ตอนที่ 22 ผู้อำนวยการมาเชิญ (RE)
หลังจาก จ้าว เจียหาว ร้องเพลงจบไปเพลงหนึ่งก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม ต้องยอมรับว่า จ้าว เจียหาว ร้องเพลงได้ดีจริงๆ สมกับเป็นแชมป์การแข่งขันร้องเพลงหยุนเฉิง
ซุน เสี่ยวน่า ที่เสียหน้าอย่างต่อเนื่องในคืนนี้ และต้องการพึ่งพา จ้าว เจียหาว เพื่อเอาชนะเกมนี้ และด้วยความมุ่งมั่นที่จะชนะ
เธอเองเชื่อว่าต่อให้ หลินฟาน ร้องเพลงได้ แต่ก็ไม่น่าจะดีไปกว่า จ้าว เจียหาว และครั้งนี้ ต้องเป็น จ้าว เจียหาว ที่ชนะอย่างแน่นอน
เธอยังคิดว่าหลังจากการแสดงของ จ้าว เจียหาว หลินฟาน คงไม่มีความกล้าพอที่จะร้องเพลงด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ จ้าว เจียหาว เก่งเกินไปจน หลินฟาน รู้สึกด้อยกว่าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลินฟาน กลับตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
ซุน เสี่ยวน่า หัวเราะอย่างเย็นชา : “ในเมื่อคุณต้องการจะทำให้ตัวเอง ..ดูขายหน้า โอเคได้.. ฉันจะไม่ห้ามคุณ”
สักพักทุกคนก็เงียบไปเพื่อรอฟัง หลินฟาน ร้องเพลง
เฉิน หลิงหลิง รู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับ หลินฟาน อย่างไรก็ตาม จ้าว เจียหาว ก็ร้องเพลงได้ดีจริงๆ ถ้าเผื่อเกิดว่า ..หลินฟาน ร้องเพลงไม่น่าฟังล่ะ ซุน เสี่ยวน่า เธอคงจะหัวเราะเยาะเขาออกมาอย่างแน่นอน
และเธอไม่อยากให้ พี่หลินฟาน.. ของเธอต้องเสียหน้า
ทุกคนรู้สึกว่า แม้ หลินฟาน จะรวยกว่า จ้าว เจียหาว แต่การร้องเพลงคงไม่ดีไปกว่า จ้าว เจียหาว มั้ง อย่าลืมว่า จ้าว เจียหาว เป็นแชมป์การร้องเพลง
จ้าว เจียหาว เองก็ดูตั้งตารอคอยการแสดงของ หลินฟาน มากเช่นกัน คืนนี้เขาถูก หลินฟาน บดขยี้ในทุกด้าน และในที่สุดเขาก็สามารถค้นหาความเหนือกว่าของเขาจากการร้องเพลงได้
จ้าว เจียหาว อดใจไม่ได้ที่จะพูดไปว่า : “พี่ฟาน คุณอยากร้องเพลงอะไร?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมจะร้องเพลง ‘ซินยวนยางหูเตี๋ยเมิ่ง’ (新鴛鴦蝴蝶夢) ภาพฝันลวงตาของคู่รักใหม่” (ความฝันของผีเสื้อ)
จ้าว เจียหาว ก็ช่วย หลินฟาน กดเพลงให้ทันที
ดนตรีขึ้น
หลินฟาน หยิบไมโครโฟนขึ้นมา และเริ่มร้องเพลง..
“เมื่อวานเปรียบเหมือนสายน้ำที่ไหลไปทางทิศตะวันออก ไหลจากฉันไปไกล ไม่อาจขัดขวางให้ไม่จากไปได้ วันนี้จึงทำให้ใจของฉันรู้สึกสับสน และกังวลมาก”
“ชัดดาบเพื่อตัดสายน้ำให้หยุด ทว่าสายน้ำยิ่งไหลแรงขึ้น กระดกจอกสุราเพื่อดับทุกข์ ทุกข์กลับยิ่งหนักหนากว่าเดิม พรุ่งนี้สายลมก็พัดกระจายไปทั่วทุกทิศ...”
เสียงร้องที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดดังขึ้นอย่างไพเราะ
..ชั่วขณะ
ทุกคนต่างตกตะลึง
ไอ้บ้าเอ้ย!!
ร้องเพลงได้ไพเราะมาก พระเจ้า คาดไม่ถึงว่าจะมีคนร้องเพลงนี้ได้ไพเราะมากขนาดนี้!
เป็นเสียงที่ดี และมีเสน่ห์มาก พอฟังแล้วก็แทบต้องมนต์สะกด!
ทุกคนคุกเข่าลง..
เฉิน หลิงหลง ดูเคลิบเคลิ้มไปกับการร้องเพลงของ หลินฟาน ไปอย่างสมบูรณ์.. พี่หลิน ไม่เพียงจะหล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบแล้ว เขากลับยังร้องเพลงได้ไพเราะมากถึงขนาดนี้ นี่มันราวกับได้ฟังเทพเซียนร้องเพลงจริงๆ ใช่.. มันราวกับได้ฟังเสียงของ เซียน! เอาตามตรงเธอไม่เคยเห็นใครร้องเพลงได้ไพเราะขนาดนี้มาก่อน ..เลยจริงๆ!
เสียงของ หลินฟาน ไพเราะกว่า ‘ราชาเพลง’ ของวงการดนตรีจีนเสียอีก
จ้าว เจียหาว มีใบหน้าซีดเซียวแล้ว เสียงร้องเพลงที่เขาภาคภูมิใจนั้นมันไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงต่อหน้า หลินฟาน ด้วยซ้ำ ระดับการร้องเพลง และสภาพเสียงของ หลินฟาน ทิ้งห่างเขาไปสิบแปดถนน!
เสียงของ หลินฟาน นั้นยอดเยี่ยมมาก และเขาแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว!
แม้แต่ ซุน เสี่ยวน่า ที่กำลังรอจับผิด ในเวลานี้ยังมีสีหน้าตะลึงราวกับเธอตกอยู่ในมนต์สะกด หลงใหลไปกับเสียงร้องเพลงของ หลินฟาน ซึ่งเธอไม่สามารถหลุดออกมาได้ใน ..ชั่วขณะหนึ่ง
เวลาของเพลงหนึ่ง ..ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลินฟาน ที่ร้องเพลงจบแล้วเขาได้วางไมโครโฟนลง
ทั้งห้อง ..เงียบกริบ
ทุกคนไม่สามารถฟื้นตัวได้ชั่วขณะหนึ่ง
มันไพเราะจริงๆ…
และสร้างความประทับใจอย่างไม่รู้ลืม ..ได้จริงๆ
ก๊อก.. ก๊อก ก๊อก!
ในเวลานี้ มีคนเคาะประตูแล้วเข้ามา เป็นชายวัยกลางคน เขาได้เดินตรงมาหา หลินฟาน และยื่นนามบัตรให้กับ หลินฟาน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีครับ คุณ.. ผม สวี่เฉิง เป็นผู้อํานวยการของ เฝิงเหนี่ยวมิวสิค และนี่คือนามบัตรของผม”
“เมื่อกี้ ผมบังเอิญได้ยินคุณร้องเพลงที่ทางเดิน และก็ถูกเสียงร้องของคุณพิชิตเข้าให้ทันที ผมจึงอยากรู้ และอยากเข้ามาทำความรู้จักกับคุณ?”
หลินฟาน ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “คุณดูผมแต่งตัวก่อนสิ ผมเองเป็นแค่คนส่งอาหารเท่านั้น”
สวี่เฉิง ตกตะลึง ว่ากันว่าปรมาจารย์ที่แท้จริงอยู่ในหมู่ชน และมันก็จริง.. เด็กส่งอาหารคนหนึ่ง กลับร้องเพลงได้ไพเราะถึงขนาดนี้ อีกทั้งหน้าตายังหล่อเหลามาก ตราบใดที่ได้ออดิชัน.. อนาคตของเขาย่อมไม่มีที่สิ้นสุด และครานี้เขาขุดเจอสมบัติเข้าให้แล้วจริงๆ!
“ขอถามหน่อยว่าคุณอยากเข้าวงการบันเทิงมาเป็นดารานักร้องไหม? ผมสามารถให้ความช่วยเหลือคุณได้ทุกอย่าง ตราบใดที่คุณเซ็นสัญญากับ เฝิงเหนี่ยวมิวสิค ของเรา ผมกล้ารับประกันได้ว่าคุณจะกลายเป็นนักร้องที่ร้อนแรงที่สุดได้ในอนาคตอย่างแน่นอน แม้กระทั่งแทนที่นักร้องในปัจจุบัน! ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถร่างข้อตกลงให้คุณเซ็นสัญญาได้ทันที”
สวี่เฉิง กล่าวอย่างกระตือรือร้น
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จ้าว เจียหาว ก็แทบจะบ้าไปแล้ว
เฝิงเหนี่ยวมิวสิค เป็นหนึ่งในบริษัทเพลงที่ทรงพลังที่สุดในวงการดนตรีในปัจจุบัน!
หลายคนพยายามอย่างหนักที่จะเบียดตัวเข้าไปใน เฝิงเหนี่ยวมิวสิค จ้าว เจียหาว เองก็ใฝ่ฝันอยากจะเข้าไป แต่แม้ว่าเขาจะคว้าแชมป์ร้องเพลงในเมืองหยุนเฉิงมาได้ แต่เขาก็ไม่ได้รับความโปรดปรานจาก เฝิงเหนี่ยว…
เฝิงเหนี่ยว ขึ้นชื่อในเรื่องการเลือกคนเข้ามาในวงการ แน่นอนว่าหากเป็นคนทั่วไปพวกเขาก็แทบไม่มองด้วยซ้ำ..
ตอนนี้ มิวสิคไดเร็คเตอร์(Music Director).. ของ เฝิงเหนี่ยว ได้เดินทางมาเชิญ หลินฟาน ด้วยตัวเองแล้ว ไม่.. นี่ไม่ใช่คำเชิญ แต่กลับมองว่าเป็นการขอร้อง หลินฟาน มากกว่า
กระทั่งต้องการเซ็นสัญญาทันที มันเหมือนกลับเขากลัวว่า หลินฟาน จะบินหนีไป
คนที่ชอบเปรียบเทียบกับใครต่อใคร มัน.. ช่างน่าโมโหนัก (จากสำนวน 人比人,氣死人)
จ้าว เจียหาว รู้สึกหมดแรงแล้ว
เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เขายังอยากต้องการแข่งขันกับ หลินฟาน มาตอนนี้เขาตระหนักรู้แล้วว่า ..เขาไม่มีคุณสมบัติใดเทียบอีกฝ่ายได้เลย ..หลินฟาน แข็งแกร่งเกินไป
“โอ้.. พระเจ้า เฝิงเหนี่ยวมิวสิค ซึ่งเป็นอันดับต้นๆ หนึ่งในสามของวงการดนตรี และผู้อํานวยการ สวี่เฉิง มาชวนด้วยตนเอง นี่ก็ได้หน้าเกินไปแล้ว!”
“สายตาของผู้อํานวยการเพลงนั้นไม่มีผิดอย่างแน่นอน ถ้า หลินฟาน เป็นนักร้อง คงไม่มีเทพเจ้าคนไหนร้องเพลงสู้เขาได้แล้วจริงๆ”
“หลินฟาน น่าจะเห็นด้วยมั้ง ท้ายที่สุดอีกฝ่ายคือ เฝิงเหนี่ยวมิวสิค ที่สร้างนักร้องชื่อดังมาไม่น้อย แล้วใครกันล่ะที่ไม่อยากเข้าร่วมกับ เฝิงเหนี่ยว!”
เพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างพูดคุยกัน คราวนี้ ไม่ใช่คําชม พวกเขาถูกพิชิตโดยเสียงร้องเพลงของ หลินฟาน ไปอย่างแท้จริง
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่า หลินฟาน จะตอบรับคำของอีกฝ่ายด้วยความยินดีนั้น..
หลินฟาน กลับพูดออกไปว่า : “เป็น.. ดารานักร้อง ขอโทษนะ ผมไม่มีความสนใจเลยจริงๆ งานส่งอาหารที่ผมทำอยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
อะไรนะ?
ทุกคนตกตะลึง
หลินฟาน ปฏิเสธ สวี่เฉิง จริงๆ!
จ้าว เจียหาว กําลังจะอาเจียนเป็นเลือดแล้ว พระเจ้า โอกาสที่เขาใฝ่ฝันอยากได้รับ.. หลินฟาน ก็ปฏิเสธมันไปแบบนี้ และมันก็ดูราวกับเขาปฏิเสธผักกาดขาว หัวหนึ่ง…
หลินฟาน ทำไมคุณมันถึงโง่ได้ขนาดนี้กัน?
จ้าว เจียหาว กําลังคํารามอยู่ในใจ
สวี่เฉิง ก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะถูกปฏิเสธ หากเขาออกมาเชิญใครสักคนด้วยตัวเอง แต่เวลานี้.. เขาถูกปฏิเสธจริงๆ!
แน่นอนว่าเขาไม่เข้าไปชวนใครง่ายๆ หากไม่ใช่ต้นกล้าที่ดีจริงๆ นั่นเป็นเพราะมันหาได้ยากมาก ..เหลือเกิน และที่ผ่านมานั้นเขาก็ไม่ได้มาเชิญใครด้วยตัวเองมานานแล้ว
และในครั้งนี้ก็เป็นอุบัติเหตุล้วนๆ เขาบังเอิญเดินผ่านมา และได้ยินเสียง หลินฟาน ร้องเพลง และทันทีที่ หลินฟาน เปิดปากก็พิชิตเขาได้ทันที มันให้ความรู้สึกเหมือนเขา ..ได้พบเจอกับสมบัติอันล้ำค่า
โดยไม่แม้แต่จะคิด เขาก็เกิดความคิดที่จะเซ็นสัญญากับ หลินฟาน ทันที และไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องคว้าตัว หลินฟาน มาให้ได้
เขาคิดว่าด้วยสถานะของเขาในวงการดนตรี และการที่เขามาเชิญด้วยตัวเอง หลินฟาน จะต้องตอบตกลงอย่างเห็นด้วย
แต่.. ใครจะรู้ คนอื่นปฏิเสธเขาทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด!
สวี่เฉิง เกือบจะร้องไห้แล้ว สมบัติอันล้ำค่าชิ้นนี้เขาไม่อยากจะต้องเสียมันไป..
“เดี๋ยวก่อน.. พ่อหนุ่ม คุณไม่ช่วยคิดให้มันดีๆ หน่อยหรือ? ตอนนี้วงการเพลงขาดแคลนคน และเราต้องการเสียงของคุณมาก การปรากฏตัวของคุณจะช่วยวงการดนตรีจีนของเราได้อย่างแน่นอน ถ้าหากคุณปฏิเสธผม นั่นเท่ากับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของวงการดนตรีในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเลย คือคุณช่วยลองคิดมันดูให้ดีๆ อีกหน่อยได้ไหม?”
สวี่เฉิง ใช้วาจาที่เกือบจะอ้อนวอนอยู่แล้ว และเขาก็เกือบจะคุกเข่าลงให้ หลินฟาน แล้วเช่นกัน
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “ต้องขอบคุณผู้อำนวยการ สวี่เฉิง สำหรับคำชม แต่ผมไม่อยากเป็นดารานักร้องจริงๆ และก็ต้องขออภัยจริงๆ ครับ”
สวี่เฉิง รู้สึกหงุดหงิดมาก ดูเหมือนว่า หลินฟาน จะไม่อยากเป็นนักร้องจริงๆ มันช่างน่าเสียดายจริงๆ
สวี่เฉิง กล่าวว่า : “ถ้าอย่างนั้น โปรดช่วยเก็บนามบัตรของผมไว้ ถ้าคุณเกิดเปลี่ยนใจ ได้โปรดติดต่อผมมาได้ตลอดเวลา ยังไงก็ตาม ผมยังไม่ได้ถามชื่อของคุณเลย?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมเป็นใครอะไรนั้นไม่สำคัญหรอกครับ คุณสวี่ คุณไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ”
สวี่เฉิง คร่ำครวญในใจ คนอื่นไม่ยอมพูดแม้แต่ชื่อ ดูเหมือนว่าใจจริงๆ เขาคงไม่อยากเปิดเผยตัวตนของตัวเอง..
สวี่เฉิง ทำได้แต่กล่าวลา แล้วออกไปอย่างเศร้าใจ
คืนนั้น สวี่เฉิง โทรหาเพื่อนสนิทของเขา เล่าความหดหู่ของเขาไปว่า : “คืนนี้ฉันได้พบกับอัจฉริยะทางดนตรีคนหนึ่ง ตอนแรกอยากจะเชิญเขาเข้าบริษัทของเรา แต่เขากลับปฏิเสธ…”
ปลายสายมีเสียงของ หลิว เหมิงเจี๋ย ดังขึ้นมา : “ช่างบังเอิญจริงๆ วันนี้ฉันก็ได้พบกับอัจฉริยะด้านเปียโนคนหนึ่ง ฉันอยากจะเชิญเขามาเป็นครูสอนเปียโนที่มหาวิทยาลัยของเรา แต่เขาก็ปฏิเสธฉันด้วยเช่นกัน”
สวี่เฉิง ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า : “ดูเหมือนว่า ..เราจะหัวอกเดียวกันจริงๆ”