79-80
1/8
Ep.79
ยิ่งเดินลึกเข้าไป จำนวนคนที่เจอตามรายทางก็ยิ่งลดน้อยลง
จนตอนนี้ ในที่สุดเสิ่นอี้ก็พาฉู่เซวียนมาถึงปลายทาง ที่นี่คือห้องแล็บที่ดูต่างจากห้องก่อนๆ เพราะมันถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนา ผนังทั้งหมดทำจากซุปเปอร์อัลลอย อีกทั้งยังมีผู้ใช้พลังเลเวล 3 สองคนประจำการอยู่ตรงประตูทางเข้า แค่เห็นก็รู้ได้เลยว่าข้างในเป็นพื้นที่พิเศษ
“เสี่ยวจาง ให้พวกเขาเข้ามา”
เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าประตู จู่ๆโทรโข่งบนผนังก็ส่งเสียงออกมา
หนึ่งในผู้ใช้พลังเปิดประตูให้ทั้งคู่ จากนั้นเดินนำเขาเข้ามา
อย่างไรก็ตาม เมื่อก้าวเข้ามา ภาพที่ปรากฏสู่สายตา ทำให้ฉู่เซวียนต้องเบิกตากว้าง!
สิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็น คือถังเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบห้องแล็บ หากมองผ่านกระจกใส จะเห็นว่าในถังเพาะเลี้ยงเต็มไปด้วยของเหลวสีเขียวอ่อน และสิ่งที่ลอยอยู่ข้างใน คือแขนขาอันพิลึกพิลั่นที่ดูน่าสยดสยอง
หากเพ่งมองดีๆ จะพบว่าพวกมันคือชิ้นส่วนของแมลง!
เห็นภาพนี้ เสิ่นอี้ที่อยู่ข้างๆก็ตกใจเช่นกัน ชัดเจนว่าเขาก็ไม่เคยเห็นเจ้าพวกนี้มาก่อน
“เสิ่นอี้ มาซักทีนะ” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น เจ้าของเสียงเป็นชายชราที่ดูมีอายุ ผมหงอกทั้งหัว แต่งกายด้วยเสื้อโค้ทสีขาวที่เป็นชุดของสถาบันวิจัย
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเขากลับเปล่งประกายสดใส แวบแรกที่เห็น บอกได้เลยว่าสุขภาพและจิตใจของเขายังคงดีมาก
ตามการคาดเดาของฉู่เซวียน คนๆนี้คงเป็นเหล่าเซี่ยที่เสิ่นอี้เคยพูดถึงก่อนหน้านี้
“เหล่าเซี่ย” เสิ่นอี้พยักหน้า เอ่ยทักทายเขา
เหล่าเซี่ยไม่สนใจฉู่เซวียนที่เดินตามข้างหลังเลย เขายิ้มให้เสิ่นอี้แล้วชี้ไปทางถังเพาะเลี้ยงใกล้ตัว แล้วพูดว่า “อย่าบอกนะว่านายไม่สังเกตเห็นเจ้านี่ ลองทายดูซิว่าพวกมันคืออะไร?”
“น่าจะเป็นแขนขาของสัตว์กลายพันธุ์บางชนิด” เสิ่นอี้คิดแล้วตอบ
“ผิด” เหล่าเซี่ยส่ายหัว “นี่คือเผ่าเซิร์ก”
แม้คำนี้จะแผ่วเบา แต่มันกลับแฝงไปด้วยข้อมูลมากมาย ผู้มาเยือนทั้งสองสีหน้าแปรเปลี่ยนอุทาน “อะไรนะ” ขึ้นมามาพร้อมกัน
สำหรับฉู่เซวียน จริงอยู่ที่คราวก่อนเขาเคยได้ยินคำนี้จากระบบแล้ว แต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้ เนื่องจากครั้งก่อนเฉียวหลวนเองก็เกือบตายเพราะถูกปรสิตแมลงกลืนวิญญาณของเผ่าเซิร์กเข้าสิงร่าง
ในตอนนั้น จากการคาดเดาของฉู่เซวียน แมลงกลืนวิญญาณเป็นเพียงสายพันธุ์หนึ่งของเผ่าเซิร์กเท่านั้น
และตอนนี้ การคาดเดาของเขาได้รับการยืนยันแล้ว
พิจารณาจากแขนขาข้างในถุงเพาะเลี้ยงที่มีรูปร่างต่างกัน แสดงว่าเผ่าเซิร์กต้องมีหลากหลายสายพันธุ์อย่างแน่นอน
ต้องรู้นะว่า ตอนที่โลกยังสงบสุข แม้มนุษยชาติจะมีจำนวนประชากรนับพันล้าน ทว่าแมลงกลับมีมากกว่าหลายเท่า!
ต่อมา เหล่าเซี่ยเดินไปหน้าถังเพาะเลี้ยง ยื่นมือสัมผัสลงบนกระจกใส มองมันด้วยแววตาเป็นประกาย “ดูสิ! มันช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ! ไม่ว่าจะเป็นส่วนแขนหรือขา ล้วนวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกลไกทางกายภาพตามแต่ละประเภทของพวกมัน”
“ความสามารถในการวิวัฒนาการก็เหนือกว่าผู้ใช้พลังเสียอีก บางทีอาจเป็นพวกมันนี่แหละ ที่คือเจ้าของที่แท้จริงของโลกใบนี้”
“โอ๊ะ ขออภัย ฉันพลั้งปากไป” อย่างไรก็ตาม ซักพักเหล่าเซี่ยก็สังเกตว่าถ้อยคำของเขาไม่ค่อยเหมาะสมนัก จึงเอ่ยปากขอโทษ
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ฉู่เซวียนกับเสิ่นอี้กำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เพราะสิ่งที่เหล่าเซี่ยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ก็ใช่ว่าจะไม่จริง
หากเผ่าเซิร์กปรากฏตัวขึ้นในช่วงแรกของวันสิ้นโลก น่ากลัวว่ามนุษยชาติคงไม่สามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ และไม่ใช่แค่พวกเขา แต่รวมถึงพวกซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์เช่นกัน
2/8
Ep.80
“เผ่าเซิร์กงั้นหรือ? จุ๊ จุ๊ จุ๊ เด็กน้อยเอ๋ย โลกของพวกเจ้าคงใกล้ถึงจุดจบแล้ว”
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นในใจฉู่เซวียน มิใช่ใครอื่น เป็นเสียงของวิญญาณมังกรที่ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นเป็นเวลาหลายวัน
‘หมายความว่ายังไง?’ ฉู่เซวียนพอได้ยินก็เอ่ยถาม อดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมวิญญาณมังกรถึงพูดแบบนั้น
ฉู่เซวียนได้ยินเสียงหัวเราะเยาะในใจเขา จากนั้นเสียงก็ดังขึ้นว่า “ก็หมายความตามที่พูด โลกของเจ้าตกเป็นเป้าหมายของเผ่าเซิร์ก”
‘ตกเป็นเป้าหมาย?’ ฉู่เซวียนทวนคำ เริ่มเกิดความสับสน ‘พวกมันคือตัวบ้าอะไรกันแน่’
“ก็เป็นเหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ พวกมันคือพวกแมลงกลายพันธุ์ที่รวมกลุ่มกันเหมือนผู้ใช้พลังของมนุษย์ แขนขาที่อยู่เบื้องหน้าเจ้า ข้าเดาว่าน่าจะเป็นของแนวหน้าพวกเผ่าเซิร์ก” วิญญาณมังกรพูด
แม้เป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่กลับแฝงไปด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล
ฉู่เซวียนคิดตามแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าเป็นตามที่นายบอก หมายความว่าเผ่าเซิร์กไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้หรอกหรอ?”
“ไม่ใช่ แต่ก็เกือบแล้ว” เสียงเกียจคร้านของวิญญาณมังกรดังขึ้นในใจฉู่เซวียน
“ไม่ว่าเผ่าเซิร์กจะไปที่ไหน สิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ที่ตกเป็นเป้าหมายของพวกมันจะถูกจับกินโดยไม่เหลือแม้แต่เศษเนื้อ ฉะนั้นเราเทพเจ้าแนะนำให้เจ้าหนีไปจากโลกนี้ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
ได้ยินคำนี้ ฉู่เซวียนยิ้มเจื่อน
ให้หนี? ตอนนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ยังไม่ได้พัฒนาไปสู่อารยธรรมเดินทางข้ามอวกาศ แล้วแบบนี้พวกเขาจะหนีได้อย่างไร?
ถัดมาข้างๆ เสิ่นอี้กับเหล่าเซี่ยก็กำลังสนทนากันเช่นกัน
“เหล่าเซี่ย ตกลงเรื่องมันยังไงกันแน่” เสิ่นอี้เอ่ยถาม
“มาดูนี่สิ” เหล่าเซี่ยแกล้งทำตัวเป็นลึกลับ ก้าวเดินนำทั้งสองมาหน้าโต๊ะตัวหนึ่ง
บนโต๊ะวางเรียงรายไปด้วยหลอดทดลอง และมีผลึกโปร่งแสงที่รูปทรงต่างกันไปจำนวนมากเก็บเอาไว้ข้างใน บางอันสะท้อนแสงพร่ามัวชวนฝัน
“นี่คือ ..?” หลังจากเห็นผลึกเหล่านั้น ฉู่เซวียนเบิกตากว้าง เขาสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณอันแข็งแกร่งที่ออกมาจากผลึกเหล่านี้
ขณะเดียวกัน ด้วยพลังรบอันแข็งแกร่งของเสิ่นอี้ ทำให้เขาสังเกตเห็นบางอย่างจากพวกมันเช่นกัน เริ่มรู้สึกสนใจเล็กน้อย
“แปลกใจหรอ?” เห็นปฏิกิริยาของทั้งสอง เหล่าเซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกันเสิ่นอี้เอ่ยถามตรงๆว่า “เหล่าเซี่ย เจ้าสิ่งนี้คืออะไร?”
“มันคือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในห้องแล็บนี้” เหล่าเซี่ยเปิดปาก “ผลึกพวกนี้ ทั้งหมดถูกนำออกมาจากหัวของพวกแมลงกลายพันธุ์ ฉันตั้งชื่อมันว่า ผลึกแมลง”
เสิ่นอี้พอได้ยิน เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “เข้าใจง่ายดี เป็นชื่อที่เหมาะกับที่มาของมัน”
“แม้ผลึกแมลงเหล่านี้จะถูกนำออกมาจากภายในหัวของแมลงกลายพันธุ์แล้วก็ตาม ทว่าข้างในยังคงแฝงพลังงานไว้อีกมากมาย นอกจากนี้ เนื้อของพวกแมลงก็มีคุณสมบัติแบบเดียวกัน หากผู้ใช้พลังกินมันจะช่วยเร่งวิวัฒนาการได้ หรือถ้าคนธรรมดาได้กินมัน จะช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายแก่พวกเขา” เหล่าเซี่ยพูดต่อ
ได้ยินคำอธิบายนี้ ฉู่เซวียนอดเอ่ยแทรกขึ้นไม่ได้ “งั้นก็หมายความว่า ตราบใดที่มีพวกแมลงกลายพันธุ์มากพอ มนุษย์ทุกคนบนโลกก็มีโอกาสกลายเป็นผู้ใช้พลังได้ใช่ไหมครับ?”
เหล่าเซี่ยพยักหน้า กล่าวว่า “ในทางทฤษฏีก็ใช่ ยังไงก็ตาม สำหรับตอนนี้ ดูเหมือนว่าผู้ใช้พลังจะไม่สามารถดูดซับพลังงานจากภายในผลึกแมลงได้โดยตรง มีเฉพาะพลังงานในส่วนเนื้อแมลงเท่านั้นที่สามารถดูดซับผ่านการกินได้”
“นี่พวกเจ้ากำลังคิดว่าพวกเซิร์กเป็นเหยื่ออยู่หรือ?” เสียงของวิญญาณมังกรดังก้องในใจฉู่เซวียน ฟังจากน้ำเสียงดูค่อนข้างประหลาดใจมาก “ข้าเคยเห็นอารยธรรมมามากมาย พวกเขาต่างหวาดกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับการรุกรานของเผ่าเซิร์ก แต่เจ้ากลับยินดีที่จะสู้กับพวกมัน เรื่องแบบนี้มัน ...”
ช่วงท้ายของประโยค วิญญาณมังกรไม่รู้ว่าจะใช้คำใดดีถึงจะเหมาะความคิดของฉู่เซวียน
ฉู่เซวียนหัวเราะในใจ ‘พวกมันก็แค่แมลง ตราบใดที่กล้ามาตอแยโลกมนุษย์ ฉันจะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งเอง ว่าเจ้าของโลกใบนี้คือใคร!’