87-88
1/8
Ep.87
ไม่นาน เรื่องที่ฉู่เซวียนถูกท้าสู้ก็แพร่กระจายไปทั่วสนามฝึกซ้อม
ทหารทุกคนในที่นั้นมารวมตัวกัน โดยเว้นช่องว่างตรงกลางไว้สำหรับทั้งสองคน
แน่นอน สาเหตุหลักๆเป็นเพราะทหารเหล่านี้ต้องการเห็นพลังรบที่แท้จริงของเทพแห่งความตาย
แล้วอีกอย่าง นอกจากระดับหัวหน้าที่เป็นผู้ใช้พลังเลเวล 5 แล้ว ทหารใต้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่งที่สุด มีพลังรบอยู่ที่เลเวล 4 เท่านั้น และส่วนใหญ่จะอยู่ในเลเวล 2 3 ตามลำดับ
เวลานี้ พวกเขากำลังจะได้รับชมการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้พลังเลเวล 4 ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางที่ดีในการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองได้ ดังนั้นไม่มีใครอยากพลาดโอกาสนี้
นั่นเลยทำให้พวกผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่เข้ามาห้ามเวลาเกิดการต่อสู้ภายในกองทหาร ตรงกันข้าม พวกเขาจะสนับสนุน
เพราะในการประลอง ไม่ว่าจะคนชมหรือคนสู้ พวกเขาจะสามารถตระหนักถึงจุดด้อยของตัวเองได้ดีขึ้น
ซึ่งจะช่วยลดอัตราการตายเวลาต่อสู้กับซอมบี้และพวกสัตว์กลายพันธุ์ลงได้
และเนื่องจากมีหัวหน้าเลเวล 5 คอยควบคุมดูแล ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุใดๆระหว่างการต่อสู้ของทหารด้วยกันเองจึงถือว่าน้อยมาก ซึ่งมันต่างจากสนามประลองที่สามารถตายเอาง่ายๆ
“พวกนายพร้อมรึยัง” เล่ยซานก้าวเข้ามา เฝ้ามองดูทั้งสองที่กำลังเผชิญหน้ากันจากระยะไกล
ฉู่เซวียนพยักหน้า ส่วนเว่ยฉีหัวเราะเสียงดัง “เริ่มกันซักทีเถอะ ฉันแทบรอให้เจ้าหมอนี่คุกเข่าขอความเมตตาไม่ไหวแล้ว”
ได้ยินคำนี้ เล่ยซานขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างไม่พอใจกับทัศนคติที่แสดงออกมาของเว่ยฉี แต่ก็ยังคงพูดต่อว่า “การต่อสู้ไม่จำเป็นต้องทำร้ายอีกฝ่ายถึงชีวิต ถ้าถึงขั้นนั้นฉันจะลงไปห้ามทันที เอาล่ะ เริ่มการต่อสู้ได้!”
“ฮึ่ม!” สิ้นเสียงเล่ยซาน เว่ยฉีแค่นเสียงเย็น ลูกไฟที่มีรัศมีหนึ่งเมตรปรากฏในมือเขา ก่อนถูกขว้างออกไปราวอุกกาบาต แผดเผาอากาศระหว่างทางไปยังฉู่เซวียน
สีหน้าของฉู่เซวียนไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงสงบนิ่งไม่หวั่นไหว สับเงาโลหิตออกไป
ประกายเย็นเยียบของคมมีดสะท้อนวาบ ลูกไฟถูกผ่าครึ่งทันที
มันแยกเป็นสองซีก เผยให้เห็นร่างของฉู่เซวียนที่ไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆ
เมื่อเห็นว่าการต่อสู้ในสนามฝึกเร่าร้อนตั้งแต่เริ่มต้น ทหารหลายคนกลั้นหายใจ เพ่งสมาธิอย่างเต็มที่เพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไป
“เป็นการโจมตีที่น่าสนใจจริงๆ”
หลังจากป้องกันลูกไฟของเว่ยฉีได้ ประกายของความสนใจแวบผ่านเข้ามาในดวงตาของฉู่เซวียน
ในมุมมองของฉู่เซวียน หากผู้ใช้พลังคนก่อนๆที่เขาเคยสู้ด้วยคือนักรบ ครั้งนี้เว่ยฉีคือนักเวทย์
นักเวทย์ที่อาศัยอบิลิตี้โจมตีศัตรูจากระยะไกล
“เป็นอย่างที่คิด แกพอมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ” เมื่อเห็นว่าลูกไฟถูกฉู่เซวียนทำลายลงอย่างง่ายดาย สีหน้าของเว่ยฉีไม่เปลี่ยนแปลง “แต่ความสนุกมันกำลังจะเริ่มขึ้นต่างหาก!”
สิ้นเสียง ลูกไฟขนาดเล็กลูกแล้วลูกเล่าก่อตัวขึ้น ลอยวนอยู่รอบๆร่างของเว่ยฉี เมื่อถึงจำนวนที่กำหนด มันก็พุ่งเข้าหาฉู่เซวียน
ระหว่างทาง ลูกไฟดวงเล็กค่อยๆจับกลุ่มกันกลายเป็นตาข่ายเปลวเพลิง
“นี่มันท่าตาข่ายเพลิงของเว่ยฉี” หนึ่งในผู้รับชมอุทานขึ้น ชัดเจนว่าเขาเคยเห็นท่านี้มาก่อน
“ก็น่าสนใจดี” มุมปากของ ฉู่เซวียนยกยิ้ม จากจุดที่ยืนอยู่ เขาสัมผัสได้เลยว่าไอร้อนกำลังแผ่ออกมาจากตาข่ายเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง
ต่อมา ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของเหล่าทหาร ความเร็วกว่า 1600 หน่วยของ ฉู่เซวียนระเบิดขึ้นทันใด
ทั้งคนทั้งร่างเขาคล้ายกลายเป็นภาพติดตา พุ่งทะลุผ่านช่องว่างของตาข่ายเปลวเพลิงที่สร้างจากลูกไฟ
แม้ลูกไฟเหล่านี้จะไม่สามารถสัมผัสร่างของ ฉู่เซวียนได้ แต่ไอร้อนของมันก็รุนแรงพอที่จะเรียกเหงื่อจากเขา
2/8
Ep.88
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า แต่สีหน้าของฉู่เซวียนยังคงดูสบายๆ
ตรงกันข้ามกับเว่ยฉี เนื่องจากใช้อบิลิตี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ตอนนี้เขาสูญเสียพลังไปเยอะจนหน้าเริ่มซีดลงเล็กน้อย
ต้องรู้นะว่าผู้ใช้พลังมีขัดจำกัดในการใช้อบิลิตี้ ซึ่งตรงส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับค่าพลังจิตหรือพลังงานในตัวของพวกเขา
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” เว่ยฉีย่อมตระหนักดีถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวกัดฟัน มองไปยังฉู่เซวียนที่อยู่ไม่ไกลด้วยความโกรธ
เขากระจ่างแจ้งแก่ใจว่าอีกฝ่ายเพียงหลบเลี่ยงการโจมตีของเขาด้วยความว่องไวและพลังกายเท่านั้น หรือให้พูดอีกอย่างก็คือกำลังดูถูกตนอยู่
“ทำไมแกไม่ยอมโจมตี! ทำไมถึงเอาแต่หลบ!” ใบหน้าของเว่ยฉีกลายเป็นน่าเกลียด ร้องคำรามออกมา
“เว่ยฉีไม่ใช่คู่มือของฉู่เซวียน” เล่ยซานเห็นแบบนี้ ได้แต่ส่ายหัวทอดถอนหายใจ
“จิตใจของเขาว้าวุ่นเกินไป” เหล่าหลี่พยักหน้า พูดต่อว่า “ไม่น่าจะผิดพลาดแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้รู้ผลแล้ว”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดแบบนั้น ” จู่ๆเสียงหัวเราะป่าเถื่อนก็ดังแว่วเข้ามา
เจ้าของเสียงเป็นชายร่างใหญ่ สีหน้าท่าทีดูโหดเหี้ยมดุดัน ขณะเดียวกันก็ดูคล้ายเว่ยฉีอยู่หลายส่วน มัดกล้ามบนแขนเขา มันเต็มไปด้วยรอยบาดแผลน่าสยดสยอง ยิ่งเพิ่มความดุดันเข้าไปอีก
พิจารณาจากกลิ่นอายที่ไม่ได้เก็บงำของเขา คนๆนี้เป็นผู้ใช้พลังเลเวล 5 และอยู่ห่างจากขอบเขตเทพสงครามเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
“เว่ยโฉว!” ดวงตาของเล่ยซานหรี่แคบลง เพียงฟังจากน้ำเสียงที่เอ่ยชื่ออีกฝ่าย ก็พอระบุได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเล่ยซานกับเว่ยโฉวนั้นไม่ค่อยดีนัก
อย่างไรก็ตาม พลังรบของฝ่ายหลังสูงกว่าเขาหลายเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นบางครั้งต่อให้ไม่พอใจก็ต้องยอมทน
“ท่านหัวหน้า!” พลทหารบางคนเห็นเว่ยโฉวเช่นกัน พวกเขาพากันลุกขึ้นทำความเคารพทันที
เว่ยโฉวพยักหน้ารับ บนใบหน้าเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆแม้แต่น้อย ก่อนหันไปพูดกับเล่ยซานด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เล่ยซาน ไม่นึกเลยนะว่านายจะมีเวลาว่างมากถึงขนาดมานั่งดูเด็กๆสู้กัน”
“เหอ เหอ เหอ ฉันก็ไม่นึกเหมือนกัน ว่านายจะมาที่สนามฝึกซ้อม” เล่ยซานกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“น้องชายฉันกำลังสู้กับคนอื่น แล้วฉันในฐานะพี่ชายจะไม่มาดูได้ยังไง” เว่ยโฉวกล่าวอย่างเฉยเมย
เว่ยโฉวกับเว่ยฉีเป็นพี่น้องกัน มีน้อยคนนักในกองทัพที่รู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเล่ยซานกับเหล่าหลี่คือน้อยคนที่ว่า
“บอกมาเลยดีกว่าว่านายคิดจะทำอะไรกันแน่!” เห็นภาพนี้ เหล่าหลี่ที่อยู่ข้างๆอารมณ์เสียเล็กน้อย ถามตรงประเด็น
“มาดูว่าเจ้าเด็กที่เรียกตัวเองว่าเทพมรณะจะมรณะตามชื่อของมันยังไง” เว่ยโฉวกล่าว
“เหอะ!” ในทางกลับกัน เล่ยซานหัวเราะเย็นชา “กลัวว่านายคงต้องผิดหวังแล้ว น้องชายของนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
“อ้อ คิดอย่างนั้นจริงๆน่ะหรอ? งั้นพวกเรามารอดูกัน ...”
อย่างไรก็ตาม ฉู่เซวียนที่กำลังต่อสู้อยู่ไม่ได้สังเกตถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สมาธิทั้งหมดของเขาเพ่งอยู่กับเว่ยฉี
เวลานี้เว่ยฉีได้หยุดโจมตีแล้ว เจ้าตัวอ้าปากกว้างเพื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ เห็นได้ชัดว่าเหนื่อยมาก
“เดิมทีฉันอยากจะใช้นายเป็นหนูทดลองเพื่อทดสอบขีดจำกัดความเร็วของฉันว่าถึงแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่นายทำให้ฉันต้องผิดหวัง” ฉู่เซวียนไม่ตอบคำถามของเว่ยฉี กล่าวอย่างแผ่วเบา
ยังไงก็ตาม เว่ยฉีได้ยินประโยคนี้เต็มสองรูหู ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที
“แกกำลังจะบอกว่าฉันไม่คู่ควรให้ลงมือ?” เว่ยฉีก้มหัวลงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ใครเห็นหน้าเขา น้ำเสียงที่เปล่งออกมาปราศจากความยินดีหรือโศกเศร้า
“อ่าฮะ จะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดนะ” ฉู่เซวียนยิ้ม พูดแบบไม่คิดรักษาน้ำใจ
แต่เอาจริงๆ ฉู่เซวียนไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเขา เพราะพลังรบของทั้งสองห่างชั้นกันอย่างเทียบไม่ติด