ตอนที่ 429+430 อะไรคือความแตกต่าง
ตอนที่ 429 อะไรคือความแตกต่าง
ตัวบ้านได้รับการปรับปรุงใหม่เป็นสไตล์มินิมอล ใช้สีขาวและดำเป็นหลัก มันเข้ากับบุคลิกของลู่ชิง – สะอาดและมีประโยชน์ต่อการใช้สอย
โจวเหวยฉีเดินนำเข้าไปก่อนใครเพื่อน เขาตรงเข้าไปต้มน้ำ ในขณะที่เฉินซวีเหยานั่งลงบนโซฟาและพูดคุยกับเจียงเหยาต่อ
ลู่ชิงสีนั่งฟังบทสนทนาของพวกเขาสองคนเหมือนตัวเองเป็นคนนอก เพลิดเพลินไปกับรูปลักษณ์ที่น่ามองของเจียงเหยาในทุกขณะ
หลังจากฟังเฉิน เจียงเหยาก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปงานสวนกล้วยไม้สีม่วงในคืนนี้
เจียงเหยารู้ว่าลู่ชิงสีไม่ได้ยินดียินร้ายกับการมีเงินมากมาย เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง เขาถึงยกบ้านที่โกเด้นฮาเบอร์ให้กับโจวเหวยฉี แต่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจะเป็นคนที่สุดโต่งขนาดนี้
เฉินซวีเหยาบอกว่าลู่ชิงสีเดิมพันกับหินก็แค่เห็นว่าสนุกเท่านั้น หินหน้าตาน่าเกลียดที่เขาใช้เงินถึงสามพันหยวนซื้อมา ต่างถูกทุกคนหัวเราะเยาะ
หลังจากการซื้อขายครั้งนั้น เขาก็ไม่ได้ซื้อหินกรดและไม่ได้คิดที่จะเล่นพนันกับหินอีกเลย กระทั่งเหลียงเยวื่อจือต้องการเงินสำหรับเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เขามอบเงินให้อีกฝ่ายเจ็ดแสนหยวน โดยไม่สนใจว่าเงินนั่นจะถูกเหลียงเยวื่อจือใช้ไปอย่างไร
เหลียงเยวื่อจือจะจ่ายเงินปันผลที่ได้จากบริษัทให้กับลู่ชิงสีทุกปี และเขานำเงินที่ได้มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยบังเอิญที่ ที่ดินที่เขาซื้อมักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในไม่ช้า
หากลู่ชิงสีไม่เข้าร่วมกองทัพ เขาคงได้กลายเป็นนักธุรกิจที่น่านับถือมากคนหนึ่ง
น่าแปลกที่พวกเขาสลับเส้นทางอาชีพ โดยที่เหลียงเยวื่อจือหันไปทำธุรกิจ ในขณะที่ลู่ชิงสีตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพ ครอบครัวเหลียงจึงมอบทรัพยากรทั้งหมดที่เตรียมไว้ให้กับเหลียงเยวื่อจือ ให้ลู่ชิงสีแทน
ในเมื่อมีครอบครัวเหลียงหนุนหลังอยู่ ทำให้อาชีพทหารของลู่ชิงสีเป็นไปอย่างราบรื่น
“ว้าว! ฉันไม่รู้ว่าคุณเคยทำอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย” เจียงเหยามองไปที่ลู่ชิงสีด้วยตาตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความชื่นชม
ลู่ชิงสีมีความสุขมากที่ได้เห็นปฏิกิริยาของเจียงเหยาเช่นนี้
“การเดิมพันด้วยหินกรวด หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการพนันแม้แต่นิดเดียว มันก็เป็นเพียงโชคเท่านั้น ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ผลลัพธ์ส่วนใหญ่ก็มักจะถูกกำหนดโดยโชคชะตา” ลู่ชิงสีอธิบาย “ในการเล่นพนัน ทุกคนต่างมุ่งหวังไปที่เงิน พอเราหวังแต่เงินก็จะทำให้เราสับสนได้ง่าย ๆ แม้แต่คนที่มีเหตุผลที่สุดก็ตาม แต่สำหรับผมมันตรงกันข้ามกันยังไงล่ะ”
“แตกต่างกันยังไง?” เจียงเหยามองไปที่ลู่ชิงสีด้วยความสงสัยในสายตาของเธอ
“พวกเขาอยู่ตรงนั่นก็เพื่อเงิน แต่ผมไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อเงิน” อาจฟังดูหลอกลวง แต่มันออกมาจากปากของลู่ชิงสี ทุกคนจึงเชื่อเขา
พวกเขาเชื่อในนิสัยของเขา
“ผมเรียนรู้กลอุบายของการค้าขายจากผู้อาวุโส ก็แค่เห็นว่ามันน่าตื่นเต้นดี พอเรียนรู้ทั้งหมดแล้วความตื่นเต้นมันก็หายไป ตอนนั้นผมยังเด็กและไร้เดียงสาอยู่นิดหน่อยน่ะ”
__
ตอนที่ 430 ตระกูลโจวและตระกูลตู้
ลู่ชิงสีเลิกคิ้วอย่างนุ่มนวล “ก็แค่คนส่วนใหญ่ยกมาพูดเฉพาะตอนที่ได้ให้มันมากเกินไปก็เท่านั้น จะมีใครคิดถึงว่าตอนนักพนันเสียน่ะ เสียไปมากเท่าไหร่ ยิ่งเข้าสู่เส้นทางนี้ก็ยากที่กลับตัว โชคดีที่ผมควบคุมตัวเองได้ค่อนข้างดี”
เขาเห็นหลายเคสแล้วที่เกิดขึ้นกับนักพนันพวกนั้น อันที่จริงเขาก็ชื่นชมความกล้าหาญของพวกเขานะ แต่ไม่เคยยกย่องต่อวิธีหาเงินแบบนี้เลย
ตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาไม่เคยต้องการอะไรและใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายทางการเงิน
ตอนที่เขายกเงินให้กับเหลียงเยวื่อจือเพื่อให้อีกฝ่ายเริ่มต้นทำธุรกิจ เขาไม่คิดว่าจะแลกเปลี่ยนกับหุ้นในบริษัทของเขา เป็นเหลียงเยวื่อจือเองที่คิดเรื่องนี้ขึ้นและจ่ายปันผลให้กับลู่ชิงสีทุกปี สำหรับเขาแล้วเขาไม่ได้กังวลเรื่องของบริษัท
เขาไม่เข้าไปก้าวก่ายกับเรื่องบริษัทมากจนเกินไป อีกอย่างเป็นเพราะเขาไว้ใจเหลียงเยวื่อจือด้วย
“นั่นล่ะ ฉันน่ะคิดถึงพี่ลู่ขึ้นมาเลย หลังจากนั้นพี่เอาอะไรไปงานการกุศลด้วย” โจวเหวยฉีถามขึ้น หลังจากที่รินน้ำให้กับทุกคน
“ฉันเหรอ หลายวันก่อนส่งภาพวาดไป” ลู่ชิงสีส่งน้ำนั้นให้เจียงเหยา แต่ก่อนที่เธอจะยื่นมือออกมารับ เขาก็เอาคืนเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ เมื่อเห็นว่าเจียงเหยาดูสับสนหลังจากที่เขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ เขาตอบออกมา “ยังร้อนอยู่”
ลู่ชิงสีดูใส่ใจกับทุกรายละเอียดและระมัดระวังอย่างมากในการดูแลเจียงเหยา โดยลืมคิดไปว่าเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วและสามารถทำทุกอย่างเพื่อตัวเองได้อย่างสมบูรณ์
เขามองไปที่เฉินซวีเหยาและถามว่า “แล้วนายล่ะ?”
“ฉันไม่สนใจอะ อีกอย่างเพิ่งจะตัดสินใจเข้าร่วม คงหาอะไรเข้าประมูลตอนนี้ไม่ทัน ไว้จะส่งของไปมอบให้ทีหลังก็แล้วกัน เห็นว่าเงินที่ได้จะมอบให้กับโรงเรียนประถมในแถบชนบท ฉันว่าจะซื้อเสื้อกันหนาวและพวกเครื่องเขียนในนามบริษัทของฉันไปมอบให้” เขามองไปที่โจวเหวยฉีหลังจากพูดจบ
โจวเหวยฉีนั่งไขว้ขาและกลอกตาไปที่เฉินซวีเหยา “มองฉันทำไม? ใครจะไปรู้จักลูกชายนอกคอกของตระกูลโจว? ฉันไปเดินดูนั่นดูนี่สนุก ๆ ไม่ต้องสนใจฉัน”
“บ่ายวันนี้ ทั้งตระกูลโจวและตระกูลตู้ก็อยู่ที่นั่นด้วย เหวยฉีไม่ต้องเอาอะไรไปหรอก” ลู่ชิงสีพยักหน้า
“ทั้งสองครองครัวมีความสัมพันธ์กันยังไงเหรอคะ?” เจียงเหยาถาม
“ตระกูลตู้เป็นตระกูลเดิมของคุณนายโจว เป็นพวกมีชีวิตชีวาเหมือนกับตระกูลโจวนั่นล่ะ” คำตอบของเฉินซวีเหยาเต็มไปการเสียดสี “ผู้อาวุโสตู้อายุเกินหกสิบปีแล้ว มีลูกชายกับลูกสาวกับภรรยาคนแรก ก็คือ ตู้หร่งเจิ้น หรือที่รู้จักกันในนามคุณนายโจวนั่นแหละ อีกคนตู้ซื่อหัว พี่ชายของเธอ แม่ของของพวกเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่พวกเขายังเป็นวัยรุ่น”
โจวเหวยฉีหัวเราะคิกคักและเล่าต่อ “ตอนที่ตู้ซื่อหัวอายุเกิน 24 ผู้อาวุโสตู้ก็แต่งงานใหม่ ภรรยาของเขาอายุมากกว่าตู้ซื่อหัวเพียงไม่กี่ปี จากนั้นเธอก็คลอดลูกชายมาคนหนึ่ง อายุมากกว่าตู้เฉิน ลูกชายของตู้ซื่อหัวไม่กี่ปี ผู้อาวุโสตู้รักลูกชายคนเล็กมากกว่าใครอื่น แต่เขาก็ดีกับตู้ซื่อหัวและตู้เฉินนะ หลังจากที่ตู้เฉินเกิดอุบัติเหตุ เขาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น ความลำเอียงของผู้อาวุโสตู้ก็ยิ่งมากขึ้น เขาละเลยตู้ซื่อหัวกับลูกชาย ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสตู้หมานถึงขั้นวางแผนจะยกตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับตู้ซื่อเซียน”