ตอนที่ 30 พี่ชายส่งอาหาร ปลุกสำนักงานใหญ่ (RE)
เสียงนี้ระงับเสียงกรีดร้องของแฟนคลับทุกคน..
ผู้คนทั้งหมดเงียบลง และทุกคนได้พากันหันมามอง หลินฟาน รวมถึง หลิว ซือซือ ..
ช่วงเวลาที่เห็น หลินฟาน ดวงตาของ หลิว ซือซือ ก็สว่างไสว โอ้.. พระเจ้า ช่างเป็นพี่ชายส่งอาหารที่หล่อมาก!
เธอชอบหนุ่มหล่อ และก็รู้จักกับดาราชายเนื้อสดๆ หลายคน แต่ก็ไม่มีใครที่หล่อได้เท่ากับพี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่ ..คนนี้แล้ว และหลินฟาน ก็หล่อในแบบผู้ชาย ซึ่งมันตรงกันข้ามกับเนื้อสดน้อยอย่างสิ้นเชิง (หนุ่มหน้าหวาน)
“ผมเป็นแฟนตัวยงของคุณ ผมขอลายเซ็นของคุณได้ไหม?”
หลินฟาน ยิ้ม และเดินตรงเข้าไปหา หลิว ซือซือ
แฟนคลับเหล่านั้นอาจตกตะลึงไปโดยเสียงคํารามของ หลินฟาน และพากันหลีกทางให้..
อย่างไรก็ตาม.. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนกลับยื่นมือออกมา พยายามห้าม หลินฟาน
“ไม่เป็นไร ให้เขาเข้ามาเถอะ” หลิว ซือซือ หน้าแดงมาก พี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่คนนี้หล่อมากจริงๆ จนเธอแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว..
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตัวตนของ หลินฟาน คือ พี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่ ถ้าเธอไม่เกรงใจ พี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่คนนี้ และโพสต์ภาพลงบนอินเทอร์เน็ต เธอเองก็อาจจะถูกชาวเน็ตเข้ามาเล่นงาน และด่าว่ายกใหญ่อย่าง ..แน่นอน
ไม่มีทาง.. กระแสออนไลน์ในโลกปัจจุบัน การลักพาตัวทางศีลธรรมนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก แม้ว่าในความเป็นจริงหลายคนจะดูถูกพี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่ แต่บนอินเทอร์เน็ต การดูแลพี่ชายส่งอาหารเดลิเวอรี่นั้นเป็นความถูกต้องทางการเมือง (政治正确)
หลินฟาน ยื่นส่งปากกา และรูปถ่ายไปให้ : “ขอบคุณ”
หลิว ซือซือ รับไป และลงลายเซ็นตัวเองลงไปมันพลิ้วไหวงดงามดั่งหงส์ร่อนมังกรรำ และเธอถามด้วยเสียงเบาๆ ว่า : “คุณชื่ออะไร?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “หลินฟาน”
หลิว ซือซือ ส่งคืนรูปให้ หลินฟาน แล้วยิ้มหวาน : “ขอบคุณมากที่คุณชื่นชอบฉัน หลินฟาน”
ต่อหน้าแฟนคลับมากมาย มันยากมากสำหรับเธอที่จะพูดคุยอะไรกับ หลินฟาน ได้มาก เธอจึงก้มหน้า และเดินไปที่ประตู แฟนคลับก็เข้ามารายล้อมรอบเธอทันที
หลินฟาน ถือรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นกลับไปหาชายอ้วน และแสดงให้เขาเห็นถึงลายเซ็น แล้วพูดว่า : “ผมได้มาแล้ว”
ใบหน้าของ ชายอ้วน ดูตื่นเต้นมากจนหน้าแดงก่ำไปหมด แล้วเขารีบพูดว่า : “เอามาให้ฉันเร็วๆ”
แควก!
หลินฟาน ไม่ได้ส่งให้เขา แต่ฉีกรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของเขาต่อหน้าเขา!
“อ๊ะ!”
ชายอ้วน กรีดร้องด้วยเสียงแหลมออกมาราวกับเห็นแม่ตายทันที
หลินฟาน ทิ้งรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นที่ฉีกออกเป็นชิ้นๆ ลงไปในถังขยะข้างๆ และหันหลังจากไป
เขาเข้าไปขอลายเซ็น ก็ด้วยเพื่อเหตุนี้ ลูกค้าอย่าง ชายอ้วน.. ที่มีพฤติกรรมแบบนี้ต้องจัดการให้เข็ดหลาบซะบ้าง!
ชายอ้วน โกรธมากจนร้องไห้ตะโกนเสียงดังแปดหลอดสิบหลอดออกมา : “ไอ้สารเลว แกมันแค่คนส่งอาหาร แกเตรียมรอบทวิจารณ์ที่แย่ๆ จากฉันได้เลย ฉันจะร้องเรียน และบ่นแกให้ยับ!”
หลินฟาน ขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเขา แล้วยักไหล่ : “รีวิวแย่ๆ? บ่น ร้องเรียน? ใครสน?”
และเขา ..จากไปทันที
……
สถานีซื้อกลับบ้าน..
ในสองวันนี้มานี้ ผู้ดูแลสถานียังคงปวดหัวอยู่ เขาจะหาคำไปอธิบายกับสํานักงานใหญ่ได้อย่างไรว่า หลินฟาน ไม่ได้ถูกไล่ออก และโทรศัพท์จากสํานักงานใหญ่ก็ได้โทรเข้ามาอีกครั้งแล้ว
“ทําไมพวกคุณถึงยังไม่ไล่ หลินฟาน ออกไป เมื่อกี้เขาถูกร้องเรียนอีกครั้งแล้ว ลูกค้าบอกว่าเขาฉีกรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของเขา และทําให้ลูกค้าของเราร้องไห้!”
ผู้ดูแลสถานีได้มีเหงื่อเย็นๆ ไหลตกลงมา นี่มันเรื่องอะไรกัน ลูกค้าร้องไห้ก็โอเค.. มันเข้าใจได้! แต่ หลินฟาน ที่ทําเรื่องแบบนี้มันดูแปลกไปหน่อยจริงๆ
ผู้ดูแลสถานีเงยหน้าขึ้นเห็นเถ้าแก่เนี้ยที่ส่งแววตาเฉียดคมยิงมาจากฝั่งตรงข้าม
เขา.. ตัวสั่นขึ้นทันที!
ต้องรักษา หลินฟาน ไว้ ไม่อย่างงั้นผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก
“อะแฮ่ม!”
ผู้ดูแลสถานีกระแอมไอ และเริ่มโยนหม้อ
“คืออย่างนี้ หลินฟาน เป็นคนรวยรุ่นสองที่ร่ำรวยเอามากๆ เขาขับรถซุปเปอร์คาร์ระดับท็อปที่มีมูลค่าถึง 70 ล้าน เราไม่รู้ว่าภูมิหลังของเขาเป็นยังไง เราจึงไม่กล้าจะไล่เขาออก…”
“อะไรนะ?” ผู้คนจากฝั่งสํานักงานใหญ่ก็งุนงงสับสนไปเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายต่างตกอยู่ในความเงียบที่น่าอึดอัด..
ในที่สุดคนของฝั่งสํานักงานใหญ่ก็ตัดสินใจว่า : “เดี๋ยว คุณรอก่อนอย่างเพิ่งตัดสินใจ เก็บ หลินฟาน ไว้ก่อน ทางผมจะรีบรายงานเรื่องนี้ให้ระดับสูงทราบ”
ผู้ดูแลสถานีถอนหายใจด้วยความโล่งอก : “โอเค”
ที่.. สำนักงานใหญ่ของ เหม่ยถ๋วน (บริษัทส่งอาหาร)
ในตอนเย็นของวันเดียวกัน เกี่ยวกับสถานการณ์ของ หลินฟาน สํานักงานใหญ่ได้ดำเนินการจัดการประชุมขึ้น และซีอีโอของ เหม่ยถ๋วน ฮวงชิง และหวางเผิง ร่วมถึงบุคคลผู้รับผิดชอบกลุ่มซื้อกลับบ้านของ เหม่ยถ๋วน ต่างได้เข้าร่วมด้วยตนเอง
“ได้ยินมาว่ามีพนักงานส่งอาหารคนหนึ่งของเราเป็นคนรวยรุ่นสองที่ร่ำรวยมาก มัน.. เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” ฮวงชิง ถาม
หวางเผิง กล่าวว่า : “เป็นเรื่องจริง เขาเป็นพนักงานของสถานีแห่งหนึ่งในเมืองหยุนเฉิง ผู้ดูแลสถานีรายงานมาว่าเขาขับรถซุปเปอร์คาร์มูลค่า 70 ล้าน”
ซุปเปอร์คาร์ 70 ล้าน!
ทุกคนตกใจมาก
แม้แต่ ฮวงชิง ก็ประทับใจเข้าให้แล้ว นี่ก็รวยเกินไปหน่อยแล้ว แม้แต่เขาเองถึงมีก็ไม่เต็มใจที่จะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อรถที่มีราคาแพงถึงขนาดนี้ได้!
หวางเผิง กล่าวว่า : “อีกเรื่อง.. เป็นที่เข้าใจกันว่า หลินฟาน คนนี้ยังมีวีรกรรมอันยิ่งใหญ่อยู่อีกหนึ่ง เขาได้ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยไปทั้งถนน ในเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมากบนอินเทอร์เน็ต และคนส่งอาหารทั้งเมืองหยุนเฉิงต่างรู้จักเขา”
“ช่วงนี้วิดีโอนั้นโด่งดังมากบนอินเทอร์เน็ต และนี่ก็คือเขา?”
“ฉันคิดว่ามันเป็นแค่การจัดฉากเสียอีก คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!”
“สุดยอดเกินไปหน่อยแล้วมั้ง!”
ฮวงชิง กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า : “คนรวยรุ่นสองมาเป็นคนส่งอาหาร.. นี่ช่าง ..เป็นลูกเล่นที่ดี และคุ้มค่าแก่เราที่จะใช้มันประชาสัมพันธ์”
หวางเผิง กล่าวว่า : “แน่นอนว่ามันน่าสนใจมากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ หลินฟาน คนนี้มีชื่อเสียงไม่ดี เขามักจะถูกลูกค้าบ่น สองวันมานี้ก็มีการร้องเรียนเข้ามาด้วยกันสองรายการ เรากําลังพิจารณาที่จะไล่เขาออก คุณฮวง คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”
ฮวงชิง คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า : “คนรวยรุ่นสอง อารมณ์ร้อนนิดหน่อยนั้นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ก่อนที่จะเข้าใจภูมิหลังของเขา อย่าทําอะไรบุ่มบ่าม เอาอย่างนี้เถอะ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวใดๆ เก็บเขาไว้ก่อน แล้วสังเกตดูสักพัก บางทีเขาอาจมีบางสิ่งที่จำเป็นสำหรับเรา…”
หวางเผิง พยักหน้าอย่างรวดเร็ว : “โอเคครับ”
ในใจของเขาแอบรู้สึกโชคดี โชคดีที่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับ ประธานฮวง ถ้าผลีผลามไล่ หลินฟาน ออกไปจริงๆ ประธานฮวง ก็อาจตำหนิเขาได้…
หลินฟานจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนระดับสูงสุดของกลุ่ม เหม่ยถ๋วน เข้าให้แล้ว
พอฟ้ามืดลง หลินฟาน หยุดส่งอาหารเดลิเวอรี่ และรีบไปเข้าร่วมงานปาร์ตี้ของเพื่อนร่วมชั้น
เนื่องจากคําสั่งซื้อมีปัญหาเล็กน้อย และเขาค่อนข้างถูกกดดันในเรื่องเวลา หลินฟาน เองก็ขี้เกียจที่จะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เลยสวมเครื่องแบบพนักงานส่งเดลิเวอรี่ และขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปร่วมงานปาร์ตี้ของเพื่อนร่วมชั้น
19.00 น.
โรงแรมจินตู แกรนด์
กลุ่มชายหนุ่ม และหญิงสาวได้มารวมตัวกันที่ประตู และต่างเล่าถึงเรื่องราวชีวิต ซึ่งกัน และกัน ..
“ในบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของเรา ฉันคงมีแนวโน้มน้อยที่สุดแล้ว คือไม่มีอะไรเลย คือพูดมากไปเท่านั้น ตอนนี้ฉันทำได้เพียงเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย มันช่างน่าละอายใจจริงๆ”
“คุณทํางานขายคงได้เงินเดือนสูงมากแน่ๆ น่าอิจฉาจริงๆ เงินเดือนประจําปีของฉันเพียงมากกว่า 200,000 หยวนเท่านั้น และอย่างฉันนี่แหละถึงสมควรเรียกว่าคนจน”
“พวกคุณจนที่ไหนล่ะ ฉันต่างหากที่จน ช่วงนี้ฉันคิดจะเปลี่ยนรถอยู่ ตั้งงบไว้แค่ประมาณ 500,000 หยวนเอง และก็ไม่รู้ว่าจะเลือก BMW หรือ Audi ดีกว่าอยู่เลย”
หัวหน้าห้อง หลัว เทียนหมิง ถอนหายใจ แล้วพูดว่า : “พวกคุณหยุดพูดเถอะ พวกคุณต้องการให้ฉันทนทุกข์ทรมานใจจนตายหรือยังไง ตอนนี้ฉันทํางานอย่างหนักในบริษัทนี้มาสองปีแล้ว และมันไม่ง่ายเลยที่จะได้ขึ้นมาเป็นรองประธาน งานเยอะ แต่กลับไม่มีหวังจะไต่เต้าขึ้นไปอีก พูดถึงมันแล้ว ฉันยิ่งรู้สึกเศร้าใจไม่หาย!”
“หัวหน้าห้อง คุณได้เป็นถึงรองประธานแล้ว ยังมีอะไรที่ไม่น่าพอใจอีก หากอย่างที่คุณพูด เปรียบเทียบกับเรา เราไม่ต้องทำงานไปจนตายหรือยังไง?”
“ใช่แล้ว หัวหน้าห้อง คุณอิ่มจนไม่รู้ถึงความยากลำบากของคนที่หิวว่าหิวแค่ไหนแล้ว!” (1)
“หัวหน้าห้องก็คือหัวหน้า ส่วนพวกเราก็คงเป็นแค่ผู้ตามอย่างที่แท้จริง!”
ทุกคนต่าง ‘บ่น’ ออกมาทีละคนๆ
หลัว เทียนหมิง เองชอบที่จะฟังคำพูดเหล่านี้มาก..
ในเวลานี้ มีรถจี๊ปคันหนึ่งขับเข้ามา และได้เห็น เฉียนเฟิง เดินลงมาจากรถ…
สายตาของทุกคนดูเปล่งประกายทันที รถจี๊ป แรงเลอร์ (Jeep Wrangler) รถนําเข้า ขายกันอยู่ที่ประมาณ 500,000 หยวน!
เฉียนเฟิง คนนี้ ทำได้ดี..
เมื่อเห็น เฉียนเฟิง ที่ไว้ผมทรงโมฮอกเดินเข้ามา หลัว เทียนหมิง ก็หรี่ตาลง และเขาตระหนักว่าคู่ต่อสู้ที่ช่างเสแสร้งของเขา ..ได้มาถึงแล้ว
เฉียนเฟิง ยิ้ม และกล่าวขึ้นว่า : “ขอโทษนะ บริษัทฉันงานยุ่งนิดหน่อย เลยทำให้ล่าช้าจนทำให้ทุกคนต้องรอแล้ว”
เพื่อนร่วมชั้นต่างพูดว่า : “ไม่เป็นไร”
“ได้ยินมาว่า พี่เฟิง ประสบความสำเร็จมากใน จิงตง ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมีงานยุ่งมาก”
“คนที่มีแนวโน้มที่ดีที่สุดก็คือ หัวหน้าห้อง กับพี่เฟิง แค่สองคนนี้แล้วมั้ง?”
เพื่อนร่วมชั้นได้พูดชมเชยพวกเขา
หลัว เทียนหมิง และเฉียนเฟิง ต่างก็มีความสุขมาก
หลัว เทียนหมิง พูดอย่างถ่อมตัวว่า : “ที่ไหนเล่า หลินฟาน ยังไม่มาไม่ใช่หรือไง เขาเป็นต้นหญ้างามของเรา อย่างที่ฉันบอกไป คนที่ทําได้ดีที่สุดต้องเป็นเขา ใช่ไหมล่ะ ในพวกคุณมีใครรู้บ้างไหมว่า หลินฟาน กําลังทํางานอะไรอยู่?”
เพื่อนร่วมชั้นทุกคนพากันส่ายศีรษะ พวกเขาไม่ได้ติดต่อกับ หลินฟาน มาเป็นเวลานานแล้ว และยิ่งไม่รู้ว่าเขากำลังทำงานอะไรอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หัวหน้าห้องถาม ทุกคนก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
ในเวลานี้ พวกเขาได้ยิน เฉียนเฟิง ที่พูดด้วยรอยยิ้มขึ้นว่า : “ฉันรู้.. เมื่อวานฉันพบเขามาแล้ว เขากําลังทำงานส่งอาหารเดลิเวอรี่อยู่นะ”
ห๊า?
ทุกคนตกตะลึง ..ไปแล้ว
(1)[คนที่กินอิ่มไม่รู้ถึงความลำบากของคนที่หิว (饱汉不知饿汉饥)] - คนที่อยู่ในสถานการณ์ที่ดีไม่เข้าใจความยากลำบากของผู้อื่น