ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 61 มอนเตอร์มังกรไฟ
ณ กำแพงเมือง
หลังจากที่ได้รับรายงานจากทหารเรื่องมอนเตอร์ระดับสูงผมก็มุ่งหน้ามายังกำแพงเมืองตะวันออก ซึ่งเป็นจุดที่มอนเตอร์มังกรไฟระดับสูงปรากฏตัวออกมาทันที โดยระหว่างที่เดินทางมาก็ให้เวโรนิก้ากลับไปยังจุดหลบภัยเรียบร้อยแล้ว ส่วนแจนด์ลาสก็กำลังยืนทำสีหน้าอ้าปากค้างกับภาพด้านหน้าตอนนี้ที่ด้านหลังของผม หลังจากที่พวกเราขึ้นมาบนกำแพง
มังกรตัวใหญ่ยาวหลายสิบเมตร รอบตัวของมันเต็มไปด้วยไฟสีแดงที่กำลังลุกไหม้อยู่เต็มไปหมด ถึงตอนนี้จะเป็นช่วงที่มีหิมะทับทมเป็นจำนวนมาก แต่บริเวณจุดที่มันกำลังยืนอยู่กลับไม่มีหิมะเลยเพราะละลายไปหมด ปรากฏให้เห็นแต่เพียงพื้นดินสีน้ำตาลโผ่ลออกมาท่่ามกลางกองหิมะสีขาวรอบตัวมา จะร้อนอะไรขนาดนั้น เอามันมาทำฮีสเตอร์ได้เลยนะนั้น หึ!
" ทะ...ท่านบารอนนั่นมันมอนเตอร์กลายพันธ์ระดับสูง ละ... เลยนะครับ "
แจนด์ลาสพรึมพรัมออกมาด้วยสีหน้าที่กำลังตกใจอยู่ แต่ที่แจนด์ลาสมันบอกมาก็ถูกต้อง และที่ตกใจแบบนี้ก็ไม่แปลก ในโลกนี้จะแบ่งมอนเตอร์ออกเป็นทั้งหมด 3 ระดับ ต่ำ,กลาง,สูง ซึ่งมอนเตอร์ระดับต่ำก็ประมาณพวกก๊อบลิน ส่วนระดับกลางก็ต้องใช้ทหารอาวุธครบมือประมาณ 10 คน ในการจัดการ ส่วนมอนเตอร์ระดับสูงก็ต้องใช้ทหาร 100 คน ในการจัดการกับมัน แต่นี่คือการคำนวณระดับทหารของผมนะ ถ้าทหารของโลกนี้ก็คูณไปอีกสิบเท่าตัว และตอนนี้ที่ด้านหน้าของผมมันคือ มอนเตอร์ระดับสูงกลายพันธ์ มันเลเวลอัพไปกว่ามอนเตอร์ระดับสูงทั่วไป ฆ่ายาก! แข็งแกร่ง! นี่คือนิยามของมัน
" ข้าก็เห็นแล้วเช่นกัน "
" แล้วท่านจะทำยังไงครับ ถ้าไม่ใช้เวทย์จัดการกับมันละก็ ...ไม่มีทะ- "
" เรื่องเวทย์มนต์ไม่่ใช่ปัญหา!"
ผมขัดไปขณะที่แจนด์ลาสกำลังพูดอยู่ จากนั้นผมก็หันไปทางทหารที่กำลังยืนอยู่บนกำแพงแล้วพูดว่า " ทหารหน่วยจอมเวทย์เอลฟ์ เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม? "
" ครับท่านตอนนี้พวกจอมเวทย์น้ำกำลังเตรียมการยิงสิ่งนั้นอยู่"
" ดีมากบอกให้พวกนั้นเร่งมือให้เร็วที่สุดด้วย เพราะมันจะบุกเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ "
" ครับท่าน "
คุยจบทหารก็วิ่งออกไป ส่วนเรื่องที่ให้เร่งมือมันไมจำเป็นหรอก เพราะตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าพวกนั้นกำลังเร่งมืออย่างเต็มที่กันอยู่ แต่ที่พูดไปก็พูดให้มันเป็นพิธีเชยๆ เพราะแจนด์ลาสมันกำลังยืนฟังอยู่ และผมก็กำลังพยามพูดเป็นนัยให้มันสงสัยด้วย
" ท่านบารอนเมื่อกี้ท่านบอกว่า หน่วยจอมเวทย์เอลฟ์ ...งั้นเหรอ??? "
" ถูกต้อง "
สำหรับหน่วยจอมเวทย์ที่ผมกำลังคุยกับแจนด์ลาสในตอนนี้ก็ตรงตามชื่อของมัน ซึ่่งเป็นพวกเอลฟ์ที่อาสามาเป็นทหารเอง และผมก็มีอาวุธที่เหมาะกับพวกเอลฟ์พอดี เลยเกิดชื่อหน่วยนี้ขึ้นมาไม่ได้ตั้งเอาแค่เทห์เท่านั้น
" ท่านทำแบบนั้นได้ยังไง พวกเอลฟ์มันเกลียดมนุษย์ยิ่งกว่าคนแคระอีกนะ แค่ทำงานให้ว่าไปอย่าง แต่พวกนั้นยอมต่อสู้เพื่อท่านได้ยังไงกัน?!?! "
แจนด์ลาสยังคงถามต่อด้วยความสงสัย แต่เรื่องที่มันพูดออกมาก็ถูก ตอนแรกก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพวกเอลฟ์จจะมาเป็นทหารให้แบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนแรกจะสงสัยก็เถอะแต่ในตอนนนี้มันก็ได้มาเป็นทหารแล้วคิดมากไปมันก็เท่านั้น
" ก็ข้ารับพวกนั้นเข้าเมืองเอาไว้ พวกนั้นก็คงคิดอยากทีี้จะตอบแทนละมั้ง "
" ถะ.. ถ้างั้นที่เมืองแห่งนี้มีทั้งเอลฟ์หมดอยู่กี่คนกัน?"
" 400 ร้อย "
ตอบไปแจนด์ลาสก็เงียบแล้วผมก็หันไปมองด้านหลังก็เห็นแจนด์ลาสที่กำลังยืนนิ่งมองตรงมาทางผมอยู่ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้มันกำลังคิดเรื่องอะไร แต่มันคงกำลังตกใจอะไรอยู่แน่กับจำนวนเอลฟ์ที่ผมบอกไปเมื่อคู่ หรืออาจจะเป็นอย่างอื่น
" ท่านแม่ทัพพวกเราก็ไปกันเถอะ ตอนนี้การเตรียมการเพื่อโจมตีมันน่าใกล้จะเสร็จแล้วเหมือนกัน "
พูดจบผมก็เริ่มออกเดินต่อตามทางเดินกำแพง ส่วนทางแจนด์ลาสก็ไมได้ตอบอะไรกลับแล้วเดินตามมาเช่นกัน
...
....
......
หลังจากที่พวกเราเดินมาสักพักก็มาถึงอาวุธท่ีผมเตรียมเอาไว้จัดการกับพวกมอนเตอร์ระดับมันโดยเฉพราะ ที่ด้านหน้าของผมตอนนี้เป็นปืนใหญ่ขนาดใหญ่กว่าปกติถึง 10 เท่า รอบปืนใหญ่มีพวกจอมเวทย์เอลฟ์ผู้มีเวทย์ธาตุน้ำนับสิบคนกำลังร่ายเวทย์เข้าไปอยู่ เพื่อเป็นพลังงานในการปล่อยเวทย์ออกไปแทนกระสุนปืนใหญ่ ส่วนเรื่องอนุภาพการทำลายก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะผมก็ยังไม่เห็นว่าเป็นยังไง แต่ถ้าเป็นไปตามที่คิดอนุภาพของมันก็คงเรียกว่านิวเคลียร์ขนาดย่อมได้เลยก็ว่าได้
ตัวปืนทำงานโดยอัดพลังเวทย์เข้าไปแทนกระสุน ซึ่งมันสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเวทย์มนต์ที่ต้องการได้หมด ดิน,น้ำ,ลม,ไฟ สามารถอัดเข้าไปแล้วยิงโจมตีได้ทั้งหมด เพื่อจะได้ปรับให้เหมาะสมกับศัตรูที่ต้องจัดการเลยสามาถอัดได้หมดทุกธาตุ อย่างมังกรไฟก็ต้องเจอกับเวทย์น้ำจัดการ
" ท่านบารอน "
ไคเซอร์ที่กำลังยืนคุมพวกจอมเวทย์เอลฟ์ตะโกนออกมาทางผม ระหว่างที่พูดออกมาก็โบกมือไปมาไปด้วย ให้ตายสิ! เป็นทั้งพี่ทั้งน้อง เมื่อกี้ก็พึ่งส่งตัวพี่กลับไปตัวน้องก็โผ่ลมาแทนอีก ไม่เข้าใจคำพูดที่ว่าอย่าให้คนของจักรวรรดิเห็นกันเลยหรือไง เฮ้อ~
" อะ.. องค์ชายไคเซอร์ "
ใช่แล้ว! นั่นมันองค์ชายตัวจริงเลยละ องค์ชายเจ้าปัญหาที่สร้างปัญหาให้ฉันคนนี้ไม่ได้ต่างจากตัวของพี่เลย แล้วผมกับแจนด์ลาส ที่กำลังแปลกใจหลังจากเห็นไคเซอร์ก็เดินตรงเข้าไปหาไคเซอร์ที่ยืนโบกมือให้อยู่
เมื่อเดินถึง
" ยินดีที่ได้พบครับองค์ชาย ข้าชื่อว่าแจนด์ลาสเป็นของของ-"
" เรื่องนั้นไม่ต้องพูดหรอก ชื่อของท่านเพียงแค่เอ่ยมาทุกคนในทวีปนี้ก็รู็จักรกันทั้งนั้น "
ไม่หรอก! มีฉันหนึ่งคนที่ไม่รู้จักร อย่างน้อยก็มีฉันคนนี้อยู่ 1 คน
" แม่ทัพอันดับหนึ่งของจักรวรรดิที่รบไม่เคยแพ้แบบท่าน ไม่ว่าไปที่ไหนทุกคนก็ยอมรู้จักรหมดนั่นแหละท่านแม่ทัพ "
เห๋~ แจนด์ลาสมันยังจะมีีความลับอีกไหมเนี่ย รอบเอมิเลียก็ได้รู้ว่าเป็นดยุค รอบไคเซอร์ก็แม่ทัพไม่เคยแพ้ ต่อไปมันจะมีอะไรให้น่าตกใจอีกไหม
ตอนนี้ยอมรับว่าผมกำลังตกใจเรื่องของแจนด์ลาสอยู่เหมือนกัน แต่ก็พยามสงบเอาไว้โดยไม่ได้ถามอะไรเพราะต้องเก็บอาการโดยแซ้งทำเป็นว่ารู้อยู่แล้ว แต่เพียงเท่านี้ก็พออธิบายการตัดสินใจของมันได้แล้ว ที่สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วในเวลาเจรจากับผม มันเป็นแบบนี้เอง ....แม่ทัพผู้ไม่เคยแพ้!
" พร้อมยิงแล้วครับท่านบารอน "
ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ทหารหนึ่งคนก็วิ่งมารายงานผม ถึงเรื่องความพร้อมของปืนใหญ่พลังเวทย์ด้านหน้า ตัวปืนใหญ่ตอนนี้กำลังส่องแสงสีฟ้าออกมาเหมืองทองฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเวทย์น้ำ หัวปืนกำลังหันไปทางมังกรไฟที่หยุดนิ่งอยู่ด้านอกของเมือง แต่มันก็แปลกอยู่! ตั้งแต่ที่ผมมาถึงมันก็หยุดแบบนั้นมันตั้งนานแล้ว ไม่ยอมขยับอะไรเลยสักนิดมันหยุดแบบนั้นเพื่ออะไร ทำไมไม่โจมตีเข้ามา???
ขณะที่ผมกำลังคิดด้วยความสงสัยเกี่ยวกับมอนเตอร์ด้านหน้าอยู่นั้น เสียงของไคเซอร์ก็ดังขึ้นมาว่า....