King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 259 เหนื่อยอีกแล้วสิ
ตอนที่ 259 เหนื่อยอีกแล้วสิ
“ว้าวววววว~ เป็นแบบที่ได้ยินมาจริงด้วย”
เมื่อเดินทางมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลผม็ตรงมาที่ห้องรับรอง เพราะคนใช้บอกว่าทาร์เลียและลาฟเชียร์อยู่ที่นี่ เมื่อมาถึงก็ได้ยินเสียงร้องแบบดีใจและแววตาที่ลุกวาวของเอ็ดเน่ที่กำลังมองหางของทาร์เลียที่อยู่ในร่างราเมียอยู่
ส่วนลาฟเชียร์ก็กำลังยิ้มอ่อนๆ อยู่ด้านข้างทั้งสองคน
ให้ตายสิ ยัยนั้นคิดว่ากลายร่างได้ตามที่ต้องการหรือไง เฮ้อ~ ผมทำได้เพียงแต่คิดแล้วส่ายหน้าไปมาเพราะความเหนื่อยใจกับสิ่งที่ทาร์เลียกำลังทำอยู่
ระหว่างนั้น
“อะ ท่านดรารอน์มาแล้ว!”
ทาร์เลียที่สังเกตเห็นผมก็พูดขึ้น จากนั้นทุกสายตาในห้องต่างก็มองมาทางผมที่อยู่หน้าประตู
“ท่านพี่ดูนี่สิ ทาร์เลียสุดยอดไปเลย!!”
เอ็ดเน่พูดเสียงดีใจระหว่างมองมาทางผมและชี้นิ้วไปยังหางของทาร์เลีย
ตอนนี้อยากจะบอกไปว่า [สุดยอดอะไรกันละ] แต่ด้วยความน่ารักของเธอที่น่ารักกว่าเมื่อห้าปีก่อนมากคงทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก
ตอนนี้ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาเอ็ดเน่ที่ผมเห็นก็เหมือนเอรีน่าเข้าไปทุกที… ไม่สิ! คงอาจเป็นเพราะได้สีผิวของดิวนีสันต์มาด้วยทำให้ความเข็มสีขาวเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ต้องบอกว่าสวยกว่าเอรีน่าสะอีก
น่ารัก~
“อ่า สุดยอดไปเลยทาร์เลีย”
ผมตอบตามสิ่งที่เอ็ดเน่น่าจะอยากได้ยิน แต่ทาร์เลียกับบิดตัวไปมาและหน้าแดงแบบกำลังอาย จะบ้าหรือไง! ทางนี้ไม่ได้อยากชมเธอสักหน่อยทำไมต้องอายขนาดนั้นด้วย
“ค่ะ… ท่านดรารอน์ชมข้าครั้งแรกเลย”
ยังไม่จบอีกนะยัยนี่
“สุดยอดจริง เพราะงั้นตอนนี้เธอก็เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์สะ นี่คิดว่ายาแปลงร่างที่ราชินีภูติให้มามันหาได้ง่ายๆ หรือไง”
ผมพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
แต่ในใจตอนนี้กำลังรมเสียกับยัยนี่มากจริงๆ
“ค่ะ… ขอโทษคะ”
เหมือนว่าทาร์เลียจะรู้ตัวว่าตัวเองทำผิดเลยตอบมาแบบนั้น แล้วเธอก็กลับร่างเป็นมนุษย์เหมือนเดิมโดยกินยาเข้าไปหนึ่งเม็ด ส่วนทางเอ็ดเน่ก็ทำหน้าผิดหวังแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและเดินตรงเข้ามาหาผม
ระหว่างเดินเข้ามาเธอก็ยิ้มด้วยใบหน้าดีใจ
อะไรไอ้ใบหน้าแบบนั้น???
ระหว่างกำลังสงสัย
“ท่านพี่วันนี่พวกเราไปเที่ยวงานกันเถอะ!”
เธอก็พูดออกมาด้วยหน้าตายิ้มแบบนั้น ตอนนี้สิ่งที่เธอพูดมามันไม่ใช่คำถามหรอกแต่มันเป็นคำสั่งต่างหาก สีหน้าแบบนั้นใครมันจะไปปฏิเสธลง
“ดะ ได้สิ!”
“เย้!!!”
เอ็กดเน่ร้องและกำมือทั้งสองเอาไว้แน่เหมือนกับทำอะไรที่ยิ่งใหญ่สำเร็จ แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้กลับ เฮ้อ~ สุดท้ายก็ต้องไปสินะ
“แต่ว่า วันนี้พวกเราจะไปกันสามคนเท่านั้นนะ”
เอ็ดเน่พูดอีกครั้งระหว่างที่ผมกำลังหนักใจอยู่ แล้วไอ้คำพูดที่เธอพูดออกมาก็ทำให้ทาร์เลียกับลาฟเชียร์มองกันด้วยหางตาไม่เป็นมิตรสะแล้ว
สองคนมองกันแบบนั้นสักพักทาร์เลียก็พูดออกมาก่อน
“ท่านเอ็ดเน่ท่านจะให้ข้าไปด้วยใช่ไหม?”
“ไม่สิต้องเป็นข้าใช่ไหมคะ ท่านเอ็ดเน่!”
ลาฟเชียร์ที่ปกติจะทำตัวเรียบร้อยพูดสู้ขึ้นมาแบบทันควัน แต่ถ้าเอาตามที่ผมเข้าใจสิ่งที่เอ็ดเน่พูดออกมาตอนนี้ทั้งสองคนกำลังเข้าใจผิดกันอยู่ชัดๆ เพราะอีกคนที่กำลังจะไปกับพวกเราก็-
“ทั้งสองคนกำลังพูดเรื่องอะไร ข้า ท่านพี่แล้วก็ท่านแม่จะไปกันสามคน ข้าคงให้ทั้งสองคนไปด้วยไม่ได้หรอกนะ”
เอ็ดเน่ตอบตามที่ผมเข้าไป และส่ายหน้าไปด้วย
จากนั้น
“เฮ้อ~”
“แบบนั้นก็คงพอรับได้”
ทาร์เลียถอนหายใจ ส่วนลาฟเชียร์ก็พูดเหมือนกับว่าโล่งใจเอามากๆ
ระหว่างนั้นทาร์เลียก็
“งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน”
พูดขึ้นมาอีกเหมือนกับคิดอะไรออก แล้วเธอก็หันไปทางลาฟเชียร์ก่อนที่จะพูดต่อ
“ลาฟเชียร์เมื่อเป็นแบบนี้พวกเราคงต้องไปสองคนแล้วละ”
“ข้าก็คิดแบบนั้นแหละ…”
เมื่อทั้งสองคนตกลงกันได้ทาร์เลียก็มองมาทางผมด้วยแววตาน่าสงสาร แต่มือทั้งสองของเธอก็แบรแล้วกระดิกไปมา เงินสินะ~ ยัยนั้นต้องการเงินสินะ
“เท่าไหร่?”
ผมถามและใช่มือล้วงกระเป๋าที่เก็บเหรียญในกระเป๋าเสื้อ
“20 ก็น่าจะพอแล้วคะ”
น้อยกว่าที่คิดแหะ!
เป็นแบบนี้ก็แปลว่ายัยนี่เริ่มคิดได้แล้วสินะว่าต้องเองต้องประหยัดเงิน ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเหมือนกัน
เมื่อได้ยินคำตอบผมก็เดินไปแล้วส่งเหรียญเงิน 20 เหรียญ ให้กับทาร์เลียตามคำขอ แต่หลังให้ไป
“เอ่ะ?!?!?”
เสียงร้องแปลกใจของเธอก็ดังขึ้นมาทันที ระหว่างที่มองเหรียญในมือแบบนั้น
“มันมีอะไรน่าตกใจอีกละ อย่าบอกนะว่าไม่พอ”
“นี่ท่านจะฆ่าข้าเหรอ ท่านดรารอน์!!!”
น้ำเสียงที่ตอบออกมาของทาร์เลียจริงจังมาก พอมองสีหน้าของเธอก็เข้าใจเลยว่ากำลังโมโหอยู่ แต่โมโหอะไร? ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ?
ผมพยามคิดหาสาเหตุสักพักแต่พอมองไปมองมาก็เข้าใจถึงสิ่งที่ทำให้เธอไม่พอใจอยู่ในตอนนี้ ไม่ผิดแน่นอน!
พอรู้สาเหตุผมจึงพูดไปว่า…