ตอนที่ 26 คุกเข่า และฟังเพลง (RE)
มหาวิทยาลัยดนตรีหยุนเฉิง สำนักงานอธิการบดี..
หลิว เหมิงเจี๋ย นั่งอยู่ที่โต๊ะทํางานของเธอ มือข้างหนึ่งจับเมาส์ อีกมือหนึ่งเอามือเท้าคางตัวเองไว้ ทั้งนี้ดวงตาของเธอกลับไม่ได้จ้องมองไปที่หน้าจอคอม แต่กลับเหม่อลอย.. ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
และใช่.. ในสมองของเธอเวลานี้กำลังคิดถึงใครบางคนอยู่
หลินฟาน…
ฉากที่ หลินฟาน ได้เล่นเปียโนที่บ้านของเธอ ..เมื่อวานนี้มันยังคงเข้ามาหลอกหลอนในใจเธออย่างชัดเจน และไม่สามารถลบมันออกไปได้เลย
เธอไม่สามารถลืมบทเพลงที่ด้นสดของ หลินฟาน ..ไปได้เลย ซึ่งนั่นเป็นเพลงที่เพราะที่สุดที่เธอเคยได้ยินมา อีกทั้งมันยังเป็นการเล่นเปียโนที่สมบูรณ์แบบที่สุด.. เธอเคยได้ไปดู เคยได้ยินการเล่นเปียโนจากนักเปียโนระดับโลกมาก็หลายคน แต่ก็ไม่มีใครสามารถเทียบกับ หลินฟาน ได้เลย
เธอเชื่อว่าระดับเปียโนของ หลินฟาน ได้มาถึงในระดับเดียวกับ เบโธเฟน แล้ว! (*ลุดวิก แวน บีโธเฟน (Ludwig Van Beethoven))
บีโธเฟน บุรุษผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อันอัจฉริยะในเชิงดนตรีที่หายากในรอบหลายร้อยปี
ตอนนี้.. เธอได้ค้นพบคนที่สามารถเทียบได้กับ เบโธเฟน แล้ว และใครๆ คงสามารถจินตนาการถึงอารมณ์ของเธอในเวลานี้ได้ว่าเธอ ..รู้สึกอย่างไร
เธออยากเชิญ หลินฟาน ให้มาสอนที่มหาวิทยาลัยดนตรีของเธอมาก ..มากเกินไปจริงๆ และด้วยวิธีนี้เธอก็จะได้พบกับเขาทุกวัน และพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องดนตรี..
พอคิดไปคิดมา หลิว เหมิงเจี๋ย ก็ราวกับดูเพ้อฝันไปเล็กน้อย
ในจังหวะนี้เองก็ได้มีชายวัยกลางคนเคาะประตู เข้ามา
เป็นเพื่อนของเธอในวงการเพลง ผู้อำนวยการเพลงของ เฝิงเหนี่ยวมิวสิค สวี่เฉิง!
“เลาสวี่ คุณเป็นคนมีงานยุ่งมากนิ ทำไมวันนี้ถึงได้มาเยี่ยมฉันได้?” หลิว เหมิงเจี๋ย ยืนขึ้น และถามอย่างสงสัยเล็กน้อย
สวี่เฉิง กล่าวว่า : “ก็เรื่องที่ฉันบอกกับคุณเมื่อคืนไง อัจฉริยะคนนั้นปฏิเสธฉัน บอกตามตรงฉันนอนไม่หลับทั้งคืนเลย วันนี้ฉันมาที่นี่ก็เพื่อขอให้คุณช่วยออกความคิดให้หน่อยนะ”
หลิว เหมิงเจี๋ย ถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า : “ฉันจะช่วยคุณออกความคิดอะไรได้ ปัญหาของฉันเองก็ยังหาทางออกไม่ได้เลย..”
สวี่เฉิง ยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณแค่ขาดครูสอนเปียโนไม่ใช่เหรอไง? ตราบใดที่คุณช่วยฉันหาวิธี ฉันเองก็จะช่วยคุณ และอีกอย่างนักเปียโนที่ฉันรู้จักนั้นมีอยู่ตั้งหลายคน พวกเขาเองนั้นก็ย่อมที่จะต้องไว้หน้าฉันอย่างแน่นอน”
หลิว เหมิงเจี๋ย ส่ายศีรษะ : “ฉันไม่ต้องการใครอื่น ฉันแค่ต้องการเขา…”
สวี่เฉิง กล่าวว่า : “นั่นคืออัจฉริยะเปียโนที่คุณพูดถึงงั้นเหรอ?”
หลิว เหมิงเจี๋ย กล่าวว่า : “ใช่ นอกจากเขาแล้ว ฉันไม่ต้องการตัวเลือกที่สองอีกแล้ว แม้ว่าการขอให้เขามาเป็นครูสอนเปียโนที่นี่มันจะเกินกำลังเกินไปก็ตาม แต่ฉันก็ไม่สามารถควบคุมความคิดนี้ได้.. เลย”
สวี่เฉิง สังเกตสีหน้าของ หลิว เหมิงเจี๋ย และพูดอย่างประหลาดใจว่า : “โอ้.. พระเจ้า เลาหลิว นี่ไม่ใช่ว่าคุณตกหลุมรักเขาเหรอ? ในที่สุดคุณก็ได้พบกับคนที่สามารถทําให้หัวใจของคุณเต้นแรงขึ้นมาได้แล้ว ใช่ไหม?”
หลิว เหมิงเจี๋ย อายุยี่สิบห้าปีแล้ว ผู้หญิงหลายคนก็เป็นแม่คนแล้วในวัยอายุเท่านี้ แต่ หลิว เหมิงเจี๋ย เธอกลับไม่เคยออกเดท เหตุผลคือเธอไม่เคยเจอใครที่สามารถทําให้หัวใจของเธอ ..รู้สึกหวั่นไหวได้เลย
หลิว เหมิงเจี๋ย หน้าแดงมาก แล้วพูดเสียงดังขึ้นว่า : “คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ฉันแค่ชื่นชมเขาในด้านดนตรี เขา…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าที่หล่อเหลาของ หลินฟาน ก็ปรากฏขึ้นมาในใจของเธอ และฉากที่วีรบุรุษ หลินฟาน ได้เข้าช่วยสาวงามอย่างกล้าหาญในวันนั้น…
ภาพทั้งหมดนี้.. มันฉายชัดเข้ามาในหัวใจของเธอจนเต้นแรงขึ้น ..เร็วขึ้น และ.. ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาแล้ว
ไม่จริง.. ใช่ไหม? หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นมาแล้วจริงๆ…
โชคดีที่ สวี่เฉิง ไม่ได้พูดถึงหัวข้อนี้ต่อ และเขาเพียงพูดขึ้นว่า : “เอาเถอะ เรามาช่วยกันดีกว่า คุณช่วยฉันให้ได้รับอัจฉริยะทางดนตรีคนนี้ ทำให้เขาเซ็นสัญญากับฉันให้ได้ แล้วฉันก็จะช่วยคุณหาวิธีเพื่อให้ได้อัจฉริยะเปียโนของคุณเช่นกัน และให้เขามาเป็นครูสอนเปียโนให้กับคุณ”
หลิว เหมิงเจี๋ย รู้สึกว่ามันเป็นไปได้ เธอเลยพูดว่า : “โอเค คุณบอกฉันมาก่อนว่า อัจฉริยะดนตรีของคุณนั้นเป็นใคร?”
สวี่เฉิง ที่ได้ยินเขาถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า : “ฉันไม่รู้ เมื่อคืนเขาไม่ยอมบอกฉัน คุณเองเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยดนตรี และมีเครือข่ายมากกว่าฉัน ฉันเลยคิดว่าคุณน่าจะช่วยฉันค้นหาตัวตนของเขาได้”
หลิว เหมิงเจี๋ย กล่าวว่า : “แล้วคุณพอจะบอกว่ารูปร่างหน้าตาของเขามาได้ไหมว่า ..เป็นอย่างไร?”
สวี่เฉิง กล่าวว่า : “เขาอายุประมาณ 20 ปี หล่อมาก หล่อสุดๆ และน่าจะรวยมากด้วย เมื่อคืนเขาจัดงานปาร์ตี้กันในห้องอิมพีเรียล ใน Ginza KTV ใช่.. เขาดูเหมือนจะสวมเครื่องแบบของพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ ซึ่งมันดูค่อนข้างจะขัดแย้งไปหน่อย และ…”
ก่อนที่ สวี่เฉิง จะพูดไม่จบ หลิว เหมิงเจี๋ย ก็ตกตะลึงไปแล้ว ไม่มั้ง.. คนที่ สวี่เฉิง พูดถึง คงไม่น่าจะเป็น…
ทันใดนั้น ได้มีอาจารย์คนหนึ่งรีบเดินเข้ามา : “ไม่ดีแล้วคะ ท่านอธิการบดี มีเรื่องเกิดขึ้นที่สนามสอบ”
หลิว เหมิงเจี๋ย รู้สึกประหลาดใจมาก วันนี้เป็นวันสอบสัมภาษณ์ของนักศึกษาใหม่ สนามสอบเป็นระเบียบดีเสมอมา และไม่เคยมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น แล้ว…
หลิว เหมิงเจี๋ย รีบถามว่า : “มันเกิดอะไรขึ้น?”
อาจารย์คนนั้น กล่าวว่า : “มีผู้ปกครองของผู้เข้าสอบคนหนึ่งก่อความวุ่นวายขึ้น ทําให้สนามสอบต้องหยุดชะงักไปค่ะ”
หลิว เหมิงเจี๋ย พูดด้วยความโกรธเล็กน้อย : “ได้ ฉันจะไปดู!”
สวี่เฉิง ที่กลัวว่า หลิว เหมิงเจี๋ย จะรับมือไม่ได้ก็ได้ติดตามเธอไปด้วยเช่นกัน
ทั้งคู่ได้มาถึงห้องโถงแห่งหนึ่งที่ใช้เป็นสถานที่ในการจัดสอบสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว แต่ฉากตรงหน้า ..กลับทําให้ทั้งคู่ตกตะลึง
ในห้องโถงขนาดใหญ่ตรงหน้า.. ที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่กลับไม่มีใครส่งเสียงใดๆ ออกมาเลยสักคน ทุกคนในเวลานี้ ..เหมือนกับลุ่มหลงไปกับเสียงเพลง.. ของเขา
บนเวที ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเผชิญหน้ากับผู้คุมสอบทั้งสามคน และเขาได้หันหลังให้กับทุกคน และกําลังร้องเพลง ‘Fireworks Cool Easily (煙花易冷)’ ซึ่งกำลังถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว
“ฝนพรำพรำ เมืองเก่าร้างราด้วยพงหญ้าสูง ข้าได้ยินว่าเจ้ารอข้าอยู่อย่างเดียวดายตลอดมา”
“ประตูเมืองด่างพร้อย รอยร้าวแฝงด้วยรากไม้เก่า เสียงสะท้อนจากแผ่นศิลาแว่วมาว่า ‘ยังเฝ้ารอ’...”
น้ำเสียงไพเราะมากการร้องก็พิเศษมากเหลือเกินราวกับว่า กำลังฟังผู้เชี่ยวชาญเล่าเรื่องราวผ่านดนตรี บอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวความรักที่แสนจะซาบซึ้ง น่าหลงใหล และทำให้ผู้คนที่ได้ฟังลุ่มหลงไปกับเรื่องราวความรักครั้งนี้ …ผ่านบทเพลง
ผู้คุมสอบทั้งสามคนเวลานี้ ..ได้คุกเข่าลงแล้ว
จู่ๆ สวี่เฉิง ก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งในทันที เสียงนี้ เงาร่างนี้…
และหลิว เหมิงเจี๋ย เองจําคนคนนี้ที่อยู่บนเวทีได้แล้ว
ในตอนช่วงท้ายของเพลง สถานที่จัดงานทั้งหมดยังคงเงียบ และทุกคนก็ยังไม่มีใครสามารถหลุดออกมาจากบทเพลงนี้.. ได้เลย
หลิว เหมิงเจี๋ย ถาม สวี่เฉิง ว่า : “อัจฉริยะดนตรีที่คุณพบเมื่อคืน ก็คือเขาใช่ไหม?”
สวี่เฉิง พูดขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า : “เป็นเขานะ เขาเอง เลาหลิว คุณรู้จักเขาใช่ไหม?”
หลิว เหมิงเจี๋ย พยักหน้าแล้วพูดว่า : “เขาก็เป็นอัจฉริยะเปียโนที่ฉันบอกกับคุณยังไง..”
“โอ้.. พระเจ้า!” สวี่เฉิง เบิกตากว้างแล้ว และนี่ก็บังเอิญเกินไปหน่อยแล้วมั้ง พวกเขากําลังพูดถึงคนคนเดียวกัน!
สวี่เฉิง รีบถามว่า : “เขาเป็นใคร?”
หลิว เหมิงเจี๋ย กล่าวว่า : “เขาชื่อ หลินฟาน และเขาทำงานเป็นคนส่งอาหาร”
เวลานี้.. บนเวที
หลินฟาน ที่ร้องเพลงจบแล้ว เขาได้วางไมโครโฟนลง มองไปที่ผู้คุมสอบทั้งสามคนที่มีสีหน้าตกตะลึงในเวลานี้ ก่อนจะยิ้ม แล้วพูดว่า : “ผมร้องเพลงจบแล้ว อาจารย์ทั้งสามท่านรู้สึกอย่างไร”
ผู้คุมสอบทั้งสามคนกลับพูดกับตนเอง..
ผู้คุมสอบ A : “โอ้.. พระเจ้า เสียงเพราะอะไรขนาดนี้ ทักษะการร้องเพลงก็สูงล้ำเกินไปแล้ว ทักษะในการออกเสียงบางคำฉันเองยังคงไม่เข้าใจ แล้วนี้.. มันจริงหรือเปล่า มันไพเราะจนฉันรู้สึกเหมือนหูของฉันท้องแล้ว”
ผู้คุมสอบ B : “ไม่คิดเลยว่าเพลงนี้จะยังตีความได้แบบนี้ สุดยอดมาก.. ความรู้สึกนี้ที่แตกต่างจากบทเพลงต้นฉบับไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเพลงต้นฉบับเลย!”
ผู้คุมสอบ C : “การร้องเทียบเพลงต้นฉบับนั้นไม่มีใครสามารถก้าวข้ามได้.. และสิ่งที่เขาร้องออกมาเมื่อกี้ก็ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามได้เช่นกัน เพราะนี่เป็นการสร้างมโนทัศน์ แนวความคิดทางศิลปะที่แตกต่างออกไปอีกแบบหนึ่ง และเป็นสองจุดสูงสุดที่ทัดเทียมไปพร้อมกับนักร้องต้นฉบับไปได้ ..อย่างสมบูรณ์!”
ปรากฏว่า ผู้คุมสอบทั้งสามคนนี้ ถูกพิชิตไปโดย หลินฟาน แล้ว
ผู้คุมสอบ A อดไม่ได้ที่จะถามว่า : “ขอโทษครับ ขอถามหน่อยว่าเสียงแหลมสูงเมื่อกี้ คุณได้ใช้เทคนิคอะไรในการออกเสียงนั้น”
เขาทำท่าทางราวกับนักเรียนที่กำลังถามคําถามไปโดยไม่รู้ตัว ตัวเขาเองก็ไม่ได้ตระหนักถึงจุดนี้ และมันเสมือนกับว่า หลินฟาน เป็นครู..
หลินฟาน พูดด้วยเสียงราบเรียบไปว่า : “ผมแค่ร้องเพลงนี้ในแบบของน้องสาวของผม การร้องเพลงต้นฉบับคือการวางตัวเองเป็นตัวเอก ด้วยการสร้างมโนทัศน์ที่แสนจะซาบซึ้ง กับเรื่องราวของความรักที่สวยงามออกมา วิธีการร้องเพลงของน้องสาวของผมคือการเล่าเรื่องราวออกมาในฐานะผู้ชม และข้อเท็จจริงนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรกับการร้องเพลงแบบนี้เลย ทั้งนี้ปัญหาของน้องสาวผม แค่ทักษะของเธอยังดูไม่คุ้นเคยเท่านั้น และนี่คือจุดประสงค์ที่เธอมาเรียนที่มหาวิทยาลัยดนตรีของพวกคุณ แต่พวกคุณ ..กลับจะปฏิเสธเธอ?”
คําพูดเหล่านี้ ทำให้ผู้คุมสอบทั้งสามคนทำได้เพียงหน้าแดง ..หูแดง
พวกเขาได้ปฏิเสธ หลิน ซานซาน ไปเพราะแบบนั้นไม่ผิดจริงๆ
“พูดได้ดี!”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา และได้เห็น หลิว เหมิงเจี๋ย เดินขึ้นมาบนเวที
ท่านอธิการบดี มาแล้ว!