ต่างโลกกับเทพบริหาร ตอนที่ 38 กำแพงเมือง
ณ เมืองทาเลสด้านบนกำแพงเมือง
ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่บนกำแพงเมืองทางฝั่งเหนือ เพราะหลังจากที่เดือนปีศาจได้มาถึงมันก็ผ่านมาเป็นเวลา 3 วัน เข้าไปแล้ว และกำแพงทางฝั่งเหนือก็เป็นจุดที่ได้เจอกับการบุกของมอนเตอร์เยอะสุด บรรยกาศตอนนี้กำแพงเต็มไปด้วยหิมะสีขาวปกคลุมทางเดินบนกำแพง มีเพียงจุดที่ทำหลังคาเอาไว้เท่านั้นที่มีทหารยืนกันอยู่
ซึ่งตอนนี้ด้านข้างของผมก็มีทหาร 1 คน กำลังยืนอยู่ ด้านนอกกำแพงเองก็เต็มไปด้วยศพของมอนเตอร์มากมายที่มันพยามวิ่งเข้ามา
พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้รู้สึกว่าต้องเพิ่มกำลังทหารมาที่กำแพงเมืองฝั่งเหนือสะแล้วสิ! ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้
กองเลือด! ศพมอนเตอร์! และร่องรอยการใช้ระเบิดมีเห็นเห็นด้านหน้าแทบนับไม่ถ้วน แต่ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจตอนนี้สั่งผลิตปืนใหญ่ไปแล้ว และกำลังเอามันมาประจำกำแพงแต่ละเขต ซึ่งเขตที่ต้องได้ประจำการก่อนเขตแรกมันก็ต้องที่นี่แน่นอน
" พวกมอนเตอร์มันจะบุกเข้ามาช่วงไหน "
ผมเริ่มถามทหารด้านข้างด้วยความสงสัย ขณะที่กำลังกวาดสายตามองดูสถาณการณ์ที่ด้านหน้า เพราะตอนนี้ตั้งแต่ที่ผมเดินทางมามันก็ได้ 30 นาที ที่ผมยืนอยู่บนกำแพงแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นพวกมันบุกเข้ามากันเลยแม้แต่ตัวเดียว ก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมา
" ประมาณช่วงกลางคืนกับช่วงใกล้เช้าครับ เพราะส่วนมากพวกมอนเตอร์ที่บุกเข้ามามันจะเป็นมอนเตอร์กลางคืน "
ออ! แบบนี้เองพวกมันเลือกเวลาบุกกันด้วยสินะ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเราก็จะทิ้งการป้องกันตอนกลางวันไม่ได้ แต่กลางคืนเองก็น่าเป็นห่วง เพราะทหารของเราใช้ปืนเป็นอาวุธในการต่อสู้ และก็ต้องโจมตีระยะไกลพวกมันโจมตีมาตอนกลางคืนมีแต่จะเสียเปรียบด้านการมองเห็น
ถ้ากำแพงทางเหนือของเมืองพังเมืองก็มีแต่ล่มสลายเท่านั้น เพราะทางเหนือของเมืองเป็นแหล่งที่ตั้งของคลังอาหารด้วย ถ้าเกิดพวกมันเข้ามาได้ก็ต้องเล่นอาหารของพวกเราก่อนแน่
อืม..... งั้นก็คงไม่มีทางเลือก!
" เดี๋ยวข้าจะสั่งคนให้เอาแกนเวทย์ธาตุไฟมาติดเอาไว้ให้ตอนกลางคืน จะได้มองเห็นพวกมันได้ง่ายขึ้นก็แล้วกัน "
" ครับ "
พวกนี้เองเมื่อฆ่ามอนเตอร์ได้ก็มีแกนเวทย์ที่ฆ่าได้เหมือนกัน แต่ถึงจะได้แกนเวทย์มามันก็ไม่ได้เยอะมากมายอะไร มันไม่คุ้มกับที่จะเอามันมาทำแสงสว่างหรอก และถ้าคำนวณจากขนาดของกำแพงทางเหนือก็คงหมดประมาณวันละ 5 - 7 ชิ้น ใช้เยอะกว่าการเพราะปลูกสะอีก เฮ้อ~
" หอบ... ท่านไมล์ครับมีเรื่องอีกแล้วครับ ....หอบ หอ... "
ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับทหารอยู่เมคัสก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทางตกใจอะไรบางอย่าง ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ดูแล้วยังไงก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่แน่ หรือก็คือกำลังจะเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว!
" เกิดอะไรขึ้นทำไมต้องรีบขนาดนนี้? "
" องค์ชายไคเซอร์กำลังเดินทางมาครับ และเมื่อดูจากข้อความที่ข้าได้รับ ตอนนี้ต้องกำลังเดินทางมาที่เมืองแห่งนี้แล้วใกล้ถึงมากแล้ว และข้าคิดว่าพวกทหารขององค์ชายคงไม่รอดแน่ในเดือนปีศาจเช่นนี้ เพราะขนาดกำแพงเมืองของเรายังแทบกันไม่อยู่ "
องค์ชายไคเซอร์น้องชายของเวโรนิก้าสินะ แล้วเดินทางมาทำบ้าอะไรตอนเดือนปีศาจ หมอนั่นมันไม่รู้หรือไงว่าเดือนปีศาจมันน่ากลัวขนาดไหน เฮ้อ~
ที่เมคัสรีบมาบอกอย่างนี้ก็คงกำลังจะสื่อว่าช่วยส่งกำลังทหารออกไปช่วยแน่! พี่น้องตัวป่วนจริงๆ คราวที่แล้วก็เป็นพี่สาว แต่รอบนี้กลับเป็นน้องชาย ก็รู้ทั้งรู้ว่าใกล้เดือนปีศาจจะเดินทางมาเพื่ออะไรกันอีก ใช้ชีวิตสุขสบายในเมืองหลวงไปมันก็จบแล้ว ไม่เข้าใจความคิดของคนพวกนี้เลยจริงๆ
แต่มันก็คงไม่มีทางเลือก!
" ถ้างั้นเจ้าไปสั่งเรียกรวมทหารสัก 200 นาย แล้วก็เอาปืนใหญ่ที่พึ่งสร้างเสร็จออกมาด้วย เดี๋ยวข้าจะนำทหารไปช่วยองค์ชายเอง "
ผมเริ่มออกคำสั่งกับเมคัส แต่ทางเมคัสก็ยังทำสีหน้าแบบสงสัยอยู่
" ท่านจะเป็นคนไปเองเลยงั้นเหรอ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองตอนที่ท่านไม่อยู่ละ?! "
" ไม่ต้องห่วงเมืองนตอนนี้มีการป้องกันแน่หนามากพอแล้ว และช่วงนี้เป็นช่วงกลางวันมอนเตอร์ไม่คอยบุกกัน เจ้ารีบไปรวบรวมทหารเถอะ! "
" คะ... ครับ "
พูดจบเมคัสก็เดินกลับไปทันที ตามจริงที่ผมไปด้วยมันไม่ได้ไปเพราะอยากช่วยไคเซอร์อะไรนั่นหรอก แต่อย่างไปดูประสิทธิภาพของปืนใหญ่เมื่อต้องต่อสู้แบบเคลื่อนที่ต่างหาก ว่ามันจะรุนแรงขนาดไหน เพราะที่ตัวผมออกแบบเอาไว้จะเน้น แข็งแรง! ทนทาน! เพื่อสามารถยิงได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ออกแบบเอาไว้ใช้แบบเคลื่อนที่แต่จะเน้นป้องกันบนกำแพงมากกว่า
ถ้าประสิทธิภาพมันดีก็ไม่ต้องออกแบบใหม่ ส่วนถ้าไม่ดีพอก็จะได้รู้จุดบกพร่องของมัน และจะได้แก้ไขตรงจุดว่าต้องแก้อะไรบ้างถ้าได้ไปดูสนามรบด้วยตัวเอง แต่ที่แน่นอนปัญหาของมันตอนนี้ต้องเป็นการเคลื่อนย้ายแน่ ด้วยเหตุผลที่ว่า น้ำหนักเยอะ! เพราะต้องทำให้มันทนทานและแข็งแรงเหมือนกับที่บอกไป