ตอนที่ 52 กูล(อ่านฟรี)
ตอนที่ 52 กูล
เรย์เดินตามคอนราดและโบเวนเข้าไปด้านใน เส้นทางหลังประตูเหล็กขึ้นสนิมนั้นเป็นลักษณะเหมือนกับอุโมงค์ระบายน้ำใต้ดิน ซึ่งมีเสาเหล็กตัว I ค้ำยันเพดานสองฝั่งของเส้นทางในทุกระยะ 3 เมตร พื้นที่เขาเดินเหยียบย้ำนั้นเป็นพื้นปูนเรียบ ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยเลือดสีดำที่เหนียวติดพื้นรองเท้า อากาศด้านในนั้นเหม็นชวนอ้วก อันเนื่องมาจากก่อนหน้านั้นมีซอมบี้ซากศพจำนวนมากถูกขังอยู่ที่นี่
เท่าที่ดูจากสถานที่นี่แล้ว ซอมบี้ซากศพที่โดนพวกเขาฆ่าไปเมื่อครู่ คงโดนขังไว้ที่นี่ไม่ต่ำกว่า 10 วันเป็นอย่างน้อย และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีเลือดสีดำหยดอยู่ทั่วพื้น
แต่ต่อให้จะมีกลิ่นเน่าของศพ ก็ไม่มีทางหยุดเรย์และทีมได้ ทั้งสามเดินเข้าไปประมาณ 100 กว่าเมตร ก็เจอกับประตูอีกบาน ด้านในนั้นดูเหมือนจะเป็นห้องที่ใหญ่ขึ้นมาอีกระดับ
“อย่าพึ่งเข้าไปใกล้ประตู” คอนราดยกมือให้เรย์และโบเวนหยุด คอนราดมองไปที่ประตูด้านหน้าพลางขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจกับสถานการณ์นี้มากนัก
รอบแรกซอมบี้ซากศพ รอบสองพวกมันคงไม่ให้เข้าไปง่าย ๆ แน่...
“ยกถล่มใส่ประตู” คอนราดกล่าวกับโบเวน
โบเวนไม่สงสัยในคำสั่งของหัวหน้าคอนราด เขาลงมือในทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
ปืนกลเบาเบรนยิงถล่มจนใส่ประตู ซึ่งก็ทำให้ประตูเต็มไปด้วยรอยพรุน แต่ที่มากกว่านั้นอยู่ ๆ ประตูก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงดัง บึม!!!
ระเบิด!
มีเสียงร้องตะโกนดังมาจากด้านในห้องด้านหน้าพวกเขาด้วย ซึ่งก็มาจากสาวกลัทธิมืดที่ซุ่มดักรออยู่
เรย์ที่หลบอยู่ไกลออกไปเล็กน้อยก็ต้องตกใจ เพราะใครจะไปคิดว่าพวกสาวกลัทธิมืดนั้นจะติดตั้งระเบิดไว้ที่ประตู ถ้าพวกเขาคนใดคนหนึ่งไปเปิดประตูนั้น คงโดนระเบิดอัดกระแทกใส่จนร่างแหลกก็ได้
แน่นอนว่าถ้าเป็นโบเวนอาจจะมีโอกาสรอดแบบปาฏิหาริย์ แต่ก็คงบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี
เรย์หันไปมองคอนราดและถามว่า “หัวหน้ารู้ได้ยังไง”
“พวกมันเคยใช้มุกนี้มาก่อน” คอนราดกล่าวสั่น ๆ ไม่คิดจะเล่าต่อ แต่เรย์พอเข้าใจอยู่บ้าง เพราะเคยได้ยินเรื่องที่ลุงคอนดนอร์เล่าให้ฟัง ซึ่งก็คงจะเกี่ยวกับการต่อสู้เมื่อหลายปีก่อนในการกวาดล้างพวกลัทธิมืด
“บุกเข้าไปเลย” คอนราดกล่าวจบก็จุดไฟแช็กน้ำมันเงินแวววาว ก่อนจะควบคุมเพลิงสร้างเป็นบอลเพลิงขนาดใหญ่กว่าปกติและยิงบอลเพลิงหายเข้าไปในกลุ่มควันจากแรงระเบิดทางด้านหลังประตูนำไปนำไปก่อน
บึม!
เสียงระเบิดจากบอลเพลิงดังขึ้น พร้อม ๆ กับเสียงตะโกนของสาวกลัทธิมืดที่ยากจะฟังเข้าใจ แต่ก็พอจะรู้ได้ว่าพวกมันนั้นตื่นตระหนกกันมากแค่ไหน
เมื่อทั้งสองเห็นว่าคอนราดยิงบอลเพลิงเปิดทางให้แล้วก็รีบวิ่งฝ่าควันและฝุ่นเข้าไปด้านในห้อง โบเวนโพล่มาเป็นคนแรกทำให้เขาเห็นว่าในห้องนั้นมีสาวกลัทธิมืดเกือบ 12 คน ซึ่งมากกว่าที่เรย์เคยเห็น
ถ้านับจากคนหนึ่งที่เรย์ฆ่าไปตรงทางเดิน อีกคนที่ตกลงไปใต้เหวตายไปพร้อมกับซอมบี้ซากศพและอีกสองที่ตายจาการที่โดนเรย์ระเบิดอุโมงค์ระบายอากาศ
ซึ่งพอรวม ๆ แล้วพวกสาวกลัทธิมืดมีมากกว่าที่เห็นเกือบเท่าตัวหนึ่งเลย
“ตาย!!” โบเวนไม่รอช้ายิงพวกสาวกลัทธิมืดที่ยังไม่ทันตั้งตัวด้วยปืนกล ซึ่งคนพวกนี้ก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้นจึงโดนยิงตายอย่างง่ายดาย
หลังยิงตายไป 5 คนโบเวนก็ต้องกลิ้งตัวหลบจากการยิงสวนมาของสาวกลัทธิมืดด้วยปืนกลมือทอมป์สัน
“ไปตายซะ!!!” สาวกลัทธิมืดคนนั้นยิงไล่ตามโบเวนไปติด ๆ ยังดีที่ในห้องนี้ไม่ใช่พื้นที่โล่งกว้าง แต่มีเสาอยู่แทบจะทุกมุมห้อง
แต่ในตอนนั้นเอง เรย์ก็เปิดหนังสือเวทมนตร์ร่ายคาถาบอลเพลิงยิงเข้าใส่สาวกลัทธิมืดคนนั้น จนตัวโดนบอลเพลิงระเบิดกระแทกอัดเข้าเต็มหน้า ก่อนจะไฟท่วมตัว
“บัดซบพวกหมาล่าเนื้อมีผู้ใช้เวทมนตร์!”
“พวกเขาไม่น่าจะมีผู้ใช้เวทมนตร์อีกคนหนึ่งสิ!”
“ดูเหมือนข้อมูลเราจะผิด...”
สาวกลัทธิมืดเห็นเรย์ร่ายคาถาเมื่อครู่ ก็ดูจะตกใจมาก รีบพอกันหาที่หลบด้วยความกลัว ทำเอาเรย์แปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าผู้ใช้เวทมนตร์จะมีชื่อเสียงที่น่ากลัวจนพวกสาวกลัทธิมืดกลัวได้
ในตอนนั้นเองคอนราดก็วิ่งผ่านเรย์ไปด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเข้าประชิดตัวสาวกลัทธิมืดและใช้มือที่มีเปลวไฟอาบไล้อยู่จับไปที่หัวของสาวกลัทธิมืด
“อ๊ากกก!!!” สาวกลัทธิมืดร้องด้วยความเจ็บ เพราะตอนนี้ใบหน้าของมันกำลังละลายจากความร้อนที่มาจากมือของคอนราดและไม่ถึง 3 วินาที หัวของสาวกลัทธิมืดก็ระเบิดจากความร้อนสมองกระจายทันที ทำเอาสาวกลัทธิมืดคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เรย์ที่มองภาพตรงหน้าก็รู้สึกตะลึงและคิดในใจว่า...พวกแกควรกลัวผู้ใช้พลังจิตมากกว่าที่จะมากลัวผู้ใช้พลังเวทมนตร์กระจอกแบบฉันโว้ย
หลังบ่นในใจเสร็จเรย์ก็เริ่มสู้ต่อ การปะทะกันระหว่างทีมคอนราดและสาวกลัทธิมืดจบลงโดยใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากสาวกพวกนี้ทั้งหมดก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น แม้จะมีประสบการณ์ต่อสู้แบบทหาร แต่ก็ยากจะชนะพลังของผู้มีพลังพิเศษได้
“หัวหน้ามาดูทางด้านนี้ยังมีประตูไปต่อ” โบเวนเดินไปเปิดประตูบ้านหนึ่ง ก่อนจะหันมาเรียกคอนราด
คอนราดและเรย์รีบตามไปดูยังทางที่โบเวนเรียก สถานที่ด้านหน้าพวกเขาไม่ได้เป็นห้องเล็ก ๆ อีก แต่เป็นโกดังขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง จากขนาดน่าจะไม่ต่ำกว่า ซึ่งเรย์ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ดูแล้วจะเชื่อมกับโกดังที่เขาเห็นตอนแอบเข้าไปในฐานลับใต้ดิน
ทั้งสามเดินเข้ามาด้านใน โกดังด้านในนี้ไม่มีสิ่งของอื่นใดอยู่เลยนอกจากกรงเหล็ก ด้านในไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิต แต่ดูจากสภาพการแล้วกรงพวกนี้น่าจะไว้ใช้ขังมนุษย์ที่โดนจับมา
ยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งขมวดคิ้วกันมากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดก็มาถึงใจกลางของโกดัง ซึ่งมันก็เป็นพื้นที่เปิดโล่งและมีเพียงโต๊ะและเก้าวางไว้อยู่ตรงกลาง โดยด้านข้างมีร่างของหญิงคนหนึ่งที่ถูกแขวนกับราวเหล็กและมีสายยางต่อไปตามข้อมือและเส้นเลือดใหญ่ที่คอ
แต่ตอนนี้เลือดนั้นแข็งตัวไปแล้วไม่ไหลไปตามสายอีก ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะตายแล้ว
สายตาของทั้งสามกวาดไปที่บนโต๊ะ ซึ่งมีแก้วไวน์เปล่าสามใบที่ก้นแก้วแต่ละใบนั้นมีของเหลวสีแดงที่ยังไม่แห้งติดค้างไว้อยู่
“ระวัง มีพวกมันอยู่ที่นี่” คอนราดเห็นภาพตรงหน้าก็พอเข้าใจว่ามีสิ่งที่พวกสาวกลัทธิมืดเรียกว่าเจ้านายกำลังเฝ้ารอพวกเขาอยู่
“แกคงจัดการพวกสาวกของพวกเราหมดแล้วสินะ” ตอนนั้นก็มีเสียงดังมาจากทางด้านหลังของทั้งสามคน ซึ่งมีชายชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่ นอกจากชายคนนี้ยังมีอีกสองคนที่ยืนในตำแหน่งต่างกันล้อมพวกเขาไว้
ถ้าจอร์แดนยังรอดอยู่จนถึงตอนนี้เขาจะจำได้ทันทีว่า ทั้งสามนั้นคือชายชุดดำที่นำซอมบี้มาโจมตีพวกเขาและเป็นกลุ่มเดียวกันที่ปล่อยสามเหลี่ยมมิติสร้างรอยแยกมิติ จนชั้นตึกถล่มลงมา
น่าเสียดายที่จอร์แดนนั้นตายไปแล้ว
“พลังงานในร่างของพวกเขาแปลกมาก คล้ายกับของผู้ใช้พลังกายภาพแต่กับมีแต่ความเน่าเหม็นเหมือนกลิ่นซากศพ” เรย์ขมวดคิ้วกล่าวออกมา ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ชายชุดดำทั้งสามคน
“พวกนี้คือเจ้านายที่พวกสาวกลัทธิมืดเรียกถึง จำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เราเจอพวกคนเร่ร่อนที่พยายามให้ซอมบี้กัดและอยากจะกินเลือดสีขาวพร้อมกับซากเด็กในถังไม้ เจ้าตัวพวกนี้คือคนที่ทำแบบนั้นสำเร็จ กลายเป็นพวกกูลสามารถอยู่ร่วมกับซอมบี้ได้ โดยที่พวกซอมบี้ไม่ทำการโจมตีพวกมัน คนพวกนี้ยังมีแข็งแกร่งมากเหมือนกับผู้มีพลัง แต่การมีพลังและการเป็นส่วนหนึ่งของซอมบี้กลับทำให้พวกเขาไม่ใช้มนุษย์อีกต่อไป ต้องกินเนื้อมนุษย์เพื่อคงสติและจิตใจ ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นซอมบี้” คอนราดอธิบายให้เรย์และโบเวนฟังโดยสรุป
ทั้งสองมีสีหน้าเข้มขรึม การรู้เรื่องของคนพวกนี้มันทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจอยู่ลึก ๆ และแสดงความเป็นศัตรูต่อกันอย่างชัดเจน อาจจะเพราะคนเหล่านี้มองมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหาร กินเลือดเนื้อมนุษย์เพื่อแลกกับพลังพิเศษ
“แกคือคอนราด ผู้ใช้พลังจิตที่เคยเข้าร่วมภารกิจสังหารพวกเราในตอนนั้นนี่เอง ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือทีมคอนราดสินะ” กูลอีกตัวกล่าวออกมา
“ใช่แล้ว แกอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยอย่างนั้นเหรอ”
“เปล่า แต่ต้องขอบใจแกเพราะถ้าพวกระดับสูงของเราไม่ตายไป ฉันก็คงไม่อาจจะได้รับโอกาสในการเป็นกูล ว่ายังไงถ้ายอมเข้าร่วมกับพวกเราและกลายเป็นกูล พวกเราจะปล่อยให้แกมีชีวิตรอดต่อไปได้” กูลอีกตัวเดินเข้ามาใกล้ ๆ พวกเขา
คอนราดไม่ตอบ เขาเพียงแต่ล้วงไปในกระเป๋าเสื้อ ซึ่งทำเอาพวกกูลมีท่าทีระวังในทันที แสดงให้เห็นว่าพวกมันทั้งสามก็ระวังพวกเขาเหมือนกัน
คอนราดหยิบเอาบุหรี่ออกมาก่อนจะจุดสูบ พวกกูลพากันขมวดคิ้วกับการกระทำของคอนราด จึงไม่คิดจะพูดอะไรอีก
“ลงมือเลย พวกมันคงมีกันแค่นี้จริง ๆ” หนึ่งในกูลกล่าว ก่อนหน้านั้นที่พวกมันพูดกับคอนราดก็แค่ถ่วงเวลามองหาว่ามีใครรอดมาอีก แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครอีก
เป้าหมายแรกในการลงมือของพวกมันนั้นเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด นั้นก็คือ เรย์