ตอนที่แล้ว81-82
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป85-86

83-84


5/8

Ep.83

ในที่สุด ฉู่เซวียนก็เริ่มตะหงิดใจขึ้นมา เขาเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง เอ่ยถามอย่างแผ่วเบาว่า “ช่วยบอกทีได้ไหมว่าจักรพรรดินีน้ำแข็งชื่ออะไร?”

“เจียงชิงเซว่” เสิ่นอี้เอ่ยปาก แม่เสียงจะเบา แต่คำพูดนี้เสมือนเสียงฟ้าร้องดังก้องอยู่ในหูของฉู่เซวียน เล่นเอาเขาสติหลุดลอยไปชั่วขณะ

จักรพรรดินีน้ำแข็ง หนึ่งในสี่จุตรเทพแห่งพันธมิตรจีน--

--แท้จริงแล้วคือแฟนสาวของเขาเอง!

เวลานี้ ฉู่เซวียนเกิดความรู้สึกราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่โชคดีที่เขามีภูมิคุ้มกันทางจิต ไม่นานก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ข้างกายเขาไม่มีใคร(ในที่นี้หมายถึงคนรัก) อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย แม้จะมีระบบ ก็ยังไม่อาจเติมเต็มหัวใจของเขาได้

สองปีที่หลับใหลระหว่างการระบาดของหายนะวันสิ้นโลก ทำให้ฉู่เซวียนรู้สึกว่าช่วงชีวิตในโลกที่ยังสงบสุขยังคงสดใหม่ รอยยิ้มอันแสนหวานของเธอผุดเข้ามาในหัวเขา

โชคดีจริงๆที่ได้รู้เรื่องแฟนสาวแล้ว และเรื่องนี้ทำให้ฉู่เซวียนได้ตั้งเป้าหมายใหม่!

‘ตอนนี้เธออยู่บนจุดสูงสุดของมนุษยชาติแล้วยังไง? ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นจนไปยืนหยัดอยู่ข้างกายเธอเอง!’

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงช่วงสองปีที่เกิดวันสิ้นโลกขึ้นและไม่มีเขา ฉู่เซวียนก็รู้สึกสงสารเจียงชิงเซว่ขึ้นมาจับใจ

เพราะในวันสิ้นโลก ทุกคนคงแทบดูแลตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเด็กสาวที่ยังเรียนมหาลัยอยู่

เขาสามารถจินตนาการได้เลย ว่าเธอต้องทุกข์ทรมานมากเพียงใดกว่าจะมาเป็นได้อย่างทุกวันนี้

เสิ่นอี้เห็นสีหน้าฉู่เซวียน คล้ายเข้าใจถึงความคิดของเขา เอ่ยปากว่า “ที่อยู่ของจักรพรรดินีน้ำแข็งไม่แน่นอน แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ แทบไม่มีอะไรในโลกที่สามารถสร้างภัยคุกคามแก่เธอได้”

ความหมายที่เขาจะสื่อก็คือ ฉู่เซวียนยังไปเจอเจียงชิงเซว่ไม่ได้ในตอนนี้ แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเธอ

ฉู่เซวียนพอได้ฟัง ย่อมเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเสิ่นอี้ เขายิ้มแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่เสิ่นไม่ต้องกังวล ฉันไม่มีทางออกไปในพื้นที่รกร้างเพื่อค้นหาเธอแบบไร้จุดหมายแน่นอน แต่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และเมื่อได้พบกันครั้งต่อไป จะได้ใช้พลังของตัวเองปกป้องเธอ”  ฉู่เซวียนกำหมดแน่น

ได้ยินแบบนั้น เสิ่นอี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ตบไหล่ ฉู่เซวียน “ไม่เลว! คนเราต้องมีความทะเยอทะยานแบบนี้! ถึงจะฟังดูยาก แต่ฉันหวังว่านายจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดินีน้ำแข็งในเร็ววัน”

“อ้อจริงสิ” แต่จู่ๆเสิ่นอี้เหมือนจะนึกอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ทันใดนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าเขา “ฉู่เซวียน ฉันลืมบอกอะไรนายไปอย่างนึง”

เห็นรอยยิ้มไม่ชอบมาพากลบนใบหน้าของเสิ่นอี้ ฉู่เซวียนเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นทันใด

“มีอะไรหรอ?” ฉู่เซวียนเอ่ยถาม

“จักรพรรดินีน้ำแข็งเป็นผู้หญิงคนเดียวในบรรดาสี่จตุรเทพแห่งพันธมิตรจีน ด้วยหน้าตาอันงดงามของเธอ และอายุที่อยู่ในวัยรุ่งโรจน์ที่สุด ทำให้มีผู้ชายเข้าหามากมาย”  เสิ่นอี้เผยรอยยิ้มบาง

ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของฉู่เซวียนกลายเป็นแข็งทื่อทันที แต่คำพูดต่อมาของเสิ่นอี้ก็ทำให้เขาถอนหายใจโล่งอก

“แต่เท่าที่ฉันรู้ ตอนนี้จักรพรรดินีน้ำแข็งยังไม่แสดงท่าทีว่ารู้สึกดีกับคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ หรือก็คือเธอยังโสดอยู่”  เสิ่นอี้กล่าว

“ชางหมิง หนึ่งในสี่จตุรเทพ ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ใช้พลังในสนามประลองของฐานเทียนหัวเรา ย้อนกลับไปช่วงนั้น เขาเป็นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่านายซะอีก พลังรบในเลเวล 4 ของเขา มากพอที่จะฆ่าซอมบี้เลเวล 5 ได้”

“แต่เพื่อที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขาจึงตัดสินใจไปยังสำนักงานใหญ่ของสนามประลอง และแน่นอน เหตุผลหลักก็เพราะจักรพรรดินีน้ำแข็ง”

“วันหนึ่ง ฉันจะไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอ แล้วทำให้เจ้าพวกนั้นอกหักจนกระอักเลือดตาย!” ฉู่เซวียนค่อยๆเอ่ยประโยคนี้ราวกับว่ากำลังตั้งปฏิญาณ

‘ชิงเซว่ รอก่อนนะ อีกไม่นานฉันจะไปหาเธอ!’

ฉู่เซวียนคิดในใจ

“งั้นก็ตั้งใจฝึกเข้าล่ะ ฉันจะคอยเอาใจช่วย” เสิ่นอี้พูดด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้วเดินออกจากที่นี่ทันที

เห็นแบบนั้น ฉู่เซวียนก็รีบเดินตาม เหล่าเซี่ยเฝ้ามองแผ่นหลังของทั้งสองจากไป เขาส่ายหัว แต่รอยยิ้มกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เป็นวัยรุ่นนี่มันดีจริงๆ ...”

6/8

Ep.84

“จุ๊ จุ๊ จุ๊ นี่แหละหนอที่เขาว่ากันว่าวีรบุรุษมักเพลี่ยงพล้ำต่อสาวงาม”

เสียงหนึ่งดังขึ้นดั่งลมพัดโชยในใจฉู่เซวียน ไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงคือใคร

แต่ตอนนี้ฉู่เซวียนกำลังอารมณ์ดีมาก เขาเมินคำพูดของของอีกฝ่าย ทำเป็นหูทวนลม

“นี่เด็กน้อย เราเทพเจ้าขอเสนออะไรหน่อยเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรต้องทำในฐานเทียนหัวแห่งนี้แล้ว เช่นนั้นทำไมไม่ออกไปข้างนอกแล้วฆ่าพวกซอมบี้กับสัตว์กลายพันธุ์ให้เยอะๆเล่า? เจ้าจะได้กลืนกินพลังของพวกมันมา เพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง” วิญญาณมังกรพูดต่อ ไม่สนใจที่ฉู่เซวียนทำเป็นเมิน​

“เหอะ ที่เสนอแบบนั้นไม่ใช่เพราะห่วงฉันหรอก แต่นายต้องการพลังกับเลือดหนึ่งในสิบของพวกศัตรูที่ฆ่าได้ต่างหาก”

แม้ถูกเปิดโปง แต่วิญญาณมังกรกลับไม่ละอายแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขายอมรับแทบจะในทันที “ก็ใช่ นั่นคือสิ่งที่เราเทพเจ้าคิด แต่ในเมื่อเจ้าต้องการเจอคนรัก เช่นนั้นก็ควรเพิ่มพูนพลังรบของตัวเองไม่ถูกหรือ?”

“เรื่องออกไปล่าคงต้องรอก่อน” ฉู่เซวียนตอบ เขามีแผนในใจอยู่แล้ว

เพราะอย่างไรเสียเขาสัญญากับเสิ่นอี้ว่าจะเข้าร่วมกองทัพ หากตนไปแล้วผลักภาระให้คนอื่นๆ เขาทำไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่เซวียนยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้เจียงชิงเซว่อยู่ที่ไหน ดังนั้นค่อยๆพัฒนาตัวเองและคอยสืบข่าวจากที่นี่จะดีกว่า

ได้ยินแบบนั้น วิญญาณมังกรก็เงียบลง ไม่พูดอะไรอีก

ฉู่เซวียนมีความสุขมาก ระหว่างทางเขาไม่พูดหรือสนใจอะไรอีก

หลังจากขึ้นลิฟต์กลับมายังพื้นดิน เสิ่นอี้ไม่ได้พาฉู่เซวียนกลับไปยังที่พักเขา แต่นำทางไปยังส่วนลึกของเขตทหารแทน

“พี่ใหญ่เสิ่น พวกเราจะไปไหนกัน?” ระหว่างทาง ฉู่เซวียนเอ่ยถามอย่างสงสัย

“พานายไปพบคนๆหนึ่ง แล้วจากนี้ไปนายคือผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา” เสิ่นอี้ตอบ  “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพลังรบ เมื่อเข้าร่วมกับกองทัพต้องเริ่มต้นจากการเป็นพลทหาร มีเพียงการฆ่าซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์จนถึงข้อกำหนดเท่านั้น ที่จะทำให้นายเลื่อนยศทหารได้”

ฉู่เซวียนพยักหน้าว่าเข้าใจ วิธีการนี้คล้ายๆกับการเลื่อนยศกองทัพจีนในสมัยโบราณ ต้องมีผลงานเท่านั้นจึงจะยิ่งใหญ่ได้

ไม่นาน ทั้งสองก็เดินมาถึงสถานที่ที่คาดว่าน่าจะเป็นสนามฝึกซ้อม

ไม่ไกลออกไป ฉู่เซวียนได้ยินเสียงตะโกนหนวกหู นอกจากนี้ยังมีเสียงปะทะดุเดือดจากการต่อสู้ระหว่างผู้ใช้พลัง

“พวกเรามาถึงแล้ว” เสิ่นอี้ยิ้ม

สิ่งที่ปรากฏต่อหน้า ฉู่เซวียนคือพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ มีทหารมากมายกำลังฝึกฝนอย่างแข็งขัน

“เหล่าเล่ย!” เสิ่นอี้ตะโกนไปทางทหารนายหนึ่ง

ไม่นาน ร่างหนาดูกำยำก็วิ่งเข้ามา

“พลตรีเสิ่น!” อย่างแรกที่อีกฝ่ายทำคือทำความเคารพเสิ่นอี้ ก่อนที่เขาจะผ่อนคลายลง แสดงท่าทีเป็นกันเอง “เรียกฉันมีเรื่องอะไรหรอ?”

ฉู่เซวียนเห็นภาพนี้ก็อดเบิกตากว้างไม่ได้ เพราะในการรับรู้ของเขา ชายร่างใหญ่กำยำคนนี้มีพลังรบมากถึงเลเวล 5 !

“เด็กคนนี้ชื่อฉู่เซวียน ฉันขอมอบหมายให้คุณช่วยดูแลเขา” เสิ่นอี้แนะนำสั้นๆ พลางผลักฉู่เซวียนไปเบื้องหน้า

เห็นฉู่เซวียนอ้าปากค้างไม่รู้จะพูดอะไรดี ชายร่างหนายิ้มแล้วเอ่ยปากว่า “ชื่อฉู่เซวียนใช่ไหม ฉันชื่อเล่ยซาน ในเมื่อพลตรีเสิ่นขอให้นายติดตามฉัน งั้นก็มาเป็นทหารใต้บังคับบัญชาฉันเถอะ ต่อไปเรียกฉันว่าหัวหน้าเล่ยก็ได้”

“รับทราบ หัวหน้าเล่ย” ฉู่เซวียนทวนคำ พยักหน้าเอ่ยชื่อเขา

“ฉันมีธุระอย่างอื่นต้องไปทำ ทั้งสองคนคุยกันตามสบายเลยนะ ขอตัวก่อน” เสิ่นอี้ยิ้ม “เดี๋ยวเหล่าเล่ยจะช่วยแนะนำอะไรที่จำเป็นให้นายเอง”

ว่าจบ เสิ่นอี้ก็ออกจากที่นี่ไป

“มากับฉันสิ” เล่ยซานพาฉู่เซวียนเดินเข้าไปหาทหารคนอื่นๆ “ที่นี่ ไม่ว่าจะมีพลังรบแบบไหน ทุกคนคือทหาร การปฏิบัติตามคำสั่งถือเป็นกฏข้อแรก”

ฉู่เซวียนพยักหน้า แสดงท่าทีว่าเข้าใจ

จากนั้น เล่ยซานได้บอกกฏเกณฑ์ทางทหารเพิ่มเติมแก่ฉู่เซวียน ฝ่ายหลังค่อยๆซึมซับและจดจำในสมอง ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด