเธอทั้งสองคนแต่ก็ไม่ได้ถามและเดินลงตามแบบไร้คำถาม ก็เพราะเข้าใจดีว่าถ้าถามอะไรไปก็คงยังไม่ได้รับคำตอบ อีกอย่างตอนนี้ผมคิดว่าคงจะได้รับคำตอบอีกไม่นานหรอก
“-นั้นมันองค์ชายลึกลับไม่ใช่เหรอ???”
“-ในที่สุดก็ได้เห็นตัวองค์ชายดรารอน์สักที แต่คนระดับองค์ชายทำไมไม่เข้าไปที่นั่งพิเศษละ มาเดินอะไรตรงนี้???”
“-แถมไม่ได้มาคนเดียวด้วย หรือแม้กระทั่งองค์ชายยังเล็งสิ่งนั้นเอาไว้ด้วยเหมือนกัน ถึงได้เข้ามาสมัครแบบนี้”
เสียงซุบซิบบางส่วนที่ดังขึ้นตามทางเดินที่ผมเดินผ่าน
หลังจากที่ลงมาจากรถม้าพวกเราสามคนก็เดินเข้าในสนามประลอง โดยมีเอ็ดเน่เดินนำด้วยท่าทางยืดแบบสุดๆ ให้อธิบายก็คงประมาณว่า [ข้าไม่กลัวใคร] อารมณ์ประมาณนั้นแหละ
แล้วระหว่างทางผมก็ได้ยินอย่างเรื่องสมัครอีก แถมตามทางเดินที่พวกเรากำลังเดินอยู่ตอนนี้ยังเต็มไปด้วยพวกผู้คนที่มีอาวุธครบมือ คิดยังไงมันก็…
“ดรารอน์พอเข้าใจสถานการณ์แล้วใช่ไหม?”
เอรีน่าหันกลับมาถามผมที่เดินตามหลังด้วยสีหน้ายิ้มอย่างสดสัย
“ครับ… ตอนนี้ข้าพอเดาได้แล้ว”
“งั้นก็ดี แม่จะได้วางใจถ้าดรารอน์พูดออกมาแบบนั้น แล้วถ้าเป็นแบบนี้ของรางวัลที่เอ็ดน่อยากได้ก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร”
“ครับ~”
ตอนนี้ยอมรับเลยว่าหัวเสียหน่อยๆ ปกติแล้วไม่มีใครที่สามารถหรอกใช้ประโยชน์กับผมได้หรอกแต่นี่มันแม่กับน้องสาวของผมมันก็มีแต่ต้องยอมเท่านั้น
“ท่านแม่ข้ามีเรื่องสงสัย?”
“ว่าไง~”
“ของรางวัลที่พูดถึงมันอะไรครับ”
นี่เป็นเรื่องที่ผมแปลกใจที่สุดเพราะปกติแล้วงานเทศกาลประเทศนี้มันไม่มี แต่ดูเหมือนที่ผมไม่อยู่ห้าปีจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงพอสมควร แล้วอีกอย่างรอบตัวของผมตอนนี้ต่างก็เต็มไปด้วยนักสู้จากหลายประเทศ มีทั้งเอลฟ์และภูติที่ลงสมัคร ส่วนพลังส่วนมากก็ขั้นสูง-ขั้นสูงสุดอีกต่างหาก
มันต้องเป็นของสำคัญมากแน่!
“ท่านแม่อย่าพึงบอกสิ!”
เอ็ดเน่แทรกขึ้นระหว่างการคุยของพวกเรา
“นั่นสินะ~ …เอาไว้ดรารอน์เห็นเองก็คงเข้าใจว่ามันสำคัญกับเอ็ดเน่ขนาดไหน หุหุ”
เดี๋ยวก็ไม่ลงแข่งให้เลยสะนิด มีความลับกันเยอะนัก
อยากจะพูดออกไปแบบนั้นจริงๆ แต่อดทนเอาไว้ก่อนตัวเราเดี๋ยวเอาไว้ไปถามนักสู้คนอื่นก็แล้วกัน
…
….
……
เดินมาได้ผมก็มาถึงจุดที่เขียนว่าจุดรับสมัคร แต่เมื่อมองไปยังจุดรับสมัครก็ต้องพบกับเรื่องสงสัยขึ้นมาอีก แล้วนั่นมันอะไรละนั่น???
ส่วนสิ่งที่กำลังทำให้ผมสงสัยอยู่ก็คือ…