ตอนที่ 32 มันต้องเป็นเรื่องล้อเล่นแน่ๆ (RE)
หลิว ซือซือ ริเริ่มทักทาย หลินฟาน ทําให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ มันเป็นไปได้อย่างไร?
การปรากฏตัวของ หลิว ซือซือ ก็ยังสร้างความประหลาดใจสําหรับ หลินฟาน เช่นกัน
วันนี้เขาแกล้งทําเป็นแฟนคลับเข้าไปขอลายเซ็นจาก หลิว ซือซือ และมันเป็นแค่ช่วงตอนเล็กๆ แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับ หลิว ซือซือ อีกครั้ง
หลินฟาน ยิ้มแล้วพูดว่า : “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ!”
หลิว ซือซือ กล่าวว่า : “ใช่ ฉันมาทานข้าวกับคนของแบรนด์ และไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอคุณ”
วันนี้ หลิว ซือซือ ได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมงานเปิดตัวสินค้าที่ ยี่ต๋า พลาซ่า ดังนั้นจึงมีกลุ่มแฟนคลับมารวมตัวกัน
หลิว ซือซือ รู้สึกประทับใจ หลินฟาน มาก พี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่สุดหล่อคนนี้ ได้อ้างว่าเป็นแฟนคลับของเธอ และทั้งเขายังทําให้เธอรู้สึกแปลกๆ อีกอย่างเขายังให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาอย่างอธิบายไม่ได้
จนเธอคิดมาช่วงเวลาหนึ่ง เธอก็คิดไม่ออกว่าเขา ..ดูไม่ธรรมดาตรงไหน
ภายใต้สายตาของทุกคน หลิว ซือซือ ก็ไม่สามารถพูดคุยอะไรกับ หลินฟาน ได้มาก เธอพูดทันทีขึ้นว่า : “ทางแบรนด์กําลังรอฉันอยู่ ฉันคงต้องขอตัวก่อนแล้ว ไว้คุยกันคราวหน้านะ”
ไว้คุยกันคราวหน้า!
ดูเหมือนว่า หลิว ซือซือ จะยังอยากพบกับ หลินฟาน อยู่นะ
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “โอเค บาย”
หลิว ซือซือ เดินจากไปแล้ว
หลัว เทียนหมิง อดไม่ได้ที่จะถามว่า : “หลินฟาน คุณรู้จัก หลิว ซือซือ ด้วยหรือ?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “เราเคยพบกันครั้งหนึ่งนะ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะเจอเธอคืนนี้”
ทุกคนรู้สึกว่า.. ใบหน้าของพวกเขาร้อนขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อกี้พวกเขาคิดว่า หลินฟาน เป็นคนยากจน และคงไม่มีโชคเรื่องผู้หญิง
ปรากฏว่า ดาราสาวสวยหน้าใหม่ไฟแรงที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้กลับเข้ามาทักทาย หลินฟาน หลังจากพบกับ หลินฟาน เพียงครั้งเดียว!
ถ้านี่ไม่นับว่าเป็นวาสนา แล้วอะไรล่ะ ..ถึงจะเรียกได้ว่า วาสนา?
เมื่อเทียบกับ หลิว ซือซือ.. คัง หมิ่นเอ่อร์ นั้นนับเป็นอะไรได้..
คัง หมิ่นเอ่อร์ รู้สึกขุ่นเคือง และก็รู้สึกโกรธขึ้นมา เธอพูดอย่างเย็นชาไปว่า : “หลินฟาน ไม่ใช่ว่าฉันจะพูดว่าอะไรคุณ เธอทักทายคุณ เหตุผลเดียวก็คือ คุณหล่อ แต่ถึงหล่อก็กินไม่ได้ หนำซ้ำตอนนี้คุณยังเป็นคนส่งอาหารเดลิเวอรี่อยู่! แล้วคุณคิดหรือว่าคนอื่นที่เป็นดาราใหญ่จะมาชอบคุณในฐานะเด็กส่งอาหารได้นะ?”
คําพูดเหล่านี้ ..รุนแรงเกินไปจริงๆ
แต่เพื่อนร่วมชั้นที่ฟังแล้วก็กลับรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อกี้พอพวกเขารู้ว่า หลินฟาน รู้จักกับดาราหญิง พวกเขาต่างพากันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา..
แต่เมื่อนึกถึงความยากจนของ หลินฟาน ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกมีความสมดุลขึ้นในใจแล้ว
เฉียนเฟิง กล่าวว่า : “หมิ่นหมิ่น พูดไม่ค่อยถูกนัก แต่ก็สมเหตุสมผล หลินฟาน คุณคงไม่คิดจะส่งอาหารเดลิเวอรี่ตลอดไปหรอกมั้ง ใช่ไหม? คุณเองเป็นนักศึกษามหาลัย เป็นต้นหญ้างานของเรา พูดตามตรงนะ ฉันรู้สึกพูดออกไปจริงๆ และฉันรู้สึกอับอายนิดหน่อยนะ”
เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้า
“ใช่ นักศึกษามหาลัย ทําไม่ถึงวิ่งไปส่งอาหารเดลิเวอรี่ได้!”
“หลังจากนี้ฉันคงไม่กล้าพูดถึงคุณกับใครอีกแล้ว บอกตามตรงฉันอายมาก”
หลัว เทียนหมิง ยกยิ้มขึ้นมาแล้วพูดอย่างใจดีว่า : “หลินฟาน ถ้าคุณหางานทำไม่ได้จริงๆ บริษัทเรายังมีตําแหน่งงานช่างซ่อมบำรุงที่ยังเปิดรับอยู่ สู้คุณมาทำที่นี่เถอะ ดีกว่าออกไปวิ่งส่งอาหาร”
หลินฟาน มองไปที่ใบหน้าของเพื่อนร่วมชั้นเหล่านี้ด้วยสีหน้าสงบ พวกเขาถูก หลิว ซือซือ กระตุ้นเล็กน้อย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาออกมาทั้งหมด และเทคําพูดที่อยู่ส่วนลึกในใจของพวกเขาออกมา และแทบรอไม่ไหวที่จะเหยียบย่ำเขา ..ให้ตาย
หลินฟาน รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับพวกเขา มิตรภาพของเขา กับเพื่อนร่วมชั้นของเหล่านี้คงจะต้องสิ้นสุดลงที่นี่แล้ว
“หลินฟาน!”
ในเวลานี้ หลิว ซือซือ ที่เพิ่งจากไป คาดไม่ถึงว่าจะกลับมาอีกครั้ง!
หลิว ซือซือ มอง หลินฟาน ด้วยสีหน้าคาดหวังมาก : “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ คุณน่าจะเป็นพี่ชายส่งอาหารที่ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยไปทั้งถนนไปในตอนนั้น ใช่ไหม?”
หลินฟาน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลิว ซือซือ จำเขาได้อย่างไร?
หลิว ซือซือ อธิบายว่า : “คืออย่างนี้ ลุงของฉันทํางานที่สํานักงานใหญ่ของ เหม่ยถ๋วน เขาบอกฉันว่า พี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่ที่ดังมากในช่วงนี้ ชื่อ หลินฟาน ฉันเห็นคุณแล้วก็รู้สึกว่าคุณแตกต่างออกไปทันที จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้เลยอดไม่ได้ที่จะมาถาม…”
หลินฟาน คิดกับตัวเองขึ้นมาในใจว่า คนจากสํานักงานใหญ่ของ เหม่ยถ๋วน ก็รู้จักเขาด้วยหรือ?
หลินฟาน ยิ้มแล้วพูดว่า : “ใช่ ผมเอง”
หลิว ซือซือ ประหลาดใจมาก : “โอ้.. พระเจ้า นั่นเป็นคุณจริงๆ คุณรู้ไหม ฉันดูวิดีโอของคุณมาหลายครั้งแล้ว คุณได้ตบหน้าผู้หญิงหน้าเงิน และนั่นมันเจ๋งมากๆ เลย”
เพื่อนร่วมชั้นเวลานี้ ..งงไปหมดแล้ว
อะไรนะ?
พี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเร็วๆ นี้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็น หลินฟาน?
และนั่นคือมหาเศรษฐีเลยนะ ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยทั้งถนน กล่าวคือ.. คนคนนี้โคตรรวย แต่มันช่างไร้มนุษยธรรม!
หลัว เทียนหมิง และเฉียนเฟิง มีสีหน้าซีดเล็กน้อย ไม่ ไม่หรอกมั้งมันจะเป็น หลินฟาน ไปได้อย่างไร!
สีหน้าของ คัง หมิ่นเอ่อร์ เอง เวลานี้ …ก็ยอดเยี่ยมมาก
หลิว ซือซือ พูดอีกว่า : “ใช่แล้ว ลุงของฉันยังบอกว่า คุณขับรถหรู ราคา 70 ล้าน นั่นจริงไหม?”
ดูเหมือนว่าตัวเขาจะดึงดูดความสนใจของสํานักงานใหญ่ของ เหม่ยถ๋วน แล้ว หลินฟาน กล่าวว่า : “เป็นความจริง”
หลิว ซือซือ ถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ในใจ แค่คนรวยรุ่นสองออกมาทำงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ มันก็น่าสนใจมากแล้ว และมาตอนนี้เธอยิ่งอยากรู้จักเขามากขึ้น…
ถ้าเธอไม่คิดถึงโอกาสนี้ เธอเองแทบรอไม่ไหวที่จะนั่งคุยกับ หลินฟาน..
หลิว ซือซือ พูดว่า : “ฉันหาเวลาออกมา คงพูดคุยกันนานๆ ไม่ได้ เอาเป็นว่าเรามาเพิ่ม WeChat แล้วพอมีเวลาค่อยมาคุยกันดีไหม?”
“ได้สิ” หลินฟาน พูดอย่างตรงไปตรงมา และแลกเปลี่ยน WeChat กับหลิว ซือซือ
และหลิว ซือซือ ก็จากไปด้วยความพึงพอใจอย่างมาก
เห็นแต่เพื่อนร่วมชั้นที่ต่างตกตะลึงไปแล้วในเวลานี้ ดวงตาของพวกเขาฉายแววความประหลาดใจ และความสงสัย ..ออกมา
พร่อง มัน!
หลินฟาน เป็นพี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่ เป็นคนรวยคนนั้นจริงๆ นะเหรอ?
ขับรถหรู ราคา 70 ล้าน?
“หลินฟาน รีบบอกพวกเราหน่อย คุณต้องล้อเล่นกับ หลิว ซือซือ อยู่แน่ๆ ใช่ไหม!” เฉียนเฟิง กล่าว อารมณ์ของเขาแปรปรวนมาก และน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์เช่นกัน
บอกตามตรงเขารับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
หลัว เทียนหมิง รู้สึกมีอารมณ์ยิ่งกว่าเขามาก : “หลินฟาน ฉันรู้ว่าครอบครัวคุณมาจากชนบท คุณจะไปเป็นคนรวยรุ่นสองได้อย่างไร เลิกล้อเล่นได้แล้ว บอกตามตรงเรื่องตลกแบบนี้มันไม่ตลกเลยสักนิด”
หลินฟาน ก็ไม่พูดแก้ตัวอะไร เขาพูดอย่างไม่แยแสไปว่า : “หากพวกคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น โอเค.. งั้นเรื่องนี้ก็แค่เรื่องล้อเล่น”
เมื่อได้ยินแล้วทุกคนก็รู้สึกโล่งใจ ใช่.. มันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
หลัว เทียนหมิง ยิ้มแล้วพูดด่าไปว่า : “หลินฟาน ต่อไปก็อย่าได้คิดมาพูดจาล้อเล่นแบบนี้อีก!”
คัง หมิ่นเอ่อร์ พูดอย่างดูถูกว่า : “เพื่อที่จะให้ดาราสาวมาสนใจ นี่ถึงกลับแกล้งทําเป็นคนรวยจริงๆ หลินฟาน วิธีการของคุณนี้เชยมาก กินไม่หมดแล้วแอบห่อกลับบ้าน ระวังให้ดีเถอะ!” (1)
เฉียนเฟิง รู้สึกอารมณ์ดีมาก เขาโล่งใจจริงๆ ที่ หลินฟาน ยังเป็นคนจน
“ทุกคนอย่ามัวแต่หัวเราะเลย เราพูดคุยกันมานานขนาดนี้ ท้องก็คงหิวกันแล้ว มาๆ ได้เวลาสั่งอาหารแล้ว” เฉียนเฟิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพูดถึงเวลาสั่งอาหาร หลัว เทียนหมิง ก็พุ่งพล่านขึ้นมาทันที เพราะมันสามารถทำให้เขาแสร้งทําเป็นบังคับได้อีกครั้ง : “อาหารให้ฉันสั่งให้ดีกว่า ฉันรับรองทุกคนได้เลยว่า ราคาไม่แพง!”
เฉียนเฟิง ทําหน้านิ่งๆ แล้วกล่าวว่า : “ราคาไม่แพง? ไม่มีอะไรมากไปกว่าการสั่งอาหารราคาถูก แน่นอนว่าทุกคนใช้เงินน้อยลง แต่กลับไม่ได้ลิ้มรสอาหารจานเด่นของที่นี่ อาหารสามจานที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่ และเป็นอาหารสามจานที่แพงที่สุด ถ้าไม่ได้ชิมมันก็เท่ากับว่าเรามาเสียเปล่าน่ะสิ”
หลัว เทียนหมิง รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาหัวเราะ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ฉันเองก็คิดถึงกระเป๋าเงินของทุกคนเหมือนกัน”
เฉียนเฟิง กล่าวว่า : “จะเป็นอย่างไรถ้าฉันบอกว่าพวกคุณสามารถกินอาหารสามจานนี้ได้ และประหยัดเงินไปได้พร้อมๆ กันล่ะ?”
คัง หมิ่นเอ่อร์ พูดอย่างมีความสุขว่า : “เฉียนเฟิง คุณมีความคิดดีๆ อยู่ใช่มั้ย?”
เฉียนเฟิง พูดอย่างภาคภูมิใจไปว่า : “เจ้านายของฉัน เป็นเพื่อนที่ดี กับคุณหลี่ ผู้จัดการทั่วไปของ โรงแรมจินตู ฉันมักจะมาทานข้าวที่นี่กับเจ้านายอยู่บ่อยๆ และคุ้นเคยกับ คุณหลี่ และไม่จำต้องให้เจ้านายของฉันออกหน้า เพราะฉันออกหน้าเองได้ เมื่อนั้น จินตู ก็จะให้ส่วนลดแก่ฉัน ..ครึ่งหนึ่ง”
ลดครึ่งหนึ่ง!
นั่นก็คือ พวกเราสามารถกินอาหารสามจานที่ดีที่สุดของ จินตู โดยจ่ายราคาเพียงครึ่งเดียว ซึ่งราคาไม่แพงจริงๆ!
ทุกคนต่างประหลาดใจมาก
“พี่เฟิง คุณสุดยอดมาก”
“ฉันบอกแล้วว่า พี่เฟิง เป็นคนกว้างขวาง เห็นไหม แต่ก็คาดไม่ถึงเลยว่า แม้แต่ผู้จัดการทั่วไปของ จินตู ก็เป็นเพื่อนของ พี่เฟิง!”
“วันนี้ เราคงต้องขอบคุณ พี่เฟิง แล้ว ในที่สุดก็ได้กินอาหารสามจานที่ดีที่สุดใน จินตู แล้ว”
ทุกคนพากันยกย่อง เฉียนเฟิง
เฉียนเฟิง รู้สึกภาคภูมิใจมาก โดยถือโอกาสนี้มองไปที่ หลัว เทียนหมิง
หลัว เทียนหมิง รู้สึกอึดอัดมาก โดยเขาแสร้งทำเป็นพ่ายแพ้ให้แก่ เฉียนเฟิง โดยหัวเราะก่อนจะพูดไปว่า : “อ่า.. ใช่ นั่นมันดีจริงๆ”
คัง หมิ่นเอ่อร์ ยิ้มแล้วพูดว่า : “พี่เฟิง พี่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทําไมฉันถึงไม่พบว่า พี่มีเสน่ห์มากถึงขนาดนี้นะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็…”
คัง หมิ่นเอ่อร์ ขณะพูดไปพลางเธอก็ขยิบตาให้กับ เฉียนเฟิง ไปด้วย
เฉียนเฟิง เวลานี้แทบจะตัวลอยทันที : “ตอนเรียนมหาวิทยาลัยฉันเงียบไปหน่อยจริงๆ แต่ก็เพียงเพราะไม่อยากอวดความสามารถตัวเองเกินไป ไม่เหมือนต้นหญ้างามของเราอย่าง หลินฟาน ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งมหาลัย…”
คัง หมิ่นเอ่อร์ ยิ้มหัวเราะ แล้วพูดว่า : “ต้นหญ้าอะไรกัน และอีกอย่างต้นหญ้าที่ไหนจะมาส่งอาหารเดลิเวอรี่? ฉันคิดว่า พี่เฟิง คู่ควรกับการเรียกว่าต้นหญ้างามของเรามากกว่านะ”
หลินฟาน มอง คัง หมิ่นเอ่อร์ และส่ายศีรษะ : “คัง หมิ่นเอ่อร์ ผมจําได้ว่าคุณเคยเป็นสาวสวยในคณะเรา แต่ตอนนี้คุณกลายเป็นเลียสุนัขไป ..ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว?”
(1)[กินไม่หมดแล้วแอบห่อกลับบ้าน (吃不了兜着走)] - เป็นคำอุปมาสำหรับการไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวม ก่อให้เกิดปัญหา หรือผลเสีย และคุณต้องยอมรับผลนั้นด้วยตัวเอง
หากก่อเรื่องไม่ดี หรือทำให้เกิดเรื่องไม่ดีเอาไว้ จำต้องแบกรับ และรับผลที่ตามมาด้วยตนเอง