474 - ของที่มีราคาแพงจนน่ากลัว
474 - ของที่มีราคาแพงจนน่ากลัว
"มันเป็นวิธีการบางอย่างที่ตกทอดมาจากครอบครัว มันไม่ใช่เรื่องที่ควรค่าให้การยกย่องถึงขนาดนั้น" เย่ฟ่านตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
เหยาเยว่กงกล่าวว่า “พี่กู่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว แม้ว่าเจ้าจะลงมือแค่สองหรือสามครั้ง แต่เจ้าสามารถเห็นทุกอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใน
แม้ว่าตัวข้าจะมีความรู้น้อยแต่ข้าก็รู้ว่าทักษะของเจ้าไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน ขอให้พี่กู่ชี้แจงแถลงไขสักเล็กน้อยก็ยังดี!”
องค์ชายเซี่ยอี้หมิงก็พยักหน้าเช่นกัน
"กลายเป็นว่ามันคือมรดกของตระกูลโบราณ ไม่ทราบว่าตำราที่เจ้าศึกษาเป็นของตระกูลใดกันแน่?"
เย่ฟ่านรู้อยู่แล้วว่ามีตระกูลขุนนางโบราณมากมายที่สืบทอดศิลปะต้นกำเนิด บางตระกูลก็มีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์
"เรื่องในอดีตไม่ควรพูดถึงอีกแล้ว แม้ว่าพวกเราจะเคยสืบทอดตัวเองมาจากตระกูลขุนนางโบราณ แต่ด้วยสถานการณ์ที่ตกต่ำลงของตระกูล พวกเราก็ยากที่จะดำรงรักษาไว้ซึ่งเกียรติของบรรพบุรุษไว้ได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ปู่ของข้าต้องเปลี่ยนแซ่จนถึงทุกวันนี้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดเหยาเยว่กงก็พยักหน้าและกล่าวว่า
“ที่แท้ก็เป็นตระกูลขุนนางที่ไม่เปิดเผยตัวเอง ตระกูลเช่นนี้ในดินแดนรกร้างตะวันออกของพวกเรามีมากมายจริงๆ
แต่ศิลปะต้นกำเนิดของตระกูลเจ้าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันจะต้องตกทอดมาจากปรมาจารย์ต้นกำเนิดระดับสูงอย่างแน่นอน"
“ข้าเพียงเรียนรู้ได้ไม่กี่ส่วนจากบรรพบุรุษเท่านั้น” เย่ฟ่านส่ายหัว
“พี่กู่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าศิลปะต้นกำเนิดของเจ้าค่อนข้างโบราณ มันทำให้ข้านึกถึงปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์” องค์ชายเซี่ยกล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
“มีตระกูลชนชั้นสูงที่ศึกษาศิลปะต้นกำเนิดหลายตระกูลในภาคเหนือ ข้าคิดว่าศิลปะต้นกำเนิดของเจ้าดีกว่าพวกเขา ข้าไม่คิดว่าปรมาจารย์ของตระกูลเหล่านั้นจะมีความรู้เทียบเท่าเจ้า?” เหยาเยว่กงกล่าว
อันเหมียวอี้ยิ้มและกล่าวว่า “เรื่องนี้มีข้อพิสูจน์อย่างหนึ่ง ข้ารู้มาว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลพวกนั้นล้วนเคยสำรวจศิลารูปมนุษย์หลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเปิดมัน”
“บอกตามตรงข้าเป็นเพียงแมวตาบอดที่วิ่งชนหนูตาย หากไม่ใช่ว่าข้าได้รับยาวิเศษต้นนั้นมันไม่มีทางที่ข้าจะกล้าเดิมพันอย่างแน่นอน” เย่ฟ่านยิ้มในขณะที่พยายามเปลี่ยนเรื่อง
หลี่เหอซุยกล่าวว่า “ฝ่าบาทว่ากันว่าในราชวงศ์ของพวกเจ้ามีสิ่งมีผู้อมตะให้ความคุ้มครองอยู่ และผู้อมตะคนนั้นดูเหมือนจะให้ความสนใจต่อศิลาต้นกำเนิดเป็นอย่างมาก เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่?”
"“ข้าได้ยินข่าวลือมาบ้างเช่นกัน ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือเท็จ” เย่ฟ่านสบโอกาสก็เปลี่ยนเรื่องทันที
เหยาเยว่กงก็มีความสนใจในเรื่องนี้ด้วย สิ่งมีชีวิตอมตะนั้นเป็นเรื่องที่ลึกลับมากที่สุดของดินแดนรกร้างตะวันออก เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ความสนใจของทุกคนก็ถูกดึงไปทันที
องค์ชายเซี่ยอี้หมิงวางจอกสุราลงและกล่าวว่า
"สิ่งที่พวกเจ้ากำลังพูดถึงคือเรื่องที่บรรพบุรุษตระกูลเซี่ยได้เปิดศิลาต้นกำเนิดและค้นพบตำราศักดิ์สิทธิ์บางอย่างจนกระทั่งพวกเราสามารถก่อตั้งราชวงศ์เซี่ยใช่หรือไม่?”
"ใช่ คือตำนานเรื่องนี้เอง" หลี่เหอซุยพยักหน้า
อันเหมียวอี้ก็ดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้มาก นางหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า
"องค์ชายเจ้าสามารถชี้แจงเรื่องนี้ให้พวกเราทราบได้หรือไม่?"
"ทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือ "คัมภีร์อำนาจสูงสุด" ของพวกเราจะเกิดขึ้นจากต้นกำเนิดได้อย่างไร ในอดีตหากบรรพบุรุษของพวกเราไม่ใช่จักรพรรดิสูงสุดผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราย่อมไม่สามารถดำรงวงศ์ตระกูลมาจนถึงปัจจุบันได้!” เซี่ยอี้หมิงกล่าว
คัมภีร์อำนาจสูงสุดคือหนึ่งในสี่หนังสือลึกลับของภาคกลาง ว่ากันว่านี่คือคัมภีร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาคกลาง และเป็นยังไงคัมภีร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนรกร้างตะวันออก
คัมภีร์เล่มเดียวที่สามารถอยู่เคียงคู่กับตำราวิเศษเล่มนี้มีเพียงเก้าญาณวิเศษลึกลับเท่านั้น น่าเสียดายที่เก้าญาณวิเศษลึกลับล้วนหายสาบสูญไปหมดแล้ว
ครั้งล่าสุดที่พวกมันปรากฏขึ้นก็คือเมื่อสามร้อยปีก่อน ในปัจจุบันว่าคำว่ามีตำราฉบับลอกเลียนอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก แต่ในความเป็นจริงก็ไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันข้อเท็จจริงนี้
เหยาเยว่กงพยักหน้าและกล่าวว่า
“ข้าเองก็คิดเช่นนี้ จักรพรรดิสูงสุดถือได้ว่าเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก มันคงน่าตลกอย่างยิ่งหากเขาไม่ได้มีญาณวิเศษลึกลับเป็นของตัวเอง”
จักรพรรดิสูงสุดเป็นตำนานของโลก ว่ากันว่าเขาคือจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกของดินแดนรกร้างตะวันออก ทักษะการโจมตีของเขาไม่มีผู้ใดเทียบได้
ผู้คนจึงสันนิษฐานว่ามีเพียงเก้าญาณวิเศษลึกลับในด้านการโจมตีเท่านั้นที่พอจะนำมาเปรียบเทียบ
ย้อนกลับไปตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งที่เขาทำการโจมตีปราณมังกรของเขาจะปกคลุมทั่วท้องฟ้า แม้แต่สิ่งมีชีวิตอมตะจากต่างแดนก็ยังให้ความเคารพอย่างสุดซึ้ง
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่โบราณคนอื่นๆล้วนมีตัวตนที่ลึกลับเป็นอย่างมาก มีเพียงจักรพรรดิสูงสุดเท่านั้นที่ร่องรอยของเขาในประวัติศาสตร์ยังคงแจ่มชัดมาจนถึงปัจจุบัน!
เซี่ยอี้หมิงกล่าวว่า "เหตุผลที่อาณาจักรเซี่ยส่งคนมาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์เพื่อค้นหาของวิเศษในศิลาต้นกำเนิดนั้น ก็เพราะพวกเรารู้ว่าของวิเศษที่อยู่ในต้นกำเนิดนั้นมีค่ามากแค่ไหน ดังนั้นพวกเราจึงคิดจะรวบรวมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้"
แม้ว่าเขาจะอธิบายอย่างยืดยาวแต่ทุกคนที่นั่งอยู่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาเลย
พวกเขาไม่ได้มีความสนิทสนมกันเหมือนที่แสดงออกภายนอก มันไม่มีความจำเป็นอะไรที่เซี่ยอี้หมิงจะเปิดเผยความลับของตระกูลตัวเอง
เหยาเยว่กงมองหน้าทุกคนและเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง
“ตามบันทึกโบราณของภาคเหนือกล่าวไว้ว่า เมื่อ 100,000 ปีที่แล้วนั่นคือยุคโบราณที่รกร้างซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีใครบางคนตัดหินเซียนออกมาจากเมืองโบราณต้นกำเนิด
พวกเจ้าคิดว่าหินก้อนนั้นคือศิลารูปร่างมนุษย์ที่น้องชายกู่เปิดเมื่อสักครู่หรือไม่?”
หลี่เหอซุยส่ายหัวและกล่าวว่า "มันยากที่จะบอก จากสิ่งที่ข้าได้ยินมารู้สึกว่าศิลาก้อนนั้นจะปิดผนึกสิ่งมีชีวิตอยู่ภายใน มันไม่ใช่ศิลาก้อนเดียวกับของน้องชายกู่อย่างแน่นอน"
“ข้าก็ได้ยินมาเช่นนั้น สิ่งที่ออกมาจากต้นกำเนิดสวรรค์นั้นได้สร้างความหายนะให้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องปล่อยให้นางหนีไป”
อันเหมียวอี้ได้กล่าวถึงความลับที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง
“ไม่มีใครรู้ว่าใครกันแน่ที่ฝังสมบัติไว้ในต้นกำเนิดสวรรค์ แต่สิ่งที่อยู่ด้านในนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงต้นกำเนิดก็เป็นเรื่องปกติที่จะพูดไปถึงของวิเศษที่เย่ฟ่านได้รับมา
"ยาศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์นั้นได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ข้าคิดว่ามูลค่าของมันคงมีไม่กี่แสนจินเท่านั้น” องค์ชายเซี่ยตัดสินด้วยดวงตาเป็นกลาง
เหยาเยว่กงก็พยักหน้าเห็นด้วย “ราคาจริงคงไม่เกิน 150,000 จินเพียงแต่ว่าความต้องการของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน
ยาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้หายากมาก บางทีผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายคนอาจจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน และนั่นก็มีโอกาสไม่น้อยที่ราคาของมันจะสูงขึ้นจนน่ากลัว”
คำพูดของเขาสามารถเชื่อถือได้อย่างแน่นอน เขาคือทายาทของวังอสูรสวรรค์ที่มีบ้านประมูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองศักดิ์สิทธิ์
สายตาในการประเมินสมบัติล้ำค่าของเขาย่อมยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย
"เรื่องนี้ข้ารู้ดี แต่ข้าคิดว่าอีกไม่นานราคาของมันจะพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว" เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับ
อันเหมียวอี้มีสติปัญญาสูงล้ำ ทันทีที่ได้รับคำบอกใบ้จากเย่ฟ่านนางก็อุทานด้วยความตกใจ
"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ทุกแห่งกำลังโจมตีภูเขาสีม่วง เหตุการณ์ครั้งนี้จะต้องทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างมากมายมหาศาล นี่คือเจตนาของเจ้า? ”
"ใช่" เย่ฟ่านพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“พ่อค้าหน้าเลือด!” แม่ชีตัวน้อยพึมพำ
“น้องเล็ก เจ้าพูดไร้สาระแบบนี้ไม่ได้ ข้าก็แค่ต้องการช่วยเหลือผู้คนเท่านั้น” เย่ฟ่านยิ้ม
“ใครเป็นน้องสาวของเจ้า” แม่ชีตัวน้อยย่นจมูกและกลอกตา
"ถ้าเป็นกรณีนี้ ข้าคิดว่ามันอาจจะจะไปถึง 300,000 จินเลยทีเดียว" เหยาเยว่กงวิเคราะห์อย่างใจเย็น
“เอื้อก!”
หลี่เหอซุยกลืนเครื่องดื่มคำใหญ่เพื่อสลายความเหนียวเหนอะของลำคอ ราคานี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก ต้นกำเนิดบริสุทธิ์มากมายเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ยากที่จะได้มาครอบครอง
“แล้วกระบี่มังกรดำทองพวกเจ้าคิดว่ามันมีค่าแค่ไหน?” เขาอดไม่ได้ที่จะถามในเรื่องนี้
“พวกเจ้ายินดีที่จะขายมันให้เราหรือไม่ ไม่ว่าพวกเจ้าต้องการเท่าไหร่ข้าจะไม่ต่อรองสักจินเดียว” องค์ชายเซี่ยมีความเด็ดขาดมาก
แม่ชีตัวน้อยก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่านางรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับกระบี่เล่มนี้ และความต้องการที่จะครอบครองมันของพวกเขาพี่น้องก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“เหมียวอี้ก็กำลังฝึกฝนศิลปะลึกลับประเภทหนึ่ง ข้ามีความต้องการอาวุธวิเศษที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้อย่างเร่งด่วน หากพี่กู่ยินยอมขาย ข้าจะถือเป็นพระคุณอย่างใหญ่หลวง” อันเหมียวอียิ้ม
เย่ฟ่านไม่ได้พูดอะไรเพียงเรียกกระบี่มังกรดำให้ปรากฏขึ้นที่มือของเขาเท่านั้น
เหยาเยว่กงเต็มไปด้วยความชื่นชมและกล่าวขึ้นว่า
“เมื่อไม่นานมานี้มีใครบางคนมาที่หอคอยสมบัติสวรรค์เพื่อประมูลทองคำเซียนสีดำ ซึ่งมีขนาดเล็กประมาณนี้ไปด้วยราคาต้นกำเนิดบริสุทธิ์ 80,000 จิน”
"เฮือก!"
ทุกคนสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ ทองคำเซียนสีดำคือวัตถุประเภทเดียวกันกับกระบี่มังกรดำอย่างไม่ต้องสงสัย ในตอนที่มันยังไม่ถูกตีขึ้นรูปก็ยังมีราคาถึงขนาดนั้นแล้ว
ตอนนี้กระบี่มังกรดำถูกตีขึ้นรูปสำเร็จ มิหนำซ้ำยังเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วครึ่งก้าวหรืออาจจะเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วแล้วด้วยซ้ำ แล้วราคาที่แท้จริงของมันจะจบลงที่ตรงไหน?