81-82
3/8
Ep.81
“อ้อจริงสิ” เหล่าเซี่ยคล้ายนึกอะไรออก เขาหันไปหยิบอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเกราะขึ้นมา
“เสิ่นอี้ ดูเจ้านี่สิ”
“นี่มัน .. น่าจะเป็นเกราะเบา?” เสิ่นอี้รับมันมา พิจารณาดูซักพักก็ยื่นให้ฉู่เซวียน “นายก็ดูด้วยสิ”
ฝ่ายหลังรับไม้ต่อ วัสดุของมันไม่น่าผลิตจากซุปเปอร์อัลลอย อีกทั้งยังมีลวดลายค่อนข้างแปลกตา
อย่างไรก็ตาม ฉู่เซวียนคล้ายเกิดเดจาวู เขาหันขวับไปทางถังเพาะเลี้ยงที่อยู่ข้างๆ แล้วโพล่งออกมาทันที “หรือว่านี่จะทำจากเปลือกของพวกแมลง?”
เหล่าเซี่ยพยักหน้า กล่าวว่า “เก่งมากเจ้าหนู สิ่งที่อยู่ในมือนายทำมาจากเปลือกหรือกระดองของพวกแมลงกลายพันธุ์ที่มีพลังรบในเลเวล 3”
“ซึ่งเมื่อเทียบกับเกราะที่ผลิตโดยซุปเปอร์อัลลอยทั่วไปแล้ว นอกจากมีพลังป้องกันที่ดีกว่า ยังช่วยเสริมความสามารถแก่เหล่าผู้ใช้พลังได้อีกด้วย!”
ได้ยินคำนี้ ดวงตาของฉู่เซวียนเบิกกว้างขึ้นทันใด จ้องมองลงไปยังชุดเกราะเบาในมือด้วยความรู้สึกทึ่ง
อย่างไรก็ตาม เสิ่นอี้คิดไปเหนือมากกว่านั้น หลังจากคำนวณถึงความเป็นไปได้ก็เอ่ยถามว่า “เหล่าเซี่ย เจ้าสิ่งนี้สามารถผลิตเป็นจำนวนมากได้ไหม? ถ้ามอบพวกมันให้กับผู้ใช้พลังทุกคน พลังรบโดยรวมของฐานเทียนหัวจะยกระดับไปอีกขั้นอย่างแน่นอน”
เหล่าเซี่ยพอได้ยินก็ยิ้ม ก่อนส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่ได้ เกราะเบาชิ้นนี้ชิ้นเดียว กว่าจะผลิตได้ พวกเราต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรไปเป็นจำนวนมาก แต่บางที หลังจากวิจัยสำเร็จแล้ว อาจสามารถผลิตเป็นจำนวนมากได้ในอนาคต”
จากนั้น ทั้งสองก็สนทนาถึงความเป็นไปได้ต่างๆ
ฉู่เซวียนคร้านจะสนใจฟัง เขาแยกตัวออกมา เดินสำรวจรอบๆห้องแล็บ
แต่ไม่นานนัก ฉู่เซวียนคล้ายตระหนักถึงบางอย่าง เมื่อมองย้อนกลับไปก็พบว่าเสิ่นอี้กับเหล่าเซี่ยกำลังมองมาทางเขา
ไม่รู้ว่าเสิ่นอี้พูดอะไรกับเหล่าเซี่ย แต่ฝ่ายหลังกำลังมองมาทางเขาด้วยแววตาสนอกสนใจ
เห็นภาพนี้ ลางสังหรณ์ไม่ดีแวบผ่านเข้ามาในใจฉู่เซวียน
แล้วก็จริงดังคาด ทั้งสองเดินเข้ามาหาเขา ภายใต้ใบหน้าที่ดูสนอกสนใจ เหล่าเซี่ยเอ่ยขึ้นว่า “ฉู่เซวียน นายอยากเป็นผู้ติดตามของฉันไหม?”
ฉู่เซวียนอดตกใจไม่ได้เมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาไม่เข้าใจว่าเหล่าเซี่ยต้องการอะไร
“พอฉันเล่าเรื่องนายให้ฟัง เหล่าเซี่ยรู้สึกสนใจมาก เขาอยากให้นายอยู่ช่วยทำงานวิจัยที่นี่” เสิ่นอี้อธิบาย
“วางใจได้ เป็นแค่การทดลองเล็กๆน้อยๆเท่านั้น มันจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับตัวนายหรอกเจ้าหนู” เหล่าเซี่ยพูดต่อ
เรื่องที่ได้ยินจากเสิ่นอี้ก็คือ วีรกรรมของฉู่เซวียนตั้งแต่เข้ามายังฐานเทียนหัวแห่งนี้ มันทำให้เขารู้สึกสนใจในอบิลิตี้ที่ชื่อกลืนกินของฉู่เซวียน
อย่างไรก็ตาม คำอธิบายของเหล่าเซี่ยไม่มากพอที่จะจูงใจเขา ฉู่เซวียนเอ่ยปฏิเสธอย่างชอบธรรมว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เชิญผม แต่ต้องขอโทษจริงๆ ความใฝ่ฝันของผมคือการเข้าร่วมกองทัพ เพื่อที่จะได้พัฒนาพลังรบให้แกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
มองไปยังสีหน้าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวที่คล้ายไม่ยอมเปลี่ยนใจของฉู่เซวียน ในที่สุดเหล่าเซี่ยก็ถอนหายใจออกมา เอ่ยอย่างหมดหนทาง “เอาเถอะ เอาเถอะ ถ้าพูดแบบนั้นฉันจะไม่บังคับนาย เมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็เชิญกลับไปเถอะ”
“ยังไม่หมด พวกเรายังมีอีกเรื่องนึง” เสิ่นอี้เอ่ยแทรกขึ้น หันไปพูดกับ ฉู่เซวียนว่า “ไม่ใช่ว่านายต้องการตามหาคนหรอกหรอ? คอมพิวเตอร์ของที่นี่มีข้อมูลของพลเมืองทั้งหมดในฐานเทียนหัว ถ้าใช้มันอาจได้เบาะแสที่ต้องการ”
“เฮ้ เฮ้ จะใช้คอมฉันทั้งที แต่ดันทำแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นั้นน่ะนะ?”
เหล่าเซี่ยถอนหายใจ อดบ่นขึ้นมาไม่ได้
4/8
Ep.82
“ช่างเถอะ ขอข้อมูลของคนที่นายกำลังตามหาหน่อย” เหล่าเซี่ยพูดกับฉู่เซวียน
‘ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอแล้ว’ ฉู่เซวียนอดหวั่นไหวขึ้นมาไม่ได้
แม้คำถามที่ได้ยินจะฟังดูเรียบง่าย แต่ตอนนี้ ฉู่เซวียนเผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เกิดอาการประหม่าในใจ
ฉู่เซวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามไม่ทำให้เสียงสั่น “เธอชื่อเจียงชิงเซว่ อายุ 19 ปี ...”
แต่เมื่อเขากำลังจะให้คำอธิบายมากไปกว่านั้น จู่ๆก็สังเกตเห็นว่าทั้งเสิ่นอี้และเหล่าเซี่ยกำลังมองมาทางเข้าด้วยสีหน้าตกใจและไม่อยากจะเชื่อ
“มีอะไรงั้นหรอ?” ฉู่เซวียนเห็นทั้งคู่ความสับสน เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมทั้งสองถึงงมีปฏิกิริยากับข้อมูลที่เขาเอ่ยไปมากขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม เสิ่นอี้เรียกสติกลับมาได้ เขาสูดหายใจลึก ก่อนกลับมาทำสีหน้าสงบเยือกเย็นเหมือนที่แล้วๆมา
ในทางกลับกัน เหล่าเซี่ยตกตะลึง ตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น เนิ่นนานไม่อาจเรียกสติ จนเสิ่นอี้ต้องกระแอมเบาๆ เขาถึงรู้สึกตัว
“ผมถามว่าทำไมพวกคุณถึงมีท่าทีแบบนั้น ทั้งๆที่ผมแค่เอ่ยชื่อออกไป” ฉู่เซวียนงง ถามย้ำอีกรอบ
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร ว่าต่อได้เลย” เหล่าเซี่ยระงับความสงสัยเอาไว้ในใจ โบกไม้โบกมือ เชิญให้ฉู่เซวียนพูดต่อ
ฉู่เซวียนบอกข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับแฟนสาวของเขาแก่เหล่าเซี่ย
“เจียงชิงเซว่ เจียงชิงเซว่ ...” เสิ่นอี้ทวนชื่อนี้อยู่หลายรอบ มองมาทางฉู่เซวียน กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “นายแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้จำผิด นี่ใช่ชื่อของคนที่นายต้องการตามหาไม่ผิดแน่นะ?”
“ไม่ผิดแน่นอน” ฉู่เซวียนพยักหน้าหนักแน่น “ฉันจะจำชื่อแฟนตัวเองผิดได้ยังไง?”
ได้ยินแบบนั้น อีกสองคนมองหน้ากัน เสิ่นอี้กระซิบกับเหล่าเซี่ย “ข้อมูลทั้งหมดตรงกัน ดูเหมือนจะไม่ผิดคนแล้ว”
“พวกคุณทำลับๆล่อๆอะไรกัน?” ฉู่เซวียนเห็นทั้งคู่ซุบซิบก็เริ่มร้อนใจ แต่ยังคงตั้งตารอ
“ให้ผมพูดเองดีกว่า” เสิ่นอี้ตกลงกับเหล่าเซี่ย จากนั้นหันมาพูดกับเขา “ฉู่เซวียนฉันว่าพวกเรารู้แล้วว่าแฟนของนายอยู่ที่ไหน”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าตึงเครียดของฉู่เซวียนคลายลงทันที เขาถอนหายใจ คล้ายยกหินใหญ่ออกจากอก ถามด้วยความตื่นเต้น “แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
มองไปยังท่าทางตื่นเต้นของฉู่เซวียน เสิ่นอี้ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉู่เซวียน นายควรสงบสติอารมณ์ก่อน ก่อนจะพูดถึงเรื่องแฟนนาย เรามาคุยเรื่องอื่นกันก่อนดีกว่า”
มองไปยังสีหน้าของเสิ่นอี้ที่ดูจริงจัง ความตื่นเต้นในใจฉู่เซวียนค่อยๆสงบลง เอ่ยอย่างช้าๆ “ได้สิ ว่ามาเลย”
เสิ่นอี้เริ่มพูดว่า “ในพันธมิตรจีน ตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ทั้งสิ้น 4 คน เรียกว่าสี่จตุรเทพ อันดับหนึ่งคือหยิงหวูจี๋จากกองทัพ อันดับสองและสี่คือเทพสายฟ้ากับชางหมิงจากสนามประลอง และสุดท้ายอันดับสามจักรพรรดินีน้ำแข็งผู้โดดเดี่ยวไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด”
ได้ยินเรื่องนี้ ฉู่เซวียนเริ่มเกิดความสนใจขึ้นมา นอกจากเทพสายฟ้าแล้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่ออื่นมาก่อนเลย
เสิ่นอี้เล่าต่อว่า “อบิลิตี้ของจักรพรรดินีน้ำแข็งก็เหมือนกับฉายา มันคือพลังธาตุน้ำแข็ง ในอดีตที่ผ่านมา เคยมีกองทัพสัตว์ทะเลกลายพันธุ์บุกโจมตี ในครั้งนั้นจักรพรรดินีน้ำแข็งลงมือคราเดียว แช่แข็งทะเลหลายร้อยไมล์ในพริบตา เปลี่ยนสัตว์ทะเลกลายพันธุ์หลายแสนตัวกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง”
ฉู่เซวียนได้ยินแบบนั้น ก็จินตนาการตามถึงฉากอลังการที่เกิดขึ้น เกิดความกระหายที่จะแข็งแกร่งขึ้นอีกหนึ่งส่วน
แต่สุดท้าย ฉู่เซวียนก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “แล้วทำไมถึงบอกเรื่องนี้กับฉัน?”
เหล่าเซี่ยที่อยู่ข้างๆแทรกขึ้นว่า “เพราะจักรพรรดินีน้ำแข็งไม่ใช่แค่เป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่เธอยังอายุไม่ถึง 20 ปี”